Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเขียนประวัติทางสูติกรรม Obstetric history (คำศัพท์ที่ควรรู้…
การเขียนประวัติทางสูติกรรม Obstetric history
คำศัพท์ที่ควรรู้
Nulligravida สตรีที่ไม่เคยตั้งครรภ์และไม่ได้ตั้งครรภ์ในปัจจุบัน
Gravida สตรีที่ตั้งครรภ์หรือเคยตั้งครรภ์
Primigravida สตรีซึ่งตั้งครรภ์ครั้งแรก
Multigravida สตรีตั้งครรภ์มากกว่า 1 ครั้ง
Nullipara สตรีที่ไม่เคยคลอด ในสตรีที่ไม่เคยตั้งครรภ์หรือเคยแต่แท้ง
Primipara สตรีที่ผ่านการคลอดมาแล้ว 1 ครั้ง
Multipara สตรีที่ผ่านการคลอดตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป
Full term คลอดครบกำหนด ตั้งแต่ 37 wk.ถึง 42 wk.
Premature คลอดก่อนกำหนดน้อยกว่า 37 wk.
Abortion การคลอดก่อนที่จะมีอายุครรภ์ครบ 20 wk.
Living child/Now living จำนวนบุตรที่ยังมีชีวิตอยู่
การบันข้อมูลทางสูติกรรม
ระบบที่ 1 G P
G = Gravida จน.ครั้งของการตั้งครรภ์ทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงจำนวนทารกที่เกิดมาว่ามีชีวิตหรือไม่ รวมทั้งครรภ์ปัจจุบัน
P =Para จน.ครั้งของการคลอดที่ทารกสามารถมีชีวิตรอดได้เมื่ออายุครรภ์ 28 wk.ขึ้นไป
ระบบที่ 2 G P A L
G=Gravida
P =para
A =Abortion จน.ครั้งของการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 28 wk. นน.น้อยกว่า 1000 g
L = Number of liveing children จน.บุตรที่มีชีวิตในปัจจุบัน
ระบบที่ 3 G P T P A L
G = Gravida
P = Para
T = Term pragnancy การตั้งครรภ์ครบกำหนดอายุครรภ์ 37-42 wk. หรือ นน. 2500 g ขึ้นไป
P = Premature infant ทารกคลอดก่อนกำหนด 28-37 wk. นน. น้อยกว่า 2500 g
A =Abortion
L= Number of living children
การคำนวณอายุครรภ์และคะเนกำหนดคลอด
การคาดคะเนคลอด โดยทั่วไประยะการตั้งครรภ์ตามปกติประมาณ 280 วันหรือ 4 wk. นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย LMP วันกำหนดคลอดเป็นวันที่ได้จากการคาดคะเน เรียกว่า Expected Date of Confinement EDC
คะเนวันคลอดโดยการใช้ Naegele's Rule วิธีการคะเน คือ
EDC = LMP +9 เดือนไปข้างหลัง +7
EDC = LMP - 3 เดือนไปข้างหน้า +7
คะเนกำหนดคลอดจากประวัติเด็กดิ้นครั้งแรก Quickening ดังนี้
ครรภ์แรก = Quickening + 22 wk. (18+22 ) = วันที่อายุครรภ์ครบกำหนด (40 wk.)
ครรภ์หลัง = Quickening + 24 wk. (16+24) = วันที่อายุครรภ์ครบกำหนด (40 wk.)
คะเนกำหนดคลอดจากท้องลด Lightening เกิดจากศีรษะทารกเคลื่อนลงสู่ช่องเชิงกราน ทำให้ระดับยอดมดลูกลดต่ำลง ในครรภ์แรกจะเกืดขึ้นประมาณ wk.ที่ 36-38
การคำนวณอายุครรภ์ Determintion of Gestational Age เป็นช่วงเวลาที่นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นอายุครรภ์ที่เรียกว่า Gestational age (GA) หากนับจากวันที่ไข่ตกคือหลัง LMP 2 wk. จะเรียกอายุครรภ์นั้นว่า Ovulation age
การคำนวณอายุครรภ์จาก LMP คือการนับจำนวนวันจาก LMP จนถึงวันที่มาฝากครรภ์
การคำนวณอายุครรภ์จาก EDC ในบางกรณีสตรีตั้งครรภ์จำ LMP ไม่ได้ และทารกยังไม่มีการดิ้นครั้งแรก
การคำนวณอายุครรภ์จากผล U/S
การคำนวณอายุครรภ์จากระดับยอดมดลูก
12 wk. ยอดมดลูกอยู่ที่ระดับ 1/3 เหนือ Symphysis (1/3 >SP)
16 wk. (2/3 > SP)
20 wk. ยอดมดลูกอยู่ที่ระดับสะดือ
24 wk. 1/4 หรือสะดือ
28 wk. 2/4 เหนือสะดือ
32 wk. 3/4 เหนือสะดือ
36 wk. อยู่ระดับใกล้ epigaetrium 4/4
40 wk. ยอดมดลูกลดลงมาถึงระดับ 3/4 เหนือสะดือ เนื่องจากหัวทารกผ่านเข้่อุ้งเชิงกราน (engagement)
ใช้สัดส่วนของยอดมดลูกกับหน้าท้องมารกา หรือจุอ้างอิงทางหน้าท้อง (Abdominal landmark)
การวัดระดับยอดมดลูกด้วยสายเทป Measurment tape นิยมวัดในช่วง 20-32 wk. วิธีนี้จะแม่นยำที่ 22-34 wk.
การคำนวณอายุครรภ์โดยวิธีของ McDonald's rule โดยปกติครบกำหนดมดลูก = 35 cm. จากสูตร อายุครรภ์(เดือน) = ระดับยอดมดลูก(ซม) / 3.5
อายุครรภ์ (wk.) = ระดับยอดมดลูก (ซม) x 8 /7 แม่นยำที่ 20 wk.
การคำนวณจากประวัติการดิ้นครั้งแรก Quickening
คำนวณจากคลื่นเสียงความถี่สูง Ultrasonography U/S เป็นการประเมินจากการวัดสัดส่วนทารก ไตรมาส 1 ใช้วิธี Crown - rump length CRL จากยอดศีรษะถึงส่วนล่างของก้นเด็ก ไตรมาส 2,3 คือ การวัดเส้นผ่าศูนย์กลางศีรษะทารก Biparietal diameter BPD
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการแปลผล
ตรวจเลือด
CBC ประกอบด้วย Hb,Hct ถ้า Hb ต่ำกว่า 11 g/dl หรือ hct ต่ำกว่า 33% ถือว่ามีภาวะซีด ควรมีการตรวจ hct ซ้ำในช่วง 28-32 wk. นอกจากนั้นยังมีการตรวจหาขนาดและลักษณะของ RBC โดยเฉพาะ MCV ในคนปกติจะมีค่ะ MCV 80-100 fl ถ้าไม่มีเครื่องวิเคราะ์เม็ดเลือดอัตโนมัติให้ส่งตรวจคัดกรองธาลัสซีเมียด้วยวิธี OF (one tube osmotic flagility tes)
DCIP (dichlorophenol - indophenol precipitation test) คือการทดสอบฮีโมโกลบินไม่เสถียรโดยการตกตะกอน ใช้ตรวจหา Hb ผิดปกติได้โดยเฉพาะ HbE
กลุ่มเลือด ABO และ Rh การตรวจพบ Rh positive คือ การมี Antigen Rh บนผิว RBC ส่วน Rh negative จะไม่มี RBC ทำให้ร่างกายสร้าง Antibody ต่อ Rh positive ซึ่งรั่วจากลูกไปหาแม่ Antibody ที่สร้างขึ้นในมารดาจะผ่านรกไปยังทารกทำให้เกิดการทำลาย RBC ของทารก เกิดภาวะซีดและ Hydrop ตา
โรคติดต่อต่างๆได้แก่
ซิฟิลิซ VDRL ควรทราบผลก่อนอายุครรภ์ 14 wk. เพื่อรักษาป้องกันความเสี่ยงในการเกิดความพิการ ตายในครรภ์ โตช้าหรือแท้ง วิธีที่นิยมในการคัดกรอง คือ VDRL หากได้ผลเป็นบวกในระดับ low titer (< 1:8) ควรตรวจยืนยันด้วยวิธี TPHA หรือ FTA-ABS สำหรับ VDRL ต้องติดตามผลการรักษา โดยหากมีผลครั้งแรกเป็นลบ ควรตรวจซ้ำอีกเมื่ออายุครรภ์ 32 wk.
ไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg)เป็นการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เพื่อป้องกันการติดต่อทารก ตรวจพบได้ในเลือด ส่วน HBeAg จะทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะติดเชื้อสูง จึงแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้มาก
เชื้อเอดส์ Anti-HIV antibody การตรวจหา anti-hiv มี 2 ขั้นตอน 1. การตรวจเบื้องต้น คือ เทคนิค ELISA การแปลผลว่าให้ผลบวก จะต้องทำ 2 ครั้ง และให้ผลบวกทั้ง 2 ครั้งแต่ถ้าผลบวกครั้งแรกและลบครั้งหลัง ให้มาตรวจซ้ำในอีก 3 เดือนถัดไป 2.การตรวจยืนยัน วิธีที่นิยมและยอมรับมากที่สุด คือ Immunoblot (IB) หรือ Westerm blot (WB)
ตรวจปัสสาวะ
ตรวจน้ำตาลในปัสสาวะ เพื้อค้นหาเบาหวานในระยะตั้งครรภ์ ถ้าตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ ควรทำ 50 gram Oral glucose challenge test (50 g OGCT) หากพบ 140 ขึ้นไปให้ตรวจ (100 g OGTT)อย่างไรก็ตาม น้ำตาลในปัสสาวะที่ตรวจพบไม่เกิน 1+
การตรวจไข่ขาวในปัสสาวะ ในสตรีตั้งครรภ์ปกติก็อาจตรวจพบไข่ขาวหรือโปรตีนในปัสสาวะได้ โปรตีนในปัสสาวะที่ตรวจพบได้ไม่ควรเกิน 1+ ถ้าพบมากกว่า 1+ ควรคำนึงถึงภาวะความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์