Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมในศตวรรษที่ 21 - Coggle Diagram
การจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมในศตวรรษที่ 21
ปฐมบทการเรียนร่วม
สาเหตุที่ต้องมีการจัดการศึกษาแบบเรียนร่วมขึ้นในโรงเรียน
กฎหมาย (Law of Act)
การปฏิรูปการศึกษา (Educational Reform)
สิทธิมนุษยชน (Human Right)
ความสำคัญของการเรียนร่วม
ความแตกต่างของมนุษย์
รูปแบบของชั้นเรียนเป็นการดึงศักยภาพของนักเรียนเป็นหลัก
พรบ.การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ
พรบ.คุณภาพชีวิตคนพิการ
การสร้างความร่วมมือเพื่อการเรียนร่วม
ระดับสถาบัน
หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่มีความเกี่ยวข้องต้องให้ความร่วมมือกับการจัดการศึกษา
โรงเรียนต้องร้องขอจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ
ระดับของโรงเรียน
ต้องจับมือกับหน่วยงานทางการแพทย์
รับรองเด็กที่มีความต้องการพิเศษให้ขึ้นบัตรผู้พิการ
ต้องระบุว่าโรงเรียนมีเด็กที่มีความต้องการพิเศษซึ่งขึ้นบัตรทะเบียนคนพิการมีจำนวนกี่คน
ระดับของการสอน
ต้องบูรณาการบทเรียนให้เป็นบทเรียนที่เบ็ดเสร็จในตัวเอง
ไม่สอนเนื้อหาที่ฉีกจากกันเยอะ
มีรูปแบบของการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย
สอนเนื้อหาในลักษณะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ใช้บทเรียนเดิม เรียนรู้ซ้ำๆ เพื่อให้ผู้เรียนนั้นเกิดการเรียนรู้ที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระดับชั้นเรียน
ให้ผู้เรียนนั้นแก้ปัญหาร่วมกัน
ให้ผู้เรียนทุกคนนั้นมีบทบาท
ให้ความสำคัญกับการประเมินผล
ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราเรียกว่ากระบวนการมากกว่าผลลัพธ์
ระดับของความร่วมมือกับผู้ปกครอง
ผู้ปกครองควรให้นักเรียนฝึกปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายเอง
ผู้ปกครองไม่ควรตามใจนักเรียนมากเกินไป เมื่อนักเรียนทำผิดหรือทำไม่ได้
การเรียนร่วมกับโอกาสทางการศึกษา
การสนับสนุนทางกฎหมาย
พรบ.ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550
สิทธิที่ 2 เลือกบริการทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศึกษา โดยคำนึงถึงความสามารถ ความสนใจ ความถนัด และความต้องการจำเป็นพิเศษของบุคคลนั้น
สิทธิที่ 3 ได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการจัดหลักสูตรมีกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ การทดสอบทางการศึกษา ที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการพิเศษของคนพิการแต่ละประเภทและบุคคล
สิทธิที่ 1 ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิด หรือพบความพิการจนตลอดชีวิตพร้อมทั้งได้รับโอกาสเทคโนโลยีสิ่ง อำนวยความสะดวก สื่อบริการ และความช่วยเหลืออื่นทางการศึกษา
พรบ.การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551
ระบุว่า
การเรียนร่วม
หมายถึง การจัดให้คนพิการได้เข้าศึกษาในระบบการศึกษาทั่วไปในทุกระดับและหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการจัดการศึกษาให้สามารถรองรับการเรียนการสอน สำหรับคนทุกกลุ่มรวมทั้งคนพิการ
นโยบายหลักเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2554-2561)
ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาให้แก่ประชากรทุกกลุ่ม ด้วยรูปแบบหลากหลาย และสนับสนุนการศึกษาทางเลือกด้วยความร่วมมือของชุมชนและครอบครัว โดยให่สามารถเชื่อมโนงกับการศึกษาในระบบปกติได้
สิทธิประโยชน์ในการเรียนร่วม
เด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
การเรียนรู้เกิดขึ้นได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ความร่วมมือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
การใช้เทคโนโลยรสมัยใหม่เป็นเครื่องช่วยอำนวยความสะดวก
วิพากย์ เพื่อการเรียนร่วม
การแก้ปัญหาการจัดการเรียนร่วมในประเทศไทย
การพัฒนาหลักสูตรเพื่อการเรียนร่วม
การเขียนโปรแกรมรายบุคคลที่ดีจะช่วยให้ครูทำการสอนอย่างเป็นระบบและผลการเรียนรู้ตามเป้าหมายเฉพาะด้าน
การใช้โปรแกรมรายบุคคลอย่างเหมาะสมจะเป็นสิ่งที่ช่วยได้อย่างยอดเยี่ยมในการสอน
หลักสูตรแบบขยาย
ช่วยเติมเต็มเพื่อความสมบูรณ์ ความลึก ขอบข่าย และความหลากหลายของหลักสูตรแกน
สิ่งที่สร้างหลักสูตรแกนและแบบขยายขึ้นอยู่กับบริบทและมุมมอง ทัศนคติและคุณค่าของคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางการศึกษา
สัมพันธ์กับทุกๆด้านของหลักสูตรที่รับพิจารณาว่า"ไม่ใช่แกน"
การกำหนดกลยุทธ์เพื่อการเรียนร่วม
สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ (must know) ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือสำคัญมาก
สิ่งที่ควรจะรู้ (should know) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญแต่ไม่มีความจำเป็น
สิ่งที่น่าจะรู้ (could know) ซึ่งไม่ใช่ทั้งสิ่งที่จำเป็นหรือมีความสำคัญเฉพาะ
ความเหมาะสมของการจัดการเรียนร่วมในประเทศไทย
ปฏิบัติการปรับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
สิ่งแวดล้อมทางทรัพยากร
กลยุทธ์การสอน
ผลลัพธ์การเรียนรู้
สิ่งแวดล้อมทางวัสดุอุปกรณ์
ปฏิบัติการการปรับสิ่งแวดล้อมทางทรัพยากร
ส่งเสริมการให้บริการให้มีคุณภาพ
ส่งเสริมการดำเนินงานด้านอื่นๆในสถานศึกษา
เป็นตัวกลาง หรือตัวกระตุ้นที่ทำให้กิจกรรมของโรงเรียนดำเนินไปได้
มีบทบาทต่อกิจกรรมหรือการดำเนินภารกิจของโรงเรียนทั้งด้านของปริมาณและคุณภาพ
บทสำเร็จของโรงเรียนร่วม
ปฏิบัติการการปรับยุทธศาสตร์การสอน
ใช้การสอนแบบแนะนำและต้นแบบ (modelling)
จัดสรรการสาธิตเพิ่มเติมโดยการใช้วิธีแบบขั้นตอน (step-by-step approach)
สอนคำศัพท์เบื้องต้นก่อนและแนวคิดในการสร้างประสบการณ์
ใช้บทบาทสมมุติและการเลียนแบบ (role-play, simulation)
ปฏิสัมพันธ์ที่ถี่มากขึ้น โดยการฝึกปฏิบัติและให้ผลสะท้อนกลับ
ใช้การให้ผลย้อนกลับเชิงบวก (คะแนน, รางวัล)
ใช้คำชมเฉพาะมากขึ้นและใช้กลยุทธ์การเรียนแบบร่วมมือ
ภาระงานเพื่อการสอนการเรียนร่วม
มอบหมายผู้เรียนให้เข้ากลุ่มที่มีสมาชิกหลากหลาย
จัดผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มละประมาณ 4-6 คน
มอบหมายงานโดยมุ่งให้สมาชิกมีระดับการมีส่วนร่วมสอดคล้องกัน
ทบทวนและปรับองค์ประกอบของกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ
จัดที่นั่งเป็นวงกลมเพื่อให้สมาชิกได้เห็นหน้ากัน
คัดเลือกงานที่ผู้เรียนเต็มใจที่จะเรียนรู้
จัดการวัสดุอุปกรณ์ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมโดยมุ่งไปที่กิจกรรมกลุ่ม
มุ่งเน้นทั้งวัตถุประสงค์เชิงวิชาการและการพัฒนาความร่วมมือ
ตั้งกฎเพื่อการทำงานแบบมีส่วนร่วมในกลุ่ม
เส้นทางการเรียนร่วม
การเรียนร่วมในปัจจุบัน
ปฏิบัติการเพื่อการร่วมมือ
ปฏิบัติการการร่วมมือกับเพื่อนร่วมงาน
ประสานงานกับชุมชนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวาระ นโยบาย หรือการกำหนดทิศทางการศึกษา
การพัฒนาลักษณะการสื่อสารเพื่อสร้างความร่วมมือให้เกิดประสิทธิภาพ
เมื่อมีการประชุมให้จัดที่นั่งเป็นวงกลม และไม่จำเป็นต้องกำหนดที่นั่งเฉพาะสำหรับผู้บริหาร
สมาชิกทุกคนมีโอกาสแนะนำตนเอง และมีป้ายชื่อที่ชัดเจน
การตัดสินใจต้องทำในรูปแบบกลุ่ม และดำเนินการโดยกลุ่มเช่นกัน
ไม่มีการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด
การแก้ปัญหาในการศึกษาแบบเรียนร่วม
นิยามปัญหา ระบุปัญหาให้ชัดเจน
ระบุสาเหตุของปัญหา ร่วมมือกันพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น
ตั้งจุดประสงค์ ด้วยการให้สมาชิกร่วมกันวางแผนอย่างเป็นลำดับขั้นในแต่ละประเด็น
ระบุกิจกรรมเพื่อการแก้ปัญหา ขั้นตอนนี้เป็นกาพัฒนาแผนไปสู่การปฏิบัติ
ประเมินและกำกับติดตามความสำเร็จ
การสอนแบบร่วมมือ
ความร่วมมือกับเพื่อนครู
ขึ้นอยู่กับลักษณะธรรมชาติพื้นฐานของคณะครู
สามารถปฏิบัติได้ทุกกลุ่มสาระ และในทุกขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน
จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากการบริหารงานของโรงเรียน
รูปแบบ 1 การสอน 1 การสนับสนุน
มีครูเป็นผู้นำชั้นเรียน 1 คน
มีครูผู้ช่วยอื่นทำหน้าที่ช่วยเหลือ
รูปแบบการสอนแบบสถานี
ผู้เรียนถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มหรือมากกว่าเพื่อให้ทำงานร่วมกันในแต่ละสถานี
ครูอยู่ประจำสถานีหรือเดินเยี่ยมกิจกรรมทุกสถานีก็ได้
เหมาะกับการรวมชั้นเรียนในห้องใหญ่หรือชั้นเรียนเดี่ยวที่มีครู 2 คน
รูปแบบการสอนแบบคู่ขนาน
เหมาะกับชั้นเรียนเดี่ยวที่มีครู 2 คนเท่านั้น
ครูต้องแบ่งเนื้อหาที่แตกต่างกันอย่างละครึ่งของเวลา
แยกสอนผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย
ผู้เรียนจะมีส่วนร่วมมาก
ครูสามารถแสดงความสามารถด้านการสอนตามรูปแบบของตนเองได้เต็มที่
รูปแบบการสอนแบบทางเลือก
ชั้นเรียนถูกแยกออกเป็นกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก
ครูไม่ควรทำให้ผู้เรียนเข้าใจว่ากลุ่มเล็กคือกลุ่มที่ทำงานยากกว่าหรือถูกลงโทษใดๆ
รูปแบบนี้เหมาะกับการรวมชั้นด้วย
รูปแบบการสอนเป็นทีม
รูปแบบนี้ครูจะแบ่งการสอนให้มีบทบาทเท่ากัน
ครูควรวางแผนร่วมกันในเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กัน
รูปแบบนี้ช่วยให้เนื้อหาที่เรียนมีความลึกมากขึ้น
เหมาะกับสอนเชิงบรรยาย
ทำได้ทั้งชั้นเรียนเดี่ยวหรือชั้นเรียนแบบรวมกัน
อนาคตใหม่ของการเรียนร่วม
การพึ่งพาอาศัยกันในกลุ่ม
กลุ่มต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือในการร่วมแสดงความคิดเห็น
สมาชิกในกลุ่มต้องมีบทบาทที่แตกต่างกัน และพัฒนาสมรรถนะตามบทบาทของตนเอง
การพึ่งพาอาศัยเป็นหลักประกันที่เสริมแรงสู่การทำภาระงานของกลุ่มให้ประสบผลสำเร็จ
การตั้งเป้าหมายรายบุคคล
มีการเตรียมความพร้อมให้นักเรียน
มีการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อนักเรียนพิการ
มีการจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลและแผนการสอนเฉพาะบุคคล
ผู้บริหารนิเทศ ติดตาม ประเมินการปฏิบัติงานการจัดการเรียนรู้
มีการจัดสรรงบประมาณ เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก และครูสามารถให้ผู้เรียนประเมินการเรียนรู้และสมรรถนะของกลุ่มด้วยตนเองได้
ความสำเร็จของการเรียนร่วม
การกำกับติดตามการทำงานกลุ่ม
ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมหรือไม่
ใครพูดกับใคร มีผู้เรียนที่พูดมากกว่าคนอื่นหรือไม่
มีผู้เรียนที่ไม่ได้พูดเลยหรือไม่
ผู้เรียนแต่ละคนพูดบ่อยแค่ไหน และในแต่ละครั้งนานเท่าใด
มีผู้เรียนที่รบกวนผู้อื่นหรือไม่
มีผู้เรียนที่เสริมแรงผู้อื่นหรือไม่
ทุกคนเป็นผู้รับฟังหรือไม่ หากไม่ เป็นเพราะเหตุใด
รูปแบบการสื่อสารในกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไรจากช่วงต้นจนถึงช่วงปลาย
ความสำเร็จของการเรียนร่วม
ควรมีการกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด
ครูต้องมีบทบาทเชิงรุกในการกำกับติดตาม
ครูสามารถตรวจความเข้าใจภาระงานของผู้เรียนได้ตั้งแต่ช่วงแรกของชั้นเรียน
ครูควรสังเกตการมีส่วนร่วมของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
ครูสามารถใช้กระบวนการถามตอบเพื่อเสริมสร้างการสอนได้
แผลการเรียนรายบุคคล
การเรียนแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคล
การวางแผนการเรียนรู้รายบุคคล
เป้าหมายจะสำเร็จได้ต้องผ่านการใช้โปรแกรมการศึกษารายบุคคลที่มีประสิทธิภาพ
เป็นการจัดการศึกษาสำหรับคนที่มีความสามารถหลากหลาย
ประโยชน์ของโปรแกรมการเรียนรู้รายบุคคล
ช่วยให้เกิดความมั่นใจในการตรวจสอบ และวัดได้
ชดเชยการขาดความสนใจในหลักสูตร
ให้โอกาสผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมในสิ่งที่ผู้เรียนของตนเรียนรู้
ช่วยกำหนดให้ผู้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทางการศึกษาในการมุ่งเน้นไปที่การเรียนร้สำหรับผู้เรียน
ให้ข้อมูลในบางแง่มุมของหลักสูตรว่าจะสอนผู้เรียนอย่างไร
ในการจัดสรรทรัพยากรล่วงหน้าและการบริการที่สนับสนุนที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน
องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคตล
ปฏิบัติการรวบรวมแผนโปรแกรมรายบุคคล
การประเมินผลลัพธ์
เป้าหมายระยะยาว
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
ตัวชี้วัดความสำเร็จ
กลยุทธ์การเรียนร่วมและสื่อวัสดุ
ทบทวนและกำหนดการติดตาม และกลยุทธ์
การระบุวิสัยทัศน์
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมรายบุคคล
กำหนดวิสัยทัศน์สั้นๆเพื่อสื่อถึง"ภาพใหญ่"
การพัฒนาคำแถลงวิสัยทัศน์ควรเริ่มจากการตอบคำถามเหล่านี้
ผู้เรียนสนุกกับสิ่งที่ทำขณะนี้หรือไม่ กิจกรรมนี้มีความหมายในระยะยาวหรือไม่
ผู้เรียนมีความฝันอะไรในอนาคต
ผู้ปกครองมีความฝันอะไรในอนาคต
ท่านอยากเห็นผู้เรียนทำสิ่งใดเมื่อเขาอยู่โรงเรียน
ท่านคาดหวังจะเห็นผู้เรียนทำสิ่งใดเมื่อผู้เรียนโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
บทสำเร็จของการจัดการเรียนรู้รายบุคคล
การตั้งเป้าหมายระยะยาว
เกิดจากการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน
เกิดจากการประชุมร่วมมือกันระหว่างผู้เกี่ยวข้อง
เป็นการตั้งเป้าหมายที่ครอบคลุมการศึกษา 1 ปี หรือระยะเวลา 2 ภาคการศึกษา
อาจจะถูกประเมินในทุกๆ 3-6 เดือน
ครอบคลุมพัฒนาการของผู้เรียน
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เรียนนั้นรู้ว่าตนเองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เป็นสิ่งทำให้ครูนั้นจะรู้ว่าครูควรสอนเด็กให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมควรที่จะเปลี่ยนแปลงในช่วง 1-2 เดือน