Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ปอดอักเสบ (pneumonia) (พยาธิสภาพ (ทฤษฏี (ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ…
ปอดอักเสบ (pneumonia)
พยาธิสภาพ
ทฤษฏี
ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ มีการติดเชื้อทางเดินหายใจ เชื้อที่อยู่ในเสมหะหรือเมือกในทางเดินหายใจส่วนต้นจะแพร่เข้าสู่ถุงลม ซึ่งภายในถุงลมจะมีกลไกการป้องกันตามปกติของร่างกาย เช่นการโบกพัดของ cilia และการไอเพื่อขจัดเชื้อในเสมหะ หรือเมือกออกไปขณะเดียวกัน macrophage จะทำลายเชื้อโรคที่อยู่ในถุงลมและ cilia จะโบกปัดขับออกโดยการไอ เพื่อขับเชื้อออกทางเสมหะ หรือกลืนลงสู่กระเพาะอาหารแต่ถ้าร่างกายไม่มีกลไกดังกล่าวพอจะมีการอักเสบโดยมีการสร้างน้ำหรือเมือกเพิ่มขึ้นบริเวณถุงลมและไหลเข้าสู่หลอดลมฝอยทำให้เนื้อที่ในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงและยังมีการขจัดเชื้อโรคออกไปยังต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือดเพื่อขจัดออกจากร่างกาย ซึ่งจะมีเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงมารวมตัวทำให้บริเวณที่มีการอักเสบมากขึ้น ทำให้บริเวณถุงลมแคบลงและมีลักษณะแข็ง น้ำ และเมือกที่ติดเชื้อจะแพร่กระจายไปยังปอดส่วนอื่น ทำให้ผู้ป่วยอาการไข้ไอ อาจมีเสมหะร่วมด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุของปอดอักเสบ
กรณีศึกษา
จากการสอบถาม สภาพแวดล้อมบ้านกรณีศึกษามีควันจำนวนมาจากการเผาฟาง อาจทำให้ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของกรณีศึกษาอย่างเรื้อรัง อีกทั้งกรณีศึกษาเป็นเด็กที่มีภูมิต้านทานต่อโรคต่ำ เมื่อสัมผัสเชื้อจากการหายใจเอาเชื้อโรคเข้าไป ทำให้ติดเชื้อทางเดินทางหายใจอย่างเฉียบพลัน เมื่อเชื้อเข้าสู่ถุงลมจะมีการโบกพัดของ cilia และการไอเพื่อขับเชื้อออกทางเสมหะ หากขับเสมหะได้ไม่มีประสิทธิภาพเชื้อก็จะแพร่กระจายอยู่ในปอดหรือถุงลม จะเกิดการอักเสบขึ้น เมื่อมีการอักเสบติดเชื้อ ร่างกายจะมีการสร้างเมือกหรือสารคัดหลั่งเพิ่มขึ้นบริเวณถุงลมและไหลเข้าสู่หลอดลมฝอยทำให้พื้นที่ในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง ผู้ป่วยจึงมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ อีกทั้งร่างกายมีกลไกขจัดหรือตอบสนองต่อการติดเชื้อโดยการปรับอุณหภูมิร่างกายให้สูงขึ้นและสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อจับกินเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกาย ผู้ป่วยจึงมีค่าเม็ดเลือดขาวสูงขึ้น
สาเหตุ
ทฤษฏี
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ส่วนน้อยเกิดจาก ปอดอักเสบที่เกิดจากการสำลักเป็นข้างขวาเนื่องจากหลอกลมข้างขวาหักมุมน้อยกว่าข้างซ้ายการติดเชื้อที่สำคัญ การติดเชื้อแบคทีเรีย นิวโคค็อกคัส (pneumococcus) หรือ สเตรปโตค็อกคัสนิวโมเนีย (Streptococcus pneumonia) ,การติดเชื้อไวรัส ที่พบบ่อย ได้แก่ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus) อีสุกอีใส-งูสวัด ไวรัสอาร์เอสวี (respiratory syncytial virus/RSV) ไวรัสค็อกแซกกี (coxsackie virus) ไวรัสเริม ,การติดเชื้อรา ที่สำคัญได้แก่ นิวโมซิสติสคาริไน (Pneumocystis carinii) ,การติดเชื้อไมโคพลาสมา (Mycoplasma pneumoniae)
กรณีศึกษา
จากสภาพแวดล้อมบ้านกรณีศึกษามักจะเผาฟางไล่ยุงให้วัว ทำให้เกิดควันจำนวนมาก อาจทำให้ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของอาศัยอยู่บริเวณนั้น และกรณีศึกษาอายุ 2 ปี 8 เดือน ยังมีภูมิต้านทานต่อโรคต่ำทำให้เป็นไข้หวัดบ่อย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ติดเชื้อทางเดินทางใจมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเกิดการติดเชื้อ Streptococcus pneumonia เนื่องจากพยาธิสภาพของโรคเกิดอย่างเฉียบพลัน จากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า ค่า WBC มากกว่าปกติ = 25,790 cells/ul , ค่า Neutrophil มากกว่าปกติ 83% แปลผลคือผู้ป่วยมีการติดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย อีกทั้งเชื้อ Streptococcus pneumonia เป็นเชื้อที่เป็นสาเหตุของปอดอักเสบที่พบได้บ่อยสุดในทุกคนทุกวัย
อาการ
ทฤษฏี
มักมีอาการไข้ ไอ เจ็บหน้าอก และหอบเหนื่อย เป็นสำคัญ บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเดิน เบื่ออาหาร อาเจียน ร่วมด้วย อาการไข้มักเกิดขึ้นฉับพลัน อาจมีลักษณะไอเป็นพักๆ หรือไข้ตลอดเวลา บางรายก่อนมีไข้ขึ้น อาจมีอาการหนาวสั่นมาก มักตรวจพบไข้ (39-40 ̊c.) บางรายอาจมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้ ตรวจฟังปอดมักมีเสียงกรอบแกรบ(rhonchi) หรือเสียงวี้ด (wheezing) เฉพาะบริเวณใดบริเวณหนึ่ง บางรายอาจพบอาการเคาะทึบ (dullness) และใช้เครื่องฟังตรวจได้ยินเสียงหายใจค่อย (diminished breath sound) ที่ปอดข้างใดข้างหนึ่ง
กรณีศึกษา
มารดาให้ประวัติว่า บุตรมีไข้ หายใจเหนื่อยหอบ ไอแห้งๆ มีน้ำมูกใส มีคลื่นไส้อาเจียนเป็นน้ำลาย 1 ครั้ง ไม่ปวดท้อง ไม่ชักเกร็ง ไม่มีแขนขาอ่อนแรง ขับถ่ายปกติ ฟังปอดพบ Crepitation , rhonchi sound at right middle lobe เคาะปอดพบ Dullness at right middle lobe
วินิจฉัย
กรณีศึกษา
มารดาให้ประวัติว่า ผู้ป่วยมีไข้ ไอแห้งๆ มีน้ำมูกใส หายใจเหนื่อยหอบ มีคลื่นไส้อาเจียนเป็นน้ำลาย 1 ครั้ง จากการตรวจร่างกาย ฟังปอดพบ crepitation , rhonchi sound at right middle lobe Chest X-ray พบ Infiltration at right middle lobe CBC ที่ผิดปกติ WBC 25,790 cells, Neutrophil 83%, Lymphocyte 11% , ผล H/C = no growth
ทฤษฏี
มักมีอาการไข้ ไอ เจ็บหน้าอก และหอบเหนื่อย เป็นสำคัญ บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเดิน เบื่ออาหาร อาเจียน ร่วมด้วย อาการไข้มักเกิดขึ้นฉับพลัน อาจมีลักษณะไอเป็นพักๆ หรือไข้ตลอดเวลา บางรายก่อนมีไข้ขึ้น อาจมีอาการหนาวสั่นมาก (ซึ่งมักจะเป็นเพียงครั้งเดียวในช่วงแรกมักตรวจพบไข้ (39-40 ̊c.) บางรายอาจมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้ ตรวจฟังปอดมักมีเสียงกรอบแกรบ(rhonchi) หรือเสียงวี้ด (wheezing) เฉพาะบริเวณใดบริเวณหนึ่ง บางรายอาจพบอาการเคาะทึบ (dullness) และใช้เครื่องฟังตรวจได้ยินเสียงหายใจค่อย (diminished breath sound) ที่ปอดข้างใดข้างหนึ่ง
การรักษา
ทฤษฏี
ให้การรักษาเบื้องต้นด้วย ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี อะม็อกซีซิลลิน หรืออีริโทร-ไมซิน และให้การรักษาตามอาการ
เช่น ยาลดไข้ ให้ดื่มน้ำมากๆ ใช้ผ้าชุปน้ำเช็ดตัว ควรติดตามดูอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ถ้าอาการดีขึ้นใน 3 วัน ควรให้ยาปฏิชีวนะติดต่อนาน 10-14 วัน ถ้าไม่ดีขึ้น หรือมีอาการหอบมากขึ้น ควรส่งโรงพยาบาล
กรณีศึกษา
-
- 5 % DN/3 500 ml iv rate 50 ml/hr
- On O2 canula 3 LPM keep O2 sat > 94%
- Ceftriaxone (600 mg) iv OD ต่อจนครบ 7 วัน
- Erythromycin syrup (125 mg) 5 ml oral qid ac. ต่อจนครบ 5 วัน
- Paracetamol syrup (120 mg) 6 ml oral prn. q 4-6 hr. pain or fever
- Bromhexine syrup (4 mg) 2.5 ml oral tid pc.
- Chlorpheniramine syrup (2 mg) 2.5 ml oral tid pc.