Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคเชื้อรา, อ้างอิง : ผศ.พญ.จรัสศรี ฬียาพรรณ. (2560). โรคเชื้อราที่เล็บ,…
โรคเชื้อรา
โรคเชื้อราที่เล็บ(onychomycosis)
คืออะไร
โรคเชื้อราที่เล็บ (onychomycosis) คือ การติดเชื้อราซึ่งรวมถึงราที่เป็นสายรา หรือ เชื้อราในรูปของยีสต์ (ราที่มีลักษณะเป็นเซลล์กลม)ที่เล็บ ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือการเพาะเชื้อรา
ในประเทศไทยชนิดของเชื้อราที่พบบ่อยๆ คือ เชื้อกลากแท้(dermatophytes) เชื้อกลากเทียม (non-dermatophytes) และเกิดจากยีสต์(yeasts) โดยเฉพาะเชื้อแคนดิดา (Candida)
อาการและอาการแสดง
พบว่าเล็บเท้าพบได้บ่อยกว่าเล็บมือ และเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก อาจมีผลแทรกซ้อนตามมาหลังการติดเชื้อรา เช่น เล็บขบ เล็บขบอักเสบติดเชื้อ หรือ เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน
อาจมีผลแทรกซ้อนตามมาหลังการติดเชื้อรา เช่น เล็บขบ เล็บขบอักเสบติดเชื้อ หรือ เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ที่สำคัญคือ จำนวนของเล็บที่มีการเปลี่ยนแปลงจะพบไม่มาก มีเล็บที่เป็นโรคเพียงประมาณ 1 - 3 เล็บ โดยเล็บที่ติดเชื้ออาจพบลักษณะหนาตัวขึ้น มีขุยหนาใต้เล็บ มีสีเล็บที่เปลี่ยน แปลงไป หรือเล็บที่แยกตัวออกมาจากฐานเล็บ อาจเห็นเป็นโพรงหรือช่องว่างใต้เล็บ
ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีอาการอะไร ผู้ป่วยบางรายอาจมีรอบเล็บบวมแดง โดยเฉพาะนิ้วมือที่ต้องโดนน้ำบ่อย ๆ ซึ่งเกิดจากเชื้อยีสต์
แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นปัญหาในการรักษาโรคมักจะเป็นโรคเชื้อราที่เล็บอันเนื่องมา จากเชื้อกลากแท้ หรือ เชื้อกลากเทียม จะไม่มีอาการ มักปล่อยไว้นานหลายปี จนเล็บมีการเปลี่ยนแปลงมากจึงมาพบแพทย์
การวินิจฉัยโรค
อาศัยลักษณะของเล็บที่มีความผิดปกติร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การขูดขุยจากเล็บไปตรวจหาเชื้อรา การเพาะเชื้อรา และจำแนกเชื้อราก่อโรคที่เล็บ ในผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะเชื้อกลากเทียม แพทย์อาจต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการซ้ำ โดยเฉพาะการเพาะเชื้อรามากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
วิธีการขูดเล็บจะกระทำโดยการตัดเล็บส่วนนอกทิ้ง และนำขุยที่ได้จากส่วนเล็บซึ่งเป็นโรคนำมาตรวจทางห้องปฏิบัติการ วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐาน ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดหรือเลือดออกแต่ประการใด ตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยใช้สารละลายด่าง potassium hydroxide หากเป็นโรคเชื้อราที่เล็บจะพบลักษณะสายรา
การตรวจทางห้องปฏิบัติการนี้มีความจำเป็นอย่างมากในการวินิจฉัยโรคเชื้อราที่เล็บ เพราะเล็บที่มีความผิดปกติอาจไม่ได้เกิดจากเชื้อราที่เล็บเสมอไป จึงทำให้ผู้ป่วยอาจได้ยารับประทานโดยไม่มีความจำเป็น และอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้
วิธีการรักษา
การใช้ยาทาเฉพาะที่
เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย ยาทามีหลายรูปแบบ เช่น ชนิดที่เป็นสารละลาย หรือชนิดที่เป็นยาทาเคลือบเล็บ ซึ่งยาทาบางชนิดสามารถทาที่เล็บสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทำให้มีความสะดวกในการใช้ยา และใช้ได้ดีโดยเฉพาะโรคเชื้อราที่เล็บที่มีจำนวนเล็บไม่มากนัก และไม่มีลักษณะที่ทำให้เกิดการรักษาได้ยาก
การใช้วิธีการอื่นๆ ในการรักษา
การใช้แสงเลเซอร์รักษาเชื้อราที่เล็บ หรือเครื่องมือทางกายภาพบางชนิดในการรักษา หรือร่วมการรักษาโรคเชื้อราที่เล็บ หรือการใช้ครีมหรือสารเคมีที่ช่วยเสริมการรักษาโรค หลายวิธีแม้ยังเป็นวิธีการใหม่ แต่ก็มีผลการศึกษายืนยันความเป็นไปได้ ให้การรักษาที่ให้ผลดีและปลอดภัย
การใช้ยารับประทาน
โดยทั่วไปแล้วมีประสิทธิภาพการรักษาสูง สามารถ รักษาความผิดปกติของเล็บที่เป็นโรคได้ทุก ๆ เล็บ รวมถึงเท้า และฝ่าเท้า การใช้ยาบางชนิดต้องระวังผลข้างเคียงของยาเช่น การแพ้ยา ผลต่อตับและไต ผลของยาอื่นที่กระทบกับการรักษาเช่น การรับประทานยาลดไขมันบางชนิดควบคู่ด้วย หรือการได้ยาลดกรด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมของยา
อ้างอิง : ผศ.พญ.จรัสศรี ฬียาพรรณ. (2560). โรคเชื้อราที่เล็บ, สืบค้นเมื่อ 2 มกราคม 2564. จาก.
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1302