Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Congestive Heart Failure ภาวะห้วใจล้มเหลว (อาการเเละอาการเเสดง…
Congestive Heart Failure ภาวะห้วใจล้มเหลว
ภาวะที่เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงไม่เพียงพอ เนื่องจากเลือดไหลผ่านหลอดเลือดเเดงโคโรนารีได้ช้าเเละลดน้อยลง ซึ่งมักเกิดจากหลอดเลือดโคโรนารีตีบเเคบเเละเเข็งผิดปกติ
สาเหตุ
ที่ทำให้เกิดพยาธิสถาพองกล้ามเนื้อหัวใจ
cc
Cardiomyopathies
Myocarditis
จังหวะการเต้นของหัวใจ
ลิ้นหัวใจ
valvular regurgitation
valvular stenosis
อื่นๆ
Hypertension
Pulmonary Hypertension
Shunt เช่น ASD , VSD
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
ถ้าสูงมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนปกติ 2-7เท่า
ระดับโคเลสเตอรอลในเลือด
ผู้ที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงกว่า 250 mg/dL
การสูบบุหรี่
การออกกำลังกาย
สิ่งเเวดล้อม
ปัจจัยชักนำ
ความอ้วน
มักเป็นโรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง เเละไขมันในเลือดสูง
ภาวะเครียด
เนื่องจากขณะที่เกิดภาวะเครียดร่างกายจะหลั่งเเคทีโคลามีน ซึ่งทำให้เกล็ดเลือดจับตัวกันเพิ่มมากขึ้นเเละอาจชักนำให้เกิดภาวะหลอดเลือดหดตัวด้วย
โรคเบาหวาน
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดสูงกว่าผู้ที่มีระดับน้ำตาลปกติเนื่องจากหลอดเลือดของผู้ป่วยเบาหวานมีการเสื่อมของเนื่อเยื่อเกี่ยวพันเร็วกว่าปกติ ทำให้หลอดเลือดเเดงตีบเเละเเข็งมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
อายุเเละเพศ
ภาวะหัวใจขาดเลือดมักพบในคนอายุ 40 ปีขึึ้นไป การตีบตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจมักพบบ่อยเเละรุนเเรงในผู้สูงอายุ เเละภาวะหัวใจขาดเลือดจะสูงขึ้นมากหลังหมดประจำเดือน
เชื้อชาติ
ภาวะหัวใจขาดเลือดพบในคนผิวขาวมากกว่ากลุ่มอื่น เเต่อัตราตายจากภาวะหัวใจขาดเลือดสูงสุดในคนผิวดำ
กรรมพันธุ์
อาการเเละอาการเเสดง
อาการเหนื่อย (dyspnea)
อาการเหนื่อยขณะที่ออกแรง (dyspnea on exertion)
อาการเหนื่อย หายใจไม่สะดวกขณะนอนราบ (orthopnea)
อาการหายใจไม่สะดวกขณะนอนหลับและต้องตื่นขึ้นเนื่องจาก
อาการหายใจไม่สะดวก (paroxysmal nocturnal dyspnea, PND)
อาการบวมในบริเวณที่เป็นระยางส่วนล่างของร่างกาย (dependent part)
เช่นเท้า ขา เป็นลักษณะบวม กดบุ๋ม
อ่อนเพลีย (fatigue)
เนื่องจากการที่มีเลือดไปเลี้ยงร่างกายลดลง
ทำ ให้สมรรถภาพของร่างกายลดลง
แน่นท้อง ท้องอืด
เนื่องจากตับโต จากเลือดคั่งในตับ (hepatic congestion)
มีน้ำ ในช่องท้อง (ascites) อาจพบอาการคลื่นไส้เบื่ออาหารร่วมด้วย
หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia) หายใจเร็ว (tachypnea)
เส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง (jugular vein distention)
เสียงปอดผิดปกติ (lung crepitation) จากการที่มีเลือดคั่งในปอด
(pulmonary congestion)
เสียงหายใจวี๊ด (wheezing)
เนื่องจากมีการหดตัวของหลอดลม (bronchospasm)
crepitation
พบในผู้ป่วยนํ้าเกิน
ตับโต (hepatomegaly) หรือน้ำ ในช่องท้อง (ascites)
บวมกดบุ๋ม (pitting edema)
การวินิจฉัยโรค
การตรวจร่างกาย
Petting edema (บวมกดบุ๋ม)
ตรวจพบเส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง (jugular vein distention)
พบหัวใจโต
ฟังปอดได้ยินเสียง Crepitation จากการมีเลือดค่ังที่ปอด
บางรายได้ยินเสียง wheezing จาก bronchospasm
tachycardia (หัวใจเต้นเร็ว) , tachypnea (หายใจเร็ว)
Hepatomegaly , ascites
เเรงดันชีพจร (Pulse pressure) แคบ
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
Renal function
CBC : Hb Hct
Liver function test
การซักประวัติ
มีประวัติเป็นโรคหัวใจ เหนื่อยหอบ เจ็บเเน่นหน้าอก ไอเป็นเลือด อ่อนเพลีย นอนราบไม่ได้
การตรวจพิเศษ
Chest X-ray
เป็นการตรวจเพื่อยืนยันภาวะเลือดคั่งในปอด (pulmonary congestion),ภาวะที่มีความผิดปกติของหัวใจ
Cardiomegaly
Pulmonary venous congestion
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiography)
บอกว่ามีความผิดปกติของหัวใจ
หัวใจโต (chamber enlargement)
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
กล้ามเนื้อหัวใจตายจาก pathological Q wave
Echocardiography
สามารถวินิจฉัยความผิดปกติของหัวใจและการทำงานของหัวใจได้
ภาวะเเทรกซ้อน
ภาวะตับวาย
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะไตวาย
ลิ้นหัวใจรั่ว
พยาธิสภาพ
หัวใจข้างช้ายล้มเหลว
เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างชายบีบตัวลดลงส่วนใหญ่เกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทำให้เนี้อเยื่อของร่างกายได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ในระยะแรกทำใจจะปรับตัวโดยระบบประสาทซิมพาเทติกจะทำงานเพิ่มขึ้น โดยช่วยกระตุ้นให้ระบบเรนิน-แองลิโอเทนซินทำหน้าที่เพิ่มขึ้น และหัวใจมีขนาดเพิ่มขึ้น หากยังคงมีพยาธิสภาพของโรคดำเนินต่อไปจะทำให้กลไกการปรับตัวชดเชยล้มเหลวทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะต่าง ๆ ได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ผู้ป่วยจะมีอาการผิดปกติทั้งในระบบหัวใจและหลอดเลือด สมอง กล้ามเนื้อ และระบบปัสสาวะ เมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลง จะทำให้ปริมาตรเลือดที่ออกจากหัวใจลดลง จะส่งผลให้เลือดเหลือค้างในหัวใจห้องล่างช้ายมากขึ้น ความดันเลือดในหัวใจห้องล่างซ้ายจึงสูงขึ้น ดังนั้นหัวใจห้องบนซ้ายจึงบีบเลือดส่งมายังหัวใจห้องล่างช้ายน้อยลง ปริมาตรเลือดและความดันเลือดในหัวใจห้องบนซ้ายจึงสูงขึ้นเรื่อย ๆ เลือดจากปอดที่ฟอกแล้วก็จะไหลเข้าสู่หัวใจห้องบนชายได้น้อยลง เป็นผลให้ความดันเลือดในหลอดเลือดฝอยที่ปอดสูงขึ้น เมื่อแรงดันของของเหลวในหลอดเลือดฝอยที่ปอดสูงขึ้น ทำให้ของเหลวออกจากหลอดเลือดฝอยที่ปอดเข้าสู่ถุงลม ทำให้ผู้ป่วยมีภาวะน้ำท่วมปอด หอบเหนื่อย ไอ และเขียว
หัวใจข้างขวาล้มเหลว
มีอาการหัวใจเต้นเร็ว การเต้นของชีพจรเบาบ้างแรงบ้างสลับกัน (Pulsus alternans) ผิวหนังเย็นและชื้นเนื่องจากหลอดเลือดหดตัว ความดันซิสโตลิกลดลังแต่ความดันไดแอสโตลิกสูงขึ้น ฟังหัวใจได้ยินเสียงสาม (s) หรือเสียงคล้ายม้าควบ (Gallop rhythm) จะได้ยินชัดเจนบริเวณลิ้นไมตรัล เสียงนี้เกิดจากมีแรงต้านขณะเลือดถูกส่งเข้าสู่ใจห้องล่าง ผู้ปว่ยจะมีอาการทางสมอง เช่น กระสับกระส่าย สับสน ความจำเสื่อม ฝันร้าย วิตกกังวล นอนไม่หลับ งุนงง เป็นลม หมดสติ เป็นต้น มีอาการเหนื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ มีปัสสาวะออกน้อย (Olguna) มีอาการบวมตับโต ม้ามโต ลำไส้บวม มีอาการแน่นจุกเสียดบริเวณใต้ชายโครงหรือลิ้นปี เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องมาน หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง (Neck vein engorged) ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน
การรักษา
ยาควบคุมหัวใจวาย
ยากลุ่ม renin-angiotensin-aldosterone system (RAAS) blockers
ARB
Candesartan, Valsartan, Losartan
ACE-I
Captopril ,EnalaprilRamipril, Lisinopril ,Trandolapril
MRA
Spironolactone
ยาขับปัสสาวะ
Furosemide , Hydrochlorothiazide , Aldactone, Diamox
ยากลุ่มbeta-blocker
Bisoprolol,Carvedilol, Metoprolol succinate , Nebivolol
ยากลุ่ม cardiac glycoside
Digitalis
ยาเพิ่มแรงบีบหัวใจอื่นๆ
aspirin clopidogrel
การผ่าตัด และการสวนหัวใจ
การผ่าตัดเพื่อช่วยรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวอื่นๆ
การผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ (heart transplantation)
จำกัดน้ำและเกลือ
การแก้ไขความผิดปกติทาง metabolic เช่น BS ต่ำ ,Ca ต่ำ , Mg ต่ำ , ภาวะเลือดเป็นกรด ซีด เป็นต้น
ลด physical activity และเพิ่มออกซิเจนแก่เนื้อเยื่อร่างกาย
ให้ออกซิเจน
ให้ยานอนหลับ(chloral hydrate)ในรายที่กระวนกระวาย
ท่านอน semi-fowler เพื่อลดปริมาณเลือดดาที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจ
ควบคุมอุณหภูมิให้ปกติ
รักษา/ป้องกันการติดเชื้อ
ชนิดภาวะหัวใจล้มเหลว
หัวใจห้องขวาล้มเหลว (Right-sided heart failure)
ทําหน้าที่
รับเลือดจากร่างกายแล้วสูบฉีดไปยังปอดเพื่อฟอกเลือด หากหัวใจห้องขวาล้มเหลวเกิดอาการบวมของเท้า
หัวใจห้องซ้ายล้มเหลว (Left-sided heart failure)
ทำหน้าที่
รับเลือดที่ฟอกแล้วจากปอดและสูบฉีดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย หัวใจห้องนี้แข็งแรงกว่าหัวใจห้องอื่นๆ หากหัวใจห้องนี้ล้มเหลว ร่างกายไม่สามารถสูบฉีดเลือด ทำให้เลือดคั่งในปอดเกิดภาวะที่เรียกว่า น้ำท่วมปอด