Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจสุขภาพนักเรียนโดยพยาบาลอนามัยโรงเรียน, 1, 2, 3, 4, 70, 7, 8, 910 -…
การตรวจสุขภาพนักเรียนโดยพยาบาลอนามัยโรงเรียน
การตรวจสุขภาพนักเรียน
1.1 การตรวจสุขภาพโดยแพทย์ควรทำปีละ 1 ครั้ง โดยใช้เกณฑ์ดังนี้ นักเรียนที่เข้าใหม่ทุกคน นักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นสูงสุดของโรงเรียน (ป.6, ม.3, ม.6) นักเรียนที่เป็นนักกีฬาของโรงเรียนและนักเรียนที่ป่วยหรือประสบอุบัติเหตุในโรงเรียน
1.2 การตรวจสุขภาพโดยทันตแพทย์นักเรียนควรได้รับการตรวจสุขภาพของปากและฟันปี ละ 1 ครั้ง
1.3 การตรวจสุขภาพโดยพยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยการตรวจสุขภาพ 10 ท่า เพื่อค้นหาความบกพร่องทางสุขภาพกายของนักเรียน โรงเรียนควรจัดให้มีพยาบาลเยี่ยมตรวจ โรงเรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
วิธีการตรวจสุขภาพนักเรียน
โดยพยาบาลเเละเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้นักเรียนพับแขนเสื้อขึ้น ปลดกระดุมคอออก 1 เม็ด ถอดรองเท้าและถุงเท้า แล้วสอนให้นักเรียนทำท่าตรวจสุขภาพ 10 ท่า เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
วิธีการตรวจสุขภาพ 10 ท่า
ท่าที่1 ตรวจเล็บและมือโดยยื่นมือไปข้างหน้าให้สุดแขนทั้งสองข้างคว่ำมือ กางนิ้วทุกนิ้ว
สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต(รวมทั้งท่า 1และ 2)
เล็บยาว สกปรก
ผิวหนังบวม เป็นแผล
มีเม็ดตุ่มเล็ก ๆ มีน้ าใส ๆ ตามง่ามมือ
ตุ่มสากบริเวณด้านนอกวงแขน
ท่าที่2 ตรวจฝ่ามือและผิวหนัง โดยทำท่าต่อเนื่องจากท่าที่ 1 คือพลิกมือ หงายมือ
ท่าที่ 3 ตรวจตา โดยงอแขนพับข้อศอก ใช้นิ้วแตะเปลือกตาด้านล่างเบา ๆ ดึงเปลือกตาด้านล่างพร้อมกับ เหลือกตาขึ้นและลง แล้วจึงกลอกตาไปด้านขวาและซ้าย
สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต
ดวงตาแดง มีขี้ตา คันตา
เปลือกตา บวม เจ็บ
ท่าที่4 ตรวจเหงื่อไคล ความสะอาดที่คอ ใช้มือทั้งสองข้างดึงคอเสื้อออกให้กว้าง ภายหลังที่ปลดกระดุมหน้าอกเสื้อ แล้วหมุนตัวซ้ายและขวาเล็กน้อย เพื่อจะได้เห็นรอบ ๆ บริเวณคอ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต
เม็ดผื่นบริเวณผิวหนังใต้คอ
ผิวหนังสกปรก มีขี้ไคล
ท่าที่5 ตรวจเหา เหงื่อไคล ความสะอาดที่หูซ้าย สำหรับนักเรียนหญิงใช้มือขวาปัดผมไปทัดไว้ที่ ด้านหลังหูขวา หันหน้าไปทางซ้าย ส่วนนักเรียนชายหันหน้าไปทางด้านซ้ายเท่านั้น
ท่าที่ 6 ตรวจเหา เหงื่อไคล ความสะอาดที่หูขวาในท่าเดียวกัน นักเรียนหญิงใช้มือซ้ายเปิดผมไปทัดไว้ ด้านหลังหูซ้าย หันหน้าไปทางขวา ส่วนนักเรียนชายให้หันหน้าไปทางขวาเท่านั้น
สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต (ท่า 5 และ6)
มีไข่เหาบริเวณโคนเส้นผม
มีน้ำหรือน้ำหนองไหลออกมาจากหูข้างใดข้างหนึ่ง
ต่อมน้ำเหลืองหลังหูโต
ท่าที่7 ตรวจฟัน เหงือก ริมฝีปาก ให้นักเรียนกัดฟัน และยิ้มกว้างให้เห็นเหงือกเหนือฟันบน และเห็นฟันล่าง ให้เต็มที่
สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต
ริมฝีปากซีดมาก
เหงือกบวม เป็นหนอง
เป็นแผลที่มุมปาก
ท่าที่8 ตรวจคอ , ลิ้น ต่อมไทรอยด์ให้อ้าปาก แลบลิ้นยาว พร้อมทั้งร้อง “อา” เอนศีรษะไปข้างหลังเล็กน้อย
สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต
ลิ้นแตก แดง เจ็บ หรือเป็นฝูาขาวๆ
ฟันผุ
ต่อมทอนซิลโต
ท่าที่9 – 10 ตรวจเล็บเท้าและผิวหนังถึงเข่าด้านหน้า – หลัง สำหรับนักเรียนหญิง ให้แยกเท้าทั้งสองข้างห่าง กัน 1 ฟุต ใช้มือทั้งสองข้าง จับกระโปรงดึงขึ้นเหนือเข่าทั้งสองข้าง ส่วนนักเรียนชายเพียงแยกเท้าทั้งสองข้างให้ห่างกัน 1 ฟุตเช่นกัน (ท่าที่ 9 ) ให้นักเรียนชายและนักเรียนหญิงหันหลังกลับ สังเกตด้านหลังแล้วให้เดินไป ข้างหน้าประมาณ 4 - 5 ก้าว แล้วเดินกลับหันเข้าหาผู้ตรวจ (ท่าที่ 10 )
สิ่งผิดปกติที่ควรสังเกต
แผลบริเวณเข่า หน้าแข้ง และน่อง
เป็นตุ่ม พุพอง
การวัดสายตา
การเตรียมอุปกรณ์
แผนวัดสายตารูปตัว E (E-Chart)
แว่นรูเข็ม (Pin Hold)
เทปวัดระยะทาง
กระดาษแข็งหรืออุปกรณ์ที่ตัดเป็นรูปตัว E
การเตรียมสถานที่
ห้องหรือสถานที่ต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 6 เมตร
มีพื้นที่และแผ่นฝาที่เรียบทึบ
มีแสงสว่างอย่างพอเพียง
การติดแผ่นวัดสายตาและเตรียมผู้ที่จะวัดสายตา
ชี้แจงวิธีการวัดสายตาและวัตถุประสงค์ให้นักเรียนเข้าใจ
ติดแผ่นวัดสายตา (E-Chart) โดยให้ตัวอักษรแถวล่างสุดอยู่ในระดับสายตา
วัดระยะทางจากแผ่นวัดสายตา (E-Chart) ให้ได้ระยะ 6 เมตร และเขียนเลขกำกับแต่ละเมตร เช่น 1 เมตร 2 เมตร..... 6 เมตร
ทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ไว้ให้นักเรียนยืน โดยให้นักเรียนวางเท้าเหนือเส้นที่ขีดไว้
ถ้านักเรียนสวมแว่นสายตา ให้ถอดแว่นสายตาแล้ววัด 1 ครั้งก่อน และลงบันทึกในช่อง “วัดสายตา ไม่สวมแว่น” ต่อมาให้นักเรียนวัดสายตาโดยการสวมแว่น เพื่อจะได้ทราบว่า แว่นสายตาที่นักเรียนใส่อยู่นั้นมีความเหมาะสมหรือไม่
การบันทึกผล
การบันทึกผลความสามารถในการมองเห็น (Visual Acuity = V.A) บันทึกผลความสามารถในการมองเห็น (visual acuity – V.A.) เป็นเศษส่วน โดย
เศษ - ระยะทางที่นักเรียนยืน ( 6, 5, 4, 3, 2, 1 เมตร)
ส่วน - ระยะตัวอักษรที่อ่านได้บนแผ่นวัดสายตา (6, 9, 12,18, 24, 36, 60)
สรุป V.A. ความสามารถในการมองเห็น = ระยะทางที่นักเรียนยืน/ ระยะตัวอักษรที่อ่านได้บนแผ่นวัด
ระยะตัวอักษรต่างๆ ที่อ่านได้บน E-Chart หมายถึง ระยะทางการเห็นวัตถุได้ชัดของผู้สายตาปกติ เช่น
คนที่สายตาปกติจะเห็นตัวอักษรแถวล่างสุด เมื่อยืนห่างจากแผ่นภาพ 6 เมตร
คนที่สายตาปกติจะเห็นตัวอักษรแถวที่ 2 เมื่อยืนห่างจากแผ่นภาพ 9 เมตร
คนที่สายตาปกติจะเห็นตัวอักษรแถวที่ 3 เมื่อยืนห่างจากแผ่นภาพ 12 เมตร
คนที่สายตาปกติจะเห็นตัวอักษรแถวที่ 4 เมื่อยืนห่างจากแผ่นภาพ 18 เมตร
คนที่สายตาปกติจะเห็นตัวอักษรแถวที่ 5 เมื่อยืนห่างจากแผ่นภาพ 24 เมตร
คนที่สายตาปกติจะเห็นตัวอักษรแถวที่ 6 เมื่อยืนห่างจากแผ่นภาพ 36 เมตร
ในกรณีที่เด็กนักเรียนยืนอยู่ที่ระยะ 6 เมตรแล้วเห็นบรรทัดบนสุดเพียงบรรทัดเดียว ให้บันทึกว่า 6/60
ในกรณีที่เด็กนักเรียนยืนที่ระยะ 6 เมตร แล้วไม่สามารถอ่านบรรทัดบนสุดได้ ให้เด็กนักเรียนเลื่อน ขึ้นมายืนที่ตำแหน่ง 5 เมตร แล้วให้อ่านที่บรรทัดบนสุดเท่านั้น ถ้าสามารถอ่านได้ ให้บันทึก 5/60 แต่ถ้าไม่สามารถอ่านได้อีก ให้เด็กนักเรียนมายืนที่เส้น 4, 3, 2, 1 เมตรตามลำดับ จนกว่านักเรียนจะสามารถมองเห็นบรรทัดบนสุดได้ และลงบันทึกเป็น 4/60, 3/60, 2/60, 1/60 ตามที่เด็กสามารถอ่านได้
วิธีการวัดสายตา
วัดทีละข้าง โดยวัดที่ข้างขวาก่อนเสมอ
ให้นักเรียนยืนในเส้นที่กำหนด
ให้นักเรียนปิดตาซ้ายด้วยมือซ้าย มือขวาถือตัว E แล้วหันไปในทิศทางเดียวกันกับตัว E ที่ผู้ชี้บน แผ่น E-Chart โดยให้นักเรียนอ่านจากบรรทัดบนสุดไล่ลงมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย แล้วบันทึกลงในช่องตาขวา หลังจากนั้น ให้นักเรียนทำเช่นเดียวกันเมื่อวัดตาซ้าย
นักเรียนที่มีการมองเห็นผิดไปจาก 6/6 ให้ใช้ Pin-hold เป็นเครื่องวัดความผิดปกติ เพื่อแก้ไขได้ถูกต้องต่อไป
ในกรณีที่นักเรียนใช้ Pin-hold แล้วความสามารถในการมองเห็นเเย่ลง แสดงว่าผู้ถูกวัดมีความผิดปกติเกี่ยวกับโรคตา ควรส่งพบจักษุแพทย์และในกรณีที่นักเรียนใช้Pin-hold แล้วความสามารถในการมองเห็นดีขึ้น แสดงว่าผู้ถูกวัดมีความผิดปกติเกี่ยวกับการหักเหของแสง คือ สั้น ยาว เอียง แก้ไขโดยการใส่แว่น
การแปลผลและวินิจฉัยภาวะสายตา
ความสามารถในการมองเห็น 6/6 , 6/6 แปรผลการทดสอบว่า สายตาปกติทั้งซ้ายและขวา
ความสามารถในการเห็น 6/9 , 6/12 ต้องทำการเฝ้าระวัง โดยการวัดสายตาปีละครั้ง
ความสามารถในการมองเห็นน้อยกว่า 6/12 ต้องส่งพบจักษุแพทย์