Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดเเละเงื่อนไขในการปประกอบวิชาชีพ…
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดเเละเงื่อนไขในการปประกอบวิชาชีพ การพยาบาลผดุงครรภ์ พ.ศ. 2564
หมวดที่ 1 บททั่วไป (ข้อ 4 คำจำกัดความ)
ข้อ 4
ในข้อบังคับนี้
"การเจ็บป่วยภาวะฉุกเฉิน" หมายความว่า การได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยกระทันหัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตหรือการทำงานของอวัยวะสำคัญ จำเป็นต้องได้รับการประเมิน การจัดการเเละการบำบัดรักษาอย่างทันท่วงที
"การรักษาโรคเบื้องต้น" กระบวนการประเมินภาวะสุขภาพ ทั้งการซักประวัติ การตรวจร่างกาย การวินิจฉัยเเยกโรค การรักษาโรคเเละการบาดเจ็บ การป้องกันโรครวมถึง การปฐมพยาบาล เพื่อการเเก้ปัญหา ความเจ็บป่วย บรรเทาความรุนเเรง หรืออาการของโรค เพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะความเจ็บป่วย หรือภาวะวิกฤต
"การเจ็บป่วยวิกฤต" หมายความว่า ความเจ็บป่วยที่มีความรุนเเรงถึงขั้นอาจทำให้ผู้ป่วยถึงเเก่ความตายหรือพิการได้
"การปฐมพยาบาล" หมายความว่า การให้ความช่วยเหลือกับผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วย โดยดูเเลเพื่อบรรเทาอาการ การได้รับความช่วยเหลือจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
"การให้ภูมิคุ้มกัน" หมายความว่า กระบวนการที่ทำให้ร่างกายสร้างหรือเกิดภูมิคุ้มกัน หรือมีภูมิต้านทานต่อโรคที่ต้องการโดยการให้วัคซีน
หมวดที่ 4 การประกอบวิชาชีพผดุงครรภ์
ส่วนที่ 2 ระยะคลอด (ข้อ 19-25 )
ข้อ 19
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะกระทำการผดุงครรภ์ได้เเต่เฉพาะรายที่ตั้งครรภ์ปกติ เเละคลอดอย่างปกติ ตลอดจน การดูเเลมารดาเเละทารก้้รกเกิด
ข้อ 20
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การผุงครรภ์หญิงมีครรภ์ ระยะก่อนคลอด
ดังนี้
20.1 การประเมินหญิงมีครรภ์
20.1.1 การประเมินประวัติการตั้งครรภ์ เเละประวัติการเจ็บป่วยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์เเละการคลอด
20.1.2 การตรวจทางหน้าท้องเพ่อประเมินความพร้อมในการคลอด
20.2 การตรวจประเมินทารกในครรภ์
20.2.1 การตรวจการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
20.2.2 ประมาณน้ำหนักทารกในครรภ์
20.2.3 ส่วนนำเเละทำท่าทารกในครรภ์
20.3 การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
ข้อ 21
การพยาบาลระยะคลอด (Intrapartum)
21.1 การพยาบาลหญิงมีครรภ์ ที่ได้รับการชักนำการคลอด
( Induction of labour)
21.2 การทำคลอด ในรายปกติ เตรียมทำคลอดเมื่อปากมดลูกสมบูรณ์เเล้ว ส่วนนำอยู่ในอุ้งเชิงกรานพร้อมคลอด ตัดฝีเย็บตามข้อบ่งชี้ การทำคลอด การดูเเลทารกเเรกเกิดทันที
21.3 ทำคลอดรก เเละเยื่อหุ้มทารกโดยใช้วิธี Modified Crede' Maneuver การตรวจรกเเละเยื่อหุ้มรก ในรายที่รกค้างถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้ทำคลอดรกด้วยวิธีพยุงดึงรั้งสายสะดือ (Controlled cord traction) ถ้ารกไม่คลอดให้ส่งต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อมทันที
21.4 การเย็บซ่อมเเซมฝีเย็บ ในรายที่มีการฉีกขาดที่ไม่เกินระดับ 2 (second degree tear)
21.5 การประเมินการเสียเลือด
21.6 การประเมินสัญญาณชีพ หลังคลอดทันทีเเละก่อนย้ายออกจากห้องคลอด
ข้อ 22
การช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำคลอด ในรายที่มีการคลอดผิดปกติ การช่วยทำหัตถการทางสูติกรรมที่มีความปลอดภัยต่อหญิงมีครรภ์
ข้อ 23
ห้ามผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง กระทำการที่เกี่ยวกับการคลอด
ดังนี้
23.1 การเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจภาวะการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ (Amniocentesis)
23.2
การทำคลอดที่มีความผิดปกติ
23.3 การล้วงรก (Manual removal of placenta)
23.4 การกลับท่าของทารกในครรภ์ ทั้งภายในเเละภายนอกครรภ์ (Internal and external version)
23.5 การใช้มือกดดท้องในขณะช่วยทำคลอด
23.6 การเย็บซ่อมฝีเย็บที่มีการฉีกขาดระดับ 3
23.7 การทำเเท้ง
ข้อ 24
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะกระทำการช่วยคลอดฉุกเฉินในรายที่มีการคลอดผิดปกติที่ไม่สามารถตรวจพบก่อนการทำคลอด เเละไม่สามารถหาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำการคลอดได้ภายในเวลาอันสมควร เเละเห็นประจักษ์ว่าถ้าละเลยไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาหรือทารกก็ให้ทำคลอดในรายเช่นนั้นได้ เเต่ห้ามให้ใช้คีมสูง ในการทำคลอด หรื่อใช้เครื่องดูดสูญอากาศในการทำคลอดหรือทำการผ่าตัดในการคลอด หรือให้ยารัดมดลูกก่อนคลอด
ข้อ 25
ในรายชื่อที่มีการตกเลือดหลังคลอดถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้รักษาอาการตกเลือดเบื้องต้นตามความจำเป็นเเละส่งต่อทันที
ส่วนที่ 1 ระยะก่อนตั้งครรภ์เเละระยะตั้งครรภ์ (ข้อ 16-18 )
ข้อ 16
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ในการผดุงครรภ์เเก่หญิงเเละครอบครัว เมื่อต้องการมีบุตร ก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ ด้วยกระบวนการ
ดังนี้
16.1 การตรวจประเมินภาวะสุขภาพของหญิงเเละคู่สมรสเพื่อวางแผนการมีบุตร
16.2 การตรวจประเมินภาวะตั้งครรภ์ด้วยเวชภัณฑ์ทดสอบการตั้งครรภ์
16.3 การฝากครรภ์
16.3.1 การประเมินภาวะสุขภาพด้านร่างกายเเละจิตใจของหญิงมีครรภ์ การสอนการปฏิบัติตนขิงบิดามารดาในระหว่างคั้งครรภ์ การคลอดเเละหลังคลอด เพื่อการเตรียมคลอด
16.3.2 การประเมินการเจ็บป่วยในอดีตเเละปัจจุบัน ที่อาจมีผลกระทบกับการตั้งครรภ์ การคลอด การผ่าตัดอื่นที่นอกเหนือไปจากการผ่าตัดคลอด การใช้ยา การเเพ้ยาเเละอาหาร
16.3.3 การประเมิน ประวัติสูติกรรม จำนวนครั้งที่เคยตั้งครรภ์ ผลการตั้งครรภ์เเต่ละครั้ง รายละเอียดการคลอด ภาวะเเทรกซ้อนของการตั้งครรภ์เเละการคลอดครั้งก่อน
16.3.4 การตรวจร่างกายทั่วไปเเละประเมินภาวะโภชนาการของหญิงมีครรภ์
16.3.5 การตรวจครรภ์เเละทารกในครรภ์ เพื่อประเมินภาวะของการตั้งครรภ์เเละตรวจเต้านมเเละหัวนม เพื่อเตรียมพร้อมให้นมมารดา
16.3.6 ให้ยาเสริมธาตุเหล็กเเละโฟเลตเเก่หญิงมีครรภ์
16.3.7 การให้วัคซีนป้องกันบาดทะยัก เละวัคซีนอื่นตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อ 17
เเนะนำเเละส่งต่อหญิงตั้งครรภ์ให้ได้รับการตรวจเเละการรักษากับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามเกณฑ์การฝากครรภ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อ 18
ส่งต่อหญิงตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยง หรือตรวจสอบว่าพบภาวะครรภ์เป็นพิษ (Pre-eclampsia) หรือส่วนบน หรือท่าทารกในครรภ์ผิดปกติ ให้ได้รับการพยาบาลจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มี่ความพร้อม เพื่อความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์เเละทารก
ส่วนที่ 4 การวางเเผนครอบครัวเเละการคัดกรองมารดาเเละทารก (ข้อ 31-33 )
ข้อ 31
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง สามารถกระทำการพยาบาลเเละวางแผนครอบครัว
ดังนี้
ข้อ 32
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ข้อ 33:
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง การให้บริการวางแผนครอบครัวแบบใช้ยาหรือใช้อุปกรณ์
33.1 ยาเม็ดคุมกำเนิด (Oral contraceptive pills)
33.2 ถุงยางอนามัย
33.3 วงเเหวนคุมกำเนิด
33.4 แผ่นแปะคุมกำเนิด / ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะผิวหนัง
ส่วนที่ 3 การพยายาลมารดาเเละทารก ระยะคลอด (ข้อ 26-30)
ข้อ 26
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ให้การพยาบาลกับมารดาหลังคลอดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะเเทรกซ้อน โดยเฉพาะภาวะตกเลือดหลังคลอด เเละอาการอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น
ข้อ 27
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะต้องใช้ยาทำลายเเละป้องกันการติดเชื้อสำหรับหยอดตา หรือป้ายตาทารกเเรกเกิดทันที
ข้อ 28
การพยาบาลทารกเเรกเกิด โดยการประเมินสัญญาณชีพ ความผิดปกติ หรือความพิการที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เเละให้มารดาได้สัมผัสโอบกอดทารกเเละเริ่มให้ดูดนมจากมารดาภายในชั่วโมงเเรกหลังคลอด
ข้อ 29
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะต้องบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของหญิงตั้งครรภ์ การพยาบาลระยะตั้งครรภ์ การคลอด การพยาบาลหลังคลอด เเละการให้การบริการตามความเป็นจริง ตามเเบบของสภาการพยาบาล เเละต้องเก็บบันทึกรายงานไว้เป็นหลักฐาน เป็นระยะเวลา 5 ปี
ข้อ 30
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นสอง ให้กระทำการพยาบาลระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด เเละการพยาบาลหลังคลอด ในรายตั้งครรภ์เเละการคลอดปกติ ในสถานพยาบาลเเละการเยี่ยมบ้านที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนตามแผนการพยาบาลมารดาเเละทารกเเรกเกิด เมื่อเป็นการทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ห้ามไม่ให้กระทำในกรณีที่เป็นปัญหายุ่งยาก ซับซ้อน หรือตรวจพบความผิดปกติ
ส่วนที่ 5 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเเก่มารดาเเละทารกเเละเด็ก (ข้อ 34-35)
ข้อ 34
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามเเนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุข ประกาศกำหนด
ข้อ 35
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นสอง
ให้คำเเนะนำเรื่องการเข้ารับภูมิคุ้มกันโรค เเละติดตามให้มารับภูมิคุ้มกันโรค
หมวดที่ 2 การประกอบวิชาชีพการพยาบาล
ส่วนที 1 การพยาบาล (ข้อ 5-8)
ข้อ 5
ผู้ประกอบวิชาชีพ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำการพยาบาลโดยใช้การพยาบาล
5.4 การปฏิบัติการพยาบาลตามเเบบแผนการพยาบาล หรือเเบบแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การใช้เคร่องมือพิเศษ การติดตามผลรวมทั้งการประสานทีมสุขภาพ *ในการจัดบริการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานการพยาบาลที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
5.3 การจัดสภาพเเวดล้อมเพื่อส่งเสริมสุขภาพการป้องกัน การควบคุม เเละ การเเก้ปัญหาความเจ็บป่วยหรือวิกฤต
5.2 การสอน การเเนะนำ การให้คำปรึกษาการเเก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย การวางแผนอย่างต่อเนื่อง เเละการเสริมสรา้งพลังอำนาจในการดูเเเลตนเองของประชาชน
5.5 การให้การพยาบาลที่บ้านเเละการส่งเสริมความสามารถของบุคคล ครอบครัว เเละชุมชนเพื่อให้มีชีวิตอย่างปกติสุข
5.1 การกระทำต่อร่างกายเเละจิตใจของบุคคล การตรวจประเมินภาวะสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคเเละการบาดเจ็บ
การควบคุมการเเพร่กระจายเชื้อโรค การปฐมพยาบาล การบำบัดโรคเบื้องต้น เเละการฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งรายทั่วไป รายที่ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือวิกฤต
ข้อ 6
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์
ชั้นหนึ่ง จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผู้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษา
*การให้ยา ผู้รับบริการดังกล่าว ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไข
ดังนี้*
6.1 ห้ามให้ยา หรือสารละลายในช่องรอบเยื่อบุไขสันหลังหรือช่องไขสันหลัง หรือสายสวนทางหลอดเลือดดำส่วนกลาง (Peripherally Inserted Central Catheter) เเละช่องทางอื่นๆ ตามที่สภาการพยาบาลกำหนด
ประกาศสภาการพยาบาล เรื่องห้ามมิให้ยาหรือสารละลายทางหลอดเลือดดำ
-1.1 กลุ่มสารละลายทึบรังสี (Contrast media) ทุกชนิด
-1.2 กลุ่มยาระงับความรู้สึกที่ให้ทางหลอดเลือดดำ (Intravenous anesthetic agents)
ได้เเก่ ไธโอเพ็นทัลโซเดียม
คีตามีนโฮโดรคลอไรด์
พรอโพฟอล
เอโทมีเดท
*ยกเว้น ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง หรือประกอบวิชาชีพการพยาบลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ที่ผ่านการอบรมวิสัญญีพยาบาลเเละปฏิบัติงานในห้ิงผ่าตัดของสถานพยาบาลที่มิใช่สถานพยาบาลตามกฎหมาย ว่าด้วยสถานพยาบาล
-1.3 กลุ่มยา เคมีบำบัด
6.2
*ห้ามใช้ยา หรือสารละลาย หรือสารที่เกี่ยวข้องกับรังสี วินิจฉัย เเละยาอื่น ตามที่ สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อ 7
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นสอง ให้การกรำทำการพยาบาลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนตามแผนการพยาบาล ในกรณีที่เป็นปัญหา ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือวิกฤต จำทำการพยาบาลได้จะต้องทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง
ข้อ 8
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล เเละการผดุงครรภ์ ชั้นสอง จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะการให้ยาทางปากเเละยาภายนอก ตามที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ระบุไว้ในเเบบแผนการรักษา
ส่วนที่ 2 การทำหัตถการ (ข้อ 9)
ข้อ 9
ผู้ประกอบการวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำพยาบาลโดยการทำหัตถการตามขอบเขตที่กำหนด
ดังนี้
9.1 การทำแผล การตกเเต่งบาดแผล การเย็บแผลขนาดลึกไม่เกินชั้นเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous tissue) เเละไม่อยู่ในตำเเหน่งที่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกาย โดยใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ หรือการตัดไหมในตำเเหน่งที่ไม่เป็นอันตราย
9.2 การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอม การผ่าฝี การผ่าตัดตาปลา ในบริเวณตำเเหน่งที่ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญต่อร่างกาย โดยใช้ยาระงับความรู้สึก ทางผิวหนังหรือฉีดยาชาเฉพาะที่ ในการเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย
9.3 การถอดเล็บ การจี้หูดหรือจี้ตาปลา โดยใช้ยาระงับความรู้สึกทางผิวหนัง หรือฉีดยาชาเฉพาะที่
9.4 การให้ ออกซิเจน
9.5 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ในผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤต ภาวะสูญเสียสมดุลของน้ำในร่างกาย ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะช็อค การปฐมพยาบาล หรือตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.6 การให้ยาทางปาก ทางผิวหนัง ทางหลอดเลือดดำ หรื่อช่องทางอื่นๆ ตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือตามที่สภาการพยาบาลกำหนด
9.7 การให้เลือด(Biood Tranfusion)ตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.8 การเปิดทางเดินหายใจให้โล่งด้วยการดูดเวมหะ การเคาะปอด
9.9 การช่วยฟื้นคืนนชีพ (Cardio Pulmonary resuscitation) เพื่อเเห้ไขปัญหาวิกฤตของผู้ป่วย
9.10 การเช็ดตา ล้างตา (Eye irrigation) หยอดตา ป้ายตา ปิดตา หรือการล้างจมูก
9.11การสอดใส่สายยางลงไปในกระเพาะอาหาร (Nasogastric tube) เพื่อให้อาหาร ให้ยา หรือลางกระเพาะอาหารในรายที่กินสารพิษ หรือตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.12 การสวนปัสสาวะ หรือการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ ในรายที่ไม่มีความผิดของระบบทางเดินปัสสาวะ
9.13 การสวนทางทวารหนัก ในรายที่ไม่มีข้อบ่งชี้อันตราย
9.14 การดาม หรือการใส่เฝือกชั่วคราว
9.15 การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
9.16 การเจาะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำส่วนปลายหรือปลายนิ้ว เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตามข้อบังคับหรือประกาศที่สภาการพยาบาลกำหนด
9.17 หัตถการอื่นๆ ตามที่สภาการพยาาลประกาศกำหนด
หมวดที่ 3 การรักษาโรคเริ่มต้นเเละการให้ภูมิคุ้มกันฯ (ข้อ10-15 )
ข้อ 10
ผู้ประกอบการวิชาชีพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้กระทำการพยาบาลตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรค เบื้องต้นเเละการให้ภูมคุ้มกันโรค
ดังต่อไปนี้
10.1 ไข้ตัวร้อน / 10.2 ไข้เเละมีผื่นหรือจุด / 10.3 ไข้จับสั่น / 10.4 ไอ / 10.5 ปวดศีรษะ / 10.6 ปวดเมื่อย / 10.7 ปวดหลัง / 10.8 ปวดเอว / 10.9 ปวดท้อง / 10.10 ท้องผูก / 10.11 ท้องเดิน / 10.12 คลื่นไส้อาเจียน / 10.13 การอักเสบต่างๆ / 10.14 โลหิตจาง / 10.15 ดีซ่าน / 10.16 โรคขาดสารอาหาร / 10.17 อาหารเป็นพิษ / 10.18 โรคพยาธิลำไส้ / 10.19 โรคบิด / 10.20 โรคไข้หวัด / 10.21 โรคหัด / 10.22 โรคสุกใส / 10.24 โรคไอกรน / 10.25 โรคผิวหนังเหน็บชา / 10.26 ปวดฟัน / 10.27 เหงือกอักเสบ / 10.28 เจ็บตา / 10.29 เจ็บหู / 10.30 โรคติดต่อตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข / 10.31 ภาวะแท้งคุกคามหรือหลังเเท้งเเล้ว / 10.32 การให้ภูมคุ้มกันโรคเเก่บุคคลทั่วไป หญิงมีครรภ์ หญิงหลังงคลอด ทารกเเละเด็ก / 10.33 ความเจ็บป่วยอื่นๆ ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อ 11
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ที่ผ่านมาอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลปรกกาศกำหนด
11.1 สาขาเฉพาะทาง
11.2 ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร เเละได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตร ที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนดให้
11.3 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ตามข้อ 11.1 เเละ 11.2 นอกจากปฏิบัติตามข้อ 9 เเละ 10 ได้เเล้ว สามารถทำการพยาบาล การรักษาโรคเบื้องต้นเเละหัตถการ ในสาขาที่ผ่านการศึกษา ฝึกอบรมตามข้อบังคับหรือประกาศที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อ 12
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ต้องกระทำการรักษาโรคเบื้องต้นตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรคเบื้องต้น เเละการให้ภูมิคุ้มกันโรค
โดย
12.1 ตรวจวินิจฉัยเเละบำบัดรักษาโรค ตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพการพยาบาล ที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
12.2 ให้ส่งผู้ป่วยไปรับการบำบัดรักษาจากผู้ประกอบวิชาชีพอื่น เมื่อปรากฏตรวจพบ หรือพิจารณาเเล้วเห็นว่าอาการไม่บรรเทา อาการรุนเเรงเพิ่มขึ้น มีโรคหรือภาวะเเทรกซ้อน เป็นโรคติดต่อที่ต้องเเจ้งความตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือมีเหตุอันควรอื่นๆ เกี่ยวกับการบำบัดรักษา
ข้อ 13
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ถ้าจำเป็นจ้องใช้ยาให้ใช้ยาได้ตามคู่มือการใช้ยาที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อ 14
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ในการให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามเเนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อ 15
ต้องมีบันทึกรายงายเกี่ยวกับประวัติผู้ป่วย หรือ ผู้รับบริการ อาการ เเละ การเจ็บป่วย โรค การพยาบาล การให้การรักษาหรือการให้บริการ วันเวลาในการให้บริการ