Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
เริม (Herpes simplex)
สาเหตุ
เชื้อที่ทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศคือ Herpes simplex virus type 2 (HSV-2)
วินิจฉัยเริม
วินิจฉัยด้วยการตรวจโดยการเพาะเชื้อจากตุ่มน้ำใส หากแพทย์ไม่แน่ใจว่าใช่อาการของเริมจะสั่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม เช่น การตรวจเลือด การเพาะเชื้อ
อาการและอาการแสดง
ลักษณะตุ่มใสเล็กๆคัน ปวดแสบปวดร้อน ในผู้ติดเชื้อครั้งแรกอาจมีไข้ ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต
การรักษาเริม
การบรรเทาอาการเจ็บปวด โดยแพทย์อาจสั่งยาบรรเทาอาการปวด แผลจากเริมหายได้ใน 2-6 สัปดาห์
การควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส โดยปกติแล้วเมื่อมีอาการของโรคเริม แพทย์มักจะสั่งใช้ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) หรือยาวาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส และช่วยลดความรุนแรงของอาการ โดยมีทั้งชนิดรับประทานและชนิดทา
การใช้ยา
ยาทาที่นิยมใช้ ได้แก่ Acyclovir จะได้ผลในด้านลดอาการปวดทำให้ผื่นแห้งเร็วขึ้น
ยาชนิดรับประทาน ได้แก่ Acyclovir ซึ่งจะให้ทาน 200 mg วันละ 5 มื้อ นาน 5 วัน
การพยาบาลและคำแนะนำการปฏิบัติตัว
รักษาสุขอนามัยที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
ลดความเครียดไม่ทำงานหนักมากเกินไปนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ดูแลแผลให้แห้งตลอดเวลา
อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่นจะได้ไม่แพร่เชื้อต่อไป
หากมีแผลบริเวณปากช่องคลอดควรนั่งแช่กันในน้ำอุ่น
การรักษาแผลเริม
กรณีที่เจ็บปวดบริเวณแผลมากให้ยาบรรเทาอาการปวดร่วม
ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำหรือน้ำเกลืออุ่น ๆ
ให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis: BV)
สาเหตุ
เชื้อที่พบมากสุด คือ Gardnerella vaginalis
การติดต่อ
มีเพศสัมพันธ์ การสวนล้างช่องคลอด
ตรวจวินิจฉัย
การตรวจภายใน แพทย์อาจวินิจฉัยอาการได้จากการสังเกตบริเวณโดยรอบช่องคลอด เช่น ตกขาวผิดปกติหรือไม่
ตรวจตกขาว จะนำตัวอย่างของตกขาวที่เก็บได้ภายในช่องคลอดออกมาตรวจโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อให้ทราบว่าเป็นภาวะ Bacterial Vaginosis หรือไม่
ตรวจวัดค่า pH วิธีนี้จะใช้ตรวจสอบความเป็นกรดภายในช่องคลอด โดยระดับค่า pH ที่ 4.5 หรือมากกว่า จะถือเป็นสัญญาณของภาวะ Bacterial Vaginosis
อาการและอาการแสดง
ตกขาวมีกลิ่นเหม็นคล้ายปลาเน่า (fishy) หรือกลิ่นอับ (musty) โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์ แสบร้อนเวลาปัสสาวะ
เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้ควรไปพบแพทย์
ตกขาวเปลี่ยนไปร่วมกับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
ตกขาวมีสีและลักษณะเปลี่ยนไป
ใช้ยารักษาการติดเชื้อราที่ช่องคลอดด้วยตนเอง แต่อาการยังไม่หายไป
การรักษา
ใช้ยาในกลุ่ม Metronidazole ได้แก่
-Metronidazole 500 mg วันละ 2 ครั้ง นาน 7 วัน หรือ Metronidazole 2 gm ครั้งเดียว
ใช้ยากลุ่ม Clindamycin ได้แก่Clindamycin 300 mg วันละ 2 ครั้ง นาน 7 วัน หรือ Clindamycin ovule 100 mg ก่อนนอน ในระยะเวลา 3 วัน
ใช้ยาเหน็บ
-Metronidazole 500 mg สอดทางช่องคลอดวันละครั้งนาน 7 วัน
-Metronidazole gel 0.75 % ครั้งละ 5 gm ทางช่องคลอดวันละ 2 ครั้ง นาน 5 วัน
-Clindamycin cream 2 % ครั้งละ 5 gm ทางช่องคลอดวันละครั้งก่อนนอน นาน 7 วัน
การพยาบาลคำแนะนำการปฏิบัติตนและการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
ไม่สวนล้างช่องคลอดหรือใช้น้ำยาล้างโดยไม่จำเป็น
ดูแลความสะอาด ร่างกาย เสื้อผ้า ชุดชั้นใน ไม่ควรสวมใส่ชุดชั้นใน หรือเสื้อผ้าที่เกิดความอับชื้นได้ง่าย ไม่ใส่ซ้ำหมักหมม และไม่ใช้ชุดชั้นในร่วมกับผู้อื่น
งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อพยาธิ (Trichomonas vaginitis)
Trichomonas vaginalis พบได้ในเพศหญิงมากกว่า
วินิจฉัยพยาธิในช่องคลอด
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดมักแสดงอาการคล้ายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จึงทำให้การวินิจฉัยโรคเป็นไปได้ยาก อาจนำตกขาวไปส่งตรวจเพื่อดูเชื้อพยาธิในช่องคลอดด้วยวิธี ดังนี้ ส่องกล้องจุลทรรศน์ เพาะเชื้อจากตัวอย่างสารในช่องคลอดใช้ชุดทดสอบแอนติเจนหรือสารพันธุกรรม
อาการ
ระยะฟักตัวนาน 3 สัปดาห์ ตกขาวมีสีเหลืองปนเขียวปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น เป็นฟอง คันช่องคลอด ปากมดลูกมีจุดเลือดออกเป็นหย่อมๆ เรียกว่า strawberry cervix
หลังจากติดผู้ป่วยอาจมีอาการ ดังนี้
-มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดแบบกะปริดกะปรอย
-บวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ
-ควรไปพบแพทย์ทันทีที่มีอาการ
ตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวเป็นฟอง ซึ่งอาจเป็นสีขาว เทา เหลือง หรือเขียว และอาจส่งกลิ่นเหม็นคาวปลา
การรักษา
Metronidazole 2 gm รับประทานครั้งเดียว หรือ 500 mg bid ในระยะเวลา 7 วัน
ข้อแนะนำ
งดดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยาเมโทรนิดาโซลหรือทินิดาโซล และอย่างน้อย 3 วันหลังหยุดใช้ยา เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หรือผิวแดง
เชื้อราในช่องคลอด (Candida vaginitis)
เชื้อก่อโรค
Candidad albican
อาการของโรคเชื้อราในช่องคลอด
ตกขาวมีสีเหลือง หรือขาวเป็นก้อนคล้ายนมข้น อวัยวะเพศภายนอกและช่องคลอดบวมแดง คันในช่องคลอด ปัสสาวะแสบตอนสุด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
วินิจฉัยโรคเชื้อราในช่องคลอด
สอบถามข้อมูลทางการแพทย์ของผู้ป่วย อาการผิดปกติที่พบ ลักษณะของตกขาว เคยมีประวัติเกิดการติดเชื้อราหรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ตรวจภายใน ตรวจดูลักษณะภายนอกของอวัยวะเพศและบริเวณรอบ ๆ เพื่อหาความผิดปกติที่บ่งบอกว่าเกิดการติดเชื้อ
ตรวจตัวอย่างสารคัดหลั่ง ใช้ในกรณีตรวจวินิจฉัยผู้ที่เกิดการติดเชื้อบ่อย ๆ หรืออาการของโรคไม่ดีขึ้น โดยจะนำตัวอย่างที่เก็บได้ภายในช่องคลอดออกมาตรวจหาประเภทเชื้อราที่ทำให้เกิดอาการของโรค
การรักษา
ช้ยาเหน็บ Clotrimazole 100 mg หรือยารับประทาน Ketoconazole 200 mg วันละ 1 เม็ด หลังอาหารวันละ 2 ครั้ง:
ใช้ยาเหน็บ Clotrimazole 100 mg หรือยารับประทาน Ketoconazole 200 mg วันละ 1 เม็ด หลังอาหารวันละ 2 ครั้ง
การป้องกัน
ปฏิบัติตัวตามหลักสุขอนามัยช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อราในช่องคลอด
รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สมดุล
หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะเป็นการนำเชื้อแบคทีเรียดีที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อออกจากร่างกาย
ไม่ใช้แผ่นอนามัยและเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างสม่ำเสมอขณะมีประจำเดือน เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น