G2P1-0-0-1 GA 31+4 weeks by u/s
with Gestational Diabetes Mellitus A2
with Pregnancy Induced Hypertension

ข้อมูลทั่วไป 🚩

หญิงตั้งครรภ์ G2P1 อายุ 33 ปี น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 72 กก. น้ำหนักปัจจุบัน 92 กก. ส่วนสูง 165 ซม.
เข้ารับการรักษาในรพ. วันที่ 3 ธันวาคม 2561 เวลา 11.45 น.

Diagnosis ❓

G2P1-0-0-1 GA 31+4 weeks by ultrasound with Gestational Diabetes Mellitus type 2 with Pregnancy Induced Hypertension

ประวัติการเจ็บป่วย❓

CC : ANC ตามนัดแพทย์พิจารณา admit เนื่องจากความดันโลหิตสูง

PI : G2P1-0-0-1 GA 31+4 wks by u/s with GDM A2 with PIH
LMP จำไม่ได้ , EDC 1402/2562 มีประวัติการฝากครรภ์ ตามWHO 2 ครั้ง
ซึ่งไม่ครบตามเกณฑ์ โดยฝากครรภ์ครั้งที่ 1 วันที่ 13 กันยายน 2561
GA 18 wks by u/s LabANC ครั้งที่1 ปกติ
วันนี้ (03/12/61) มาฝากครรภ์ตามนัดแพทย์ที่ANC ขณะมาฝากครรภ์มีความดันโลหิตสูง
วัดครั้งแรกได้ BP 142/81 mmHg. PR 100/min ครั้งที่สองได้ BP 175/97 mmHg.
PR 108/min ,วัดที่ LRได้ 152/81 mmHg. PR 100/min Urine albumin Negative,
Urine sugar Negative, FBS 93 mg%, 2 hr-pp เช้า 111 mg% เที่ยง 119 mg%
เย็น 125 mg%

PH : มารดาปฏิเสธโรคประจำตัว ปฏิเสธโรคทางพันธุกรรม ปฏิเสธการแพ้ยา แพ้อาหารและสารเคมีต่างๆ ปฏิเสธการได้รับอุบัติเหตุที่มีผลต่อช่องเชิงกราน ปฏิเสธการขูดมดลูก เคยได้รับการผ่าตัดคลอดเมื่อปี 2558

ประวัติครอบครัว❓

มารดาของหญิงตั้งครรภ์ ป่วยเป็นDM ส่วนบิดาป่วยเป็นHT หญิงตั้งครรภ์มีประวัติผ่าคลอด เมื่อปี58 โดยขณะตั้งครรภ์นั้นมีปัญหา GDM type1 ได้รับการผ่าคลอด ขณะอายุครรภ์ครบกำหนด ได้ทารกเพศชาย น้ำหนักแรกคลอด 2,800 กก.

แบบแผนสุขภาพกอร์ดอน 🚩

แบบแผนการรับรู้และการดูแลสุขภาพ : ขณะตั้งครรภ์มารดามีการรับรู้และการดูแลสุขภาพของตนและทารกปกติ ✅

แบบแผนอาหารและการเผาผลาญสารอาหาร : ผิดปกติ เนื่องจากมารดาเป็นGDM type2 หญิงตั้งครรภ์ได้รับการรักษาด้วย
Humulin (70:30) 28-0-32 และติดตามผลระดับน้ำตาลในเลือดก่อนมาฝากครรภ์ ❌

แบบแผนการขับถ่าย : ผิดปกติ เนื่องจาก ตรวจพบ Protein และGlucoseในปัสสาวะเนื่องจากมีการอัตราการกรองของไต
ลดลงจากการมีความดันโลหิตสูงและเบาหวานชนิดที่2 ขณะตั้งครรภ์ ❌

แบบแผนกิจกรรมและการออกกำลังกาย : ผิดปกติ เนื่องจาก มารดามีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ❌

แบบแผนการพักผ่อนนอนหลับ : ในขณะตั้งครรภ์มารดาสามารถพักผ่อนนอนหลับได้ปกติ ✅

แบบแผนสติปัญญาและการรับรู้ : มารดามีรับรู้ปกติในขณะตั้งครรภ์ ✅

แบบแผนการรับรู้ตนเองและอัตมโนทัศน์ : มารดาสามารถรับรู้และยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดการตั้งครรภ์ ✅

แบบแผนบทบาทและสัมพันธภาพ : มารดารับรู้บทบาทของตนเองและมีสัมพันธภาพที่ดีกับสามีและญาติ ✅

แบบแผนเพศและการเจริญพันธุ์ : มารดามีการปฏิบัติตนเหมาะสมขณะตั้งครรภ์ ✅

แบบแผนการปรับตัวและทนทานกับความเครียด : มารดามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ที่อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ : : ❌

แบบแผนคุณค่าและความเชื่อ : มารดานับถือศาสนาพุทธ มีความเชื่อว่าการมาตรวจกับแพทย์แผนปัจจุบัน จะทำให้ตนเองและบุตรปลอดภัยและยังมีความเชื่อของคนโบราณในเรื่องต่างๆด้วย ✅

บันทึกคำสั่งแพทย์ 👨🏻‍⚕️

03/12/61

05/12/61

Admit LR

Lab toxemia

Adalat 10mg 2 tab oral stat
วัด BP ซ้ำอีก 1hr.
If BP ≥160/110 pls notify

Record BP q 2 hr.

Observe early warning sign
for eclampsia

On EFM

Dexamethasone 4 gm im q 12 hr.

DTX 2 hr-pp Keep 80-120 mg%

Order for continuous

Diabetic diet

Triferdine 1*1 pc

Humulin 70:30
sc ac 28-0-32

CaCO3 1*1 pc

04/12/61

DTX next 2hr-pp,
Keep 80-120 mg%

On EFM

Record BP q 4 hr.

DTX next 2hr-pp,
Keep 80-120 mg%

controlน้ำตาลได้ดี plan D/C

ผลการตรวจทาง
ห้องปฎิบัติการ
💥

Hematology 03/12/61

Hb 13.20 g/dL

HCT 38.40%

RBC 4,810,000 uL

MCV 79.80 fL ⬇

MCH 27.40 pg

MCHC 34.40 g/dL

RDW 16.2%

Plt 224,000 uL

WBC 10,610 uL ⬆

Neutrophil 70.1%

Lymphocyte 25.6%

Monocyte 3.2%

Eosinophil 0.6%

Basophil 0.3%

PT 11.4 sec.

INR 0.96 sec.

PTT 24.0 sec.

Analyze Urine 03/12/61

Color : Amber

Turbidity : Clear

pH 6.0

Sp.Gr. 1.015

Protein 2+ ⬆

Glucose 4+ ⬆

RBC 1-2/HPF

WBC 2-3/HPF

Mucus 1+

Bacteria moderate

Chemistry 03/12/61

BUN 7.5 mg/dL ⬇

Creatinine 0.25 mg/dL ⬇

eGFR 159.62 mL/min/1.73m2

Uric Acid 6.4 mg/dL

Total Protein 6.5 g/dL

Albumin 3.26 g/dL ⬇

Globulin 3.2g/dL

Total Bilirubin 0.3 mg/dL

Direct Bilirubin 0.1 mg/dL

AST (SGOT) 11 U/L

ALT (SGPT) 10 U/L

ALP 64 U/L

FBS , DTX 2 hr.-PP.

03/12/61

Stat = 128mg% ⬆

14.00 น. = 148mg% ⬆

18.00 น. = 126mg% ⬆

04/12/61

FBS = 95 mg%

10.00 น. = 120 mg%

14.00 น. = 121 mg% ⬆

18.00 น. = 112 mg%

05/12/61

FBS = 91 mg%

10.00 น. = 112 mg%

14.00 น. = 108 mg%

Pregnancy Induced Hypertension

มี 4 ประเภท

ภาวะครรภ์เป็นพิษ 🏴

Preeclampsia

Eclampsia

มารดาอายุครรภ์มากกว่า 20 wks
ที่มีความดันโลหิตสูง
ร่วมกับพบโปรตีนในปัสสาวะ

มารดาที่มีอาการของ Severe pre-eclampsia
ร่วมกับการชักเกร็ง หมดสติ
ที่ไม่มีสาเหตุจากสภาวะอื่นอาการชัก

Mild pre-eclampsia ค่าความดัน Systolic ไม่เกิน 160 mmHg หรือค่า Diastolic ไม่เกิน 110 mmHg ร่วมกับมีโปรตีนในปัสสาวะ (1+,2+) หรือมีอาการบวมกดบุ๋ม

Severe pre-eclampsia ประกอบด้วย
อาการหรือสิ่งตรวจพบ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังต่อไปนี้

ค่าความดัน Systolic 160 mmHg หรือมากกว่า หรือค่า Diastolic 110 mmHg หรือมากกว่าโดยวัด 2 ครั้ง ห่างกัน 6 ชั่วโมง และวัดขณะได้นอนพัก

มีโปรตีนในปัสสาวะ 5 กรัม/ลิตร หรือมากกว่าในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง (3+,4+)

มีจำนวนปัสสาวะน้อยกว่า 400 ลบ.ซม. ใน 24 ชั่วโมง
หรือน้อยกว่า 100 ลบ.ซม./ 4 ชั่วโมง

มีอาการตาพร่ามัวหรือปวดศีรษะมาก

มีภาวะน้ำคั่งในปอด หรืออาการเขียวคล้ำที่ปลายมือปลายเท้า

ปวดเจ็บบริเวณลิ้นปี่ เป็นอาการสำคัญก่อนผู้ป่วยจะมีอาการชัก

Chronic Hypertension with Superimposed preeclampsia 🏴

ภาวะความดันโลหิตสูงที่พบตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
หรือก่อนอายุครรภ์ 20 wks ร่วมกับพบโปรตีนในปัสสาวะ

Chronic Hypertension 🏴

ความดันโลหิตสูงที่พบตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หรือก่อนอายุครรภ์ 20wks หรือยังคงมีความดันโลหิตสูงในข่วง 12 wks หลังคลอด

Gestational Hypertension 🏴

ความดันโลหิตสูงที่ตรวจพบในอายุครรภ์ 20wks ขึ้นไป โดยไม่พบภาวะ proteinuria และความดันจะเป็นปกติภายใน 12 wksหลังคลอด

พยาธิสภาพ

🏁 มดลูกและรกขาดออกซิเจน ➡ หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะ PIH จะมีการหดตัวของหลอดเลือดทั่วร่างกาย


➡ enz.Monoamine oxidase ที่อยู่ในรก ทำงานลดลงไม่สามารถต้านฤทธิ์สารที่ทำให้หลอดเลือดหดตัวได้


➡ สารrenin ที่หลั่งจากไต มีผลในการสร้าง Angiotensin (Angiotensin I เปลี่ยนเป็น Angiotensin II)


➡ หลอดเลือดมีการหดตัว ทำให้ความดันโลหิตสูง

การเปลี่ยนแปลงที่เส้นเลือด

หลอดเลือดมีการหดรัดตัว ➡ อวัยวะต่างๆขาดเลือดและออกซิเจน
➡ รกทำหน้าที่น้อยลง และเกิดการกระจายของ Thromboplastin ทำให้เกิด Fibrin thrombi ขึ้นในหลอดเลือดฝอยทั่วร่างกาย ➡ เกิดการอุดตันของการไหลเวียนของเลือด (Disseminated Intravascular Coagulation : DIC)

การเปลี่ยนแปลงที่ตา 👁

เกิดจาก optical lope ischemia หรือ Retinal detachment อาการที่พบได้แก่ การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน , เห็นภาพเป็นสีขาวหรือดำเป็นจุดๆ ,
เห็นภาพซ้อน(Diplopia) หรือมองไม่เห็น แต่จะหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์หลังคลอด

การเปลี่ยนแปลงที่สมอง 🤕

cerebral blood flow, oxygen consumption และ vascular resistance จะเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิด focal edema, necrosis และhemorrageได้

การเปลี่ยนแปลงที่ไต 💦

อัตราการกรองของไตลดลง ➡ Creatinine, Urea และ Uric acid ในน้ำเลือดเพิ่มมากขึ้น แต่ในปัสสาวะจะลดลง ➡ กรวยไตบวม-ขาดเลือดไปเลี้ยง ➡ เส้นเลือดฝอยที่ไตอุดตัน

การเปลี่ยนแปลงที่หัวใจและปอด

รายที่มีการไหลเวียนของโลหิตมากเกินไป และมีการสำลักเอาอาหารและน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารเข้าไปในปอดในขณะที่มีอาการชัก จะทำให้เกิดภาวะน้ำคั่งในปอด
ถ้าไม่เสียชีวิตทันทีก็จะทำให้เป็นปอดบวมได้

การเปลี่ยนแปลงที่ตับ

มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มตับ ➡ มี Fibrin เข้าไปอุดตันในหลอดเลือดแดง
ขนาดเล็กของตับ ➡ เกิดการเจ็บบริเวณยอดอกหรือชายโครงขวา
และยังพบว่าตับมีลักษณะบวมแดง มีเนื้อตายใต้เยื่อหุ้มตับ

การเปลี่ยนแปลงที่รก 🚼

รกจะเสื่อมเร็วกว่าปกติ ➡ ทำให้การไหลเวียนของเลือดจากแม่ไปสู่รกน้อยลง ➡ ทารกในครรภ์ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ➡ ทารกที่คลอดออกมามีน้ำหนักต่ำกว่าอายุครรภ์หรือทารกตายในครรภ์ได้

นอกจากนี้ปริมาณน้ำคร่ำลดลง ➡ ปริมาณของน้ำคร่ำไม่เพียงพอที่จะป้องกันแรงกดดันที่มีต่อสายสะดือในระหว่างการคลอด ➡ ทารกเสียชีวิตได้จากการขาดออกซิเจน

♀ มารดารายนี้ฟังปอด clear ไม่มีภาวะน้ำคั่งในปอด

♀ มารดารายนี้ พบโปรตีนในปัสสาวะแรกรับ 2+

♀ มารดารายนี้ไม่มีอาการตาพร่ามัว

click to edit

♀ มารดาตั้งครรภ์ที่มีภาวะ chronic hypertension with superimposed preeclampsia มีค่าSBP มากกว่า140 mmHg ขึ้นไป
พบโปรตีนในปัสสาวะ2+

♀ มารดารายนี้ไม่มีภาวะ Thrombocytopenia
มีค่าเกร็ดเลือดคือ 288,000 uL

♀ มารดารายนี้ไม่มีอาการปวดศีรษะ มึนศีรษะ ไม่มีอาการบวม

♀ มารดารายนี้ไม่มีอาการเจ็บบริเวณยอดอกหรือใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา ผลการตรวจการทำงานของตับปกติ AST11U/L และ ALT 10 U/L

การวินิจฉัย 👩🏽‍⚕️

ประวัติความดันโลหิตสูง โรคไต เบาหวาน
และความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์ในครอบครัว

อาการและอาการแสดง ได้แก่

ความดันโลหิตสูง มากกว่า 140/90 mmHg

น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติและบวม

พบโปรตีนในปัสสาวะ

ปวดศีรษะ

ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่

ความผิดปกติของการมองเห็น

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

Proteinuria ตั้งแต่ 5 กรัมขึ้นไปใน 24 ชั่วโมง หรือ 3+ dipstick ขึ้นไป 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชม.

ภาวะไตวาย serum creatinine ≥ 1.4 mg/dLหรือปริมาณปัสสาวะออกน้อยกว่า 500 มล. ใน 24 ชม.ภายหลังจากได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ

การทำงานของตับผิดปกติ ระดับเอนไซม์ ASTหรือมากกว่าค่าเดิม 2 เท่า

Platelet count < 100,000 /mm3 ระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ

HELLP syndrome

Hemolysis (H) คือ มีภาวะ Microangiopathic hemolysis(MAHA) หรือ LDH > 600 U/L

Elevated liver enzyme (EL) คือ AST/ALT สูงกว่า 2 เท่า
ของค่า Upper normal limit

Low platelet (LP) คือ เกล็ดเลือด < 100,000 cell/mm3

♀ บิดามีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง

♀ มีประวัติความดันโลหิตสูงแรกรับ152/81 mmHg และพบโปรตีนในปัสสาวะ 2+ และไม่มีอาการตาพร่าด้วย ไม่ปวดศีรษะ ไม่จุกแน่นลิ้นปี่ไม่บวม

♀ Proteinuria พบโปรตีนในปัสสาวะแรกรับ 2+


ผล AST11U/L และ ALT 10 U/L และ Plt 288,000 /mm3

การรักษา

ดูแลให้มารดาได้รับการนอนพักผ่อนจำกัดกิจกรรมบนเตียง

Adalat 10mg 2tab oral stat
วัด BP ซ้ำอีก 1hr. If BP ≥160/110 pls notify

Record BP q 2 hr.

observe early warning sign for eclampsia

on EFM

Dexamethasone 4 gm im q 12 hr.

Lab toxemia

Gestational Diabetes Mellitus 🍬

กลุ่มเสี่ยง

มีประวัติพ่อแม่เป็นเบาหวาน (ญาติสายตรง)

หญิงอายุมากกว่า 35 ปี

เคยคลอดบุตรหนักมากกว่า 4,000 กรัม

มีประวัติการคลอดไม่ดี เช่น ทารกตายคลอด คลอดก่อนกำหนด

แท้งหลายครั้งมากกว่า หรือเท่ากับ 3 ครั้ง

ครรภ์แฝดน้ำ

อ้วนมาก (BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 27 kg/m2)

ทารกในครรภ์ก่อนมีความพิการแต่กำเนิด

เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ครั้งก่อน

ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ หรือตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ

เป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือเคยเป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์

มารดาหญิงตั้งครรภ์มีโรคประจำตัวเบาหวาน

น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 72 กก ส่วนสูง 165 ซม
BMI 27.25 Kg/m2

ในครรภ์แรกมารดาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่1และความดันโลหิตสูง
แต่หลังจากคลอดไม่ได้มาตามนัดติดตามอาการต่อ

ตรวจพบโปรตีนและน้ำตาลในปัสสาวะ
ขณะมาฝากครรภ์ที่ANC ครั้งที่ 1และ 2

พยาธิสภาพ

ระยะแรกของการตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการสะสมพลังงาน เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานในการเจริญเติบโตของทารก โดยestrogenและprogesteroneจากรก ➡ กระตุ้นให้เบต้าเซลล์ของตับอ่อนของมารดาหลั่งอินซูลินมากขึ้น ➡ ระดับน้ำตาลในเลือดของมารดาลดลง

อายุครรภ์มากขึ้น รกจะสร้างฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ต้านการทำงานของอินซูลิน ได้แก่ human placental lactogen(HPL) , prolactin , cortisol , progesterone และinsuliness ➡ โดยเฉพาะHPLจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุครรภ์ ➡ ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงตั้งครรภ์ก็จะสูงขึ้น ➡ ตับอ่อนก็พยายามผลิตอินซูลินมากขึ้น ➡
หากไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ก็จะแสดงออกโดยการเป็นเบาหวาน

น้ำตาลในกระแสเลือดของมารดาจะแพร่ผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ แต่อินซูลินจากมารดาไม่สามารถผ่านรกได้ ➡ ทารกจะสร้างอินซูลินเอง ➡ ทารกมีขนาดใหญ่
และลดการสร้างสารsurfactantของปอด

ไตของมารดาก็จะมีการกรองน้ำตาลออกจากกระแสเลือดและขับออกทางปัสสาวะ ➡ น้ำตาลเป็นสารที่มีแรงดูดน้ำมาก ทำให้ดูดน้ำออกมาด้วย ➡ มารดาก็จะปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมาก ทำให้คอแห้ง กระหายน้ำ มีภาวะเลือดข้น การไหลเวียนช้า เซลล์ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ➡ เกิดการเผาผลาญพลังงานแบบไม่ใช้ออกซิเจนทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดได้

♀ มารดามีอาการปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมากกว่าปกติ และมีอาการเหนื่อยง่าย

การวินิจฉัย 👩🏻‍⚕️

การซักประวัติ : ประวัติทั่วไป มีประวัติเบาหวานในครอบครัว
ถ้าคู่แฝดเป็นเบาหวาน มีโอกาส 100% ถ้าพ่อแม่พี่น้องเป็น มีโอกาส25%

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

Glucose challenge test (GCT) รับประทานกลูโคส ขนาด 50 กรัม ไม่ต้องNPO และไม่คำนึงถึงเวลาอาหารมื้อสุดท้าย จากนั้นเจาะเลือดตรวจหลังจากรับประทานกลูโคสแล้ว 1 ชั่วโมง ถ้าระดับน้ำตาลในพลาสมามากกว่า 140 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร ถือว่า ผิดปกติ

Oral glucose tolerance test : OGTT ต้องNPOอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และไม่เกิน 14 ชั่วโมง ในช่วงกลางคืน แล้วเจาะเลือดตรวจในตอนเช้าขณะอดอาหาร (fasting)
หลังจากนั้นให้รับประทานกลูโคสขนาด 100 กรัม แล้วเจาะเลือดที่ 1, 2 และ 3 ชั่วโมง
หลังรับประทานกลูโคส ค่าปกติ ดังนี้ fasting 95 mg/dl, 1 ชั่วโมง 180 mg/dl,
2 ชั่วโมง 155 mg/dl, 3 ชั่วโมง 140 mg/dl
(Carpenter&Coustan)

การแปลผล ค่า OGTT ผิดปกติตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไปถือว่าผิดปกติ ให้วินิจฉัยว่ามีโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) แต่ถ้าพบค่า OGTT ผิดปกติเพียงค่าเดียว ควรตรวจซ้ำในอีก 1 เดือนต่อมา หรืออายุครรภ์ 32 สัปดาห์ เพื่อตรวจวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง

♀ มารดาหญิงตั้งครรภ์มีโรคประจำตัวเบาหวาน / น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ 72 กก ส่วนสูง 165 ซม BMI 27.25 Kg/m2

♀ ตรวจพบโปรตีนและน้ำตาลในปัสสาวะ
ขณะมาฝากครรภ์ที่ANCครั้งที่ 1และ 2
ซึ่งมารดาตั้งครรภ์ปฎิเสธการตรวจคัดกรองเบาหวาน

♀ ในช่วง20-27 พ.ย. 61 ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลและระดับความดันโลหิต ผลปรากฏว่า
ความดันโลหิตลดลงได้โดย ไม่ต้องใช้ยา แต่ค่าน้ำตาลต้องควบคุม
โดยใช้ยาHumulin(70:30) sc ac 28-0-32 แพทย์จึงวินิจฉัยเป็นGDM A2

ค่าระดับน้ำตาลในเลือดช่วง 20-27 พ.ย. 61 คือ
FBS 94-98 mg/dl
2-hr PP 114-142 mg/dl


ชนิด

เบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอ 1 (GDM A1)

OGTT ผิดปกติตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป แต่ระดับน้ำตาลในเลือดก่อนการรับประทานอาหาร (FBS) ต่ำกว่า 105 mg/dl ให้การรักษาโดยการควบคุมอาหาร และติดตามผลน้ำตาลในเลือด
⚠ ถ้ามีการควบคุมอาหารอย่างถูกต้อง และตรวจพบค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนการรับประทานอาหาร (FBS) ต่ำกว่า 105 mg/dl และระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง (2 hr pp.) ต่ำกว่า 120 mg/dl จัดว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอ 1 (GDM A1) ให้การรักษาโดยควบคุมอาหารต่อ

เบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอ 2 (GDM A2)

OGTT ผิดปกติตั้งแต่ 2 ค่าขึ้นไป โดยระดับน้ำตาลในเลือดก่อนการรับประทานอาหาร (FBS) มีค่าตั้งแต่ 105 mg/dl ขึ้นไป ให้การรักษาโดยการควบคุมอาหาร และติดตามผลระดับน้ำตาลในเลือด
⚠ ถ้ามีการควบคุมอาหารอย่างถูกต้องแล้ว แต่ยังตรวจพบค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนการรับประทานอาหาร (FBS) สูงกว่า 105 mg/dl หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง (2 hr pp.)
สูงตั้งแต่ 120 mg/dl
จะให้การวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอ 2 (GDM A2) จะเริ่มต้นการรักษาด้วยยาอินซูลิน