Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ - Coggle Diagram
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงร่างกายผู้สูงอายุ
ปัจจัยภายใน ได้แก่
กรรมพันธุ์
สุขภาพอนามัย
การมองโลก ประสบการณ์ชีวิต
ความเชื่อ
ปัจจัยภายนอก ได้แก่
การศึกษา
เศรษฐกิจ
ิ่สิ่งแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสรีรวิทยาในผู้สูงอายุ
ระบบผิวหนัง (Integumentary System)
ผิวหนังบางลง
ความเหนียวของผิวหนังเพิ่มมากขึ้นเซลล์ผิวหนังมีจํานวน
ลดลง
เซลล์ที่เหลือเจริญช้าลงอัตราการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์เดิม
ลดลงทําให้การหายของแผลช้าลง
คอลลาเจน
ใหญ่และแข็งตัวมากขึ้น ทําให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังไม่ดี
น้ําและไขมันใต้
ผิวหนังลดลง
ผู้สูงอายุเกิด
แผลกดทับได้ง่ายและทนต่อความเย็นได้น้อยลง
ต่อมเหงื่อมีจํานวนและขนาดลดลง ดังนั้น การระบาย
ความร้อนโดยวิธีการระเหยจึงไม่ดี ทําให้การควบคุมอุณหภูมิของร่างกายเลวลง
ผมและขนมีจํานวนลดลง อัตราการเจริญของผมแตามและขนลดลงตามอายุ เมลานิน ซึ่งผลิตจากเซลล์สร้างสีของผมลดลงทําให้ผมและขนทั่วไปสีจางลงกลายเป็นสีเทาหรือขาว เส้นผมร่วมแห้งง่าย
ปัญหาการได้ยินลดลง หูตึง (Presbycusis)
สาเหตุมาจากมีการเสื่อมของorgan of Corti และ basilar membrane ร่วมกับเส้นประสาทคู่ที่ 8(auditoty nerve)
เยื่อแก้วหูและอวัยวะในหูชั้นกลางแข็งตัวมากขึ้น ทําให้มี
ความบกพร่องการได้ยินระดับเสียงสูงมากกว่าระดับเสียงต่ํา
การสื่อสารกับผู้สูงอายุ ไม่ควรตะโกนควรพูดด้วยเสียงทุ่ม ๆพูดถ้อยคําง่ายๆพูดช้า ๆ ชัดเจน
ปัญหาการมองเห็น
ขณะสนทนายืนต่อหน้าผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุมองเห็นชัด
พูดต่อหน้า ไม่ห่างเกินและไม่ใกล้กว่า 3 ฟุต
การมองเห็น ลูกตามีขนาดเล็กลงและลึกเพราะไขมันของลูกตาลดลง
หนังตามีความยืดหยุ่นลดลง
ทําให้หนังตาตก รูม่านตาเล็กลง ปฏิกิริยา
ตอบสนองของม่านตาต่อแสงลดลง
ทําให้การปรับตัวสําหรับการมองเห็น
ในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ดี โดยเฉพาะในสถานที่มืดหรือในเวลากลางคืน
โดยทั่วไปผู้สูงอายุสามารถแยกสีแดง สีส้ม
และสีเหลือง ได้ดีกว่าสีน้ําเงิน สีม่วง และเขียว
เซลล์สมองและเซลล์ประสาทมีจํานวนลดลงขนาดของสมองลดลง
ประสิทธิภาพของการทํางานของสมองและประสาทอัตโนมัติลดลง เป็นเหตุให้ความไวและความรู้สึกตอบสนองต่อปฏิกิริยาต่าง ๆ ลดลง
ความจําเสื่อมโดยเฉพาะเรื่องราวใหม่ ๆ (recent memory) เพราะ
ความสามารถในการเก็บข้อมูลลดลงจําเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีต (remotememory) ได้ดี
แบบแผนการนอนหลับเปลี่ยนแปลง สาเหตุเกิดมาจากร่างกายขาดการออกกําลังกาย นอนกลางวันมากเกินไป มีความวิตกกังวลสูงขึ้น
ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal system)
หลังอายุ 40
ปีอัตราการเสื่อมของกระดูกมากกว่าอัตราการสร้าง
เซลล์กระดูกลดลง
แคลเซียมมีการสลายออกจากกระดูกมากขึ้น
มีการสูญเสียแคลเซียมมากขึ้นทั้งทางลําไส้และทาง
ไตเพราะขาดวิตามินดี
ในเพศหญิงสาเหตุที่สําคัญคือการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนนี้ออกฤทธิ์กระตุ้นการทํางานของ osteoblastsลดลงหลังหมดประจําเดือนทําให้แคลเซียมสลายออกจากกระดูก กระดูกผู้สูงอายุจึงเปราะและหักง่ายแม้ไม่ได้รับอุบัติเหตุ
แคลเซียมที่สลายออกจากกระดูกมักจะไปเกาะบริเวณกระดูกอ่อนใน
อวัยวะต่าง ๆ ที่บริเวณกระดูกอ่อนชายโครง
จึงเป็นเหตุให้ทรวงอกเคลื่อนไหวน้อยลง การหายใจลําบากขึ้น ต้องอาศัยการทํางานของกระบังลมมากขึ้น
ความยาวของกระดูกลดลง
ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular System)
หลอดเลือดของผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางเสื่อมมากขึ้น
ผนังหลอดเลือดฝอยหนาขึ้น ทําให้การแลกเปลี่ยนอาหารและของเสียลดลง
ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นน้อยลง เพราะมีเส้นใยคอลลาเจนมากขึ้นและมีการเชื่อมต่อกันตามขวางของเส้นใยคอลลาเจนเหล่านั้นทําให้ผู้สูงอายุเกิดภาวะความดันโลหิตต่ําเมื่อเปลี่ยนท่าทาง
(postural hypotention) ได้ง่าย
ระบบภูมิคุ้มกันทํางานลดลง ทําให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายกลไกการตอบสนองของ T-lymphocytes ต่อเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม
ต่าง ๆ จึงลดลง
ระบบทางเดินหายใจ (Respiratory System)
ผู้สูงอายุจะมีความยืดหยุ่นของเนื้อปอดลดลง ความแข็งแรงและกําลังการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจเข้าหายใจออกลดลงปอดยืดขยายและหดตัวได้น้อยลง
จํานวนถุงลมปอดลด ผนังถุงลมแตกง่าย เกิดถุงลมโป่งพองได้ง่าย
การทํางานของเซลล์ขน (cilia) ตลอดทางเดินหายใจลดลงรีเฟล็กซ์และ
ประสิทธิภาพการไอลดลง จึงเกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้ง่าย
ระบบทางเดินอาหาร (Digestive System)
ฟันสึกกร่อน เคลือบฟันบางลง ฟันเปราะ บิ่นง่าย ฟันผุ หลุดล่วงง่าย ต่อม
น้ําลายเสื่อมหน้าที่ทําให้การย่อยแป้งและน้ําตาลในปากลดลง
ปากและลิ้น
แห้งมีการติดเชื้อในปากมากขึ้น
การรับรสของลิ้นเสียไปทําให้เกิดภาวะเบื่อ
อาหาร
เซลล์บริเวณหลอดอาหารมีการเปลี่ยนแปลงมีการยื่นโป่งพองของ
หลอดอาหารทําให้การเคลื่อนไหวของหลอดอาหารลดลง
หลอดอาหารมี
ขนาดกว้างขึ้นกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณปลายหลอดอาหารหย่อนตัวลงและทํางานช้าลงอาหารให้กระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารทําให้รู้สึกแสบยอดอก
บางครั้งมีการสูดสําลักเข้าสู่หลอดลมทําให้เกิดโรคปอดบวมได้
การเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารช้าลง
ผู้สูงอายุเกิดโรคกระดูกผุ
และโรคโลหิตจางไ้ด้ง่าย
ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบสืบพันธุ์ (Genitourinary System)
ไต ขับของเสียออกจากร่างกายได้ลดลง เนื่องจากขนาดและจํานวนของหน่วยไตลดลง ปริมาณเลือดที่เข้าสู่ไตลดลง
ความเสื่อมหน้าที่ของไตโดยเฉพาะความสามารถในการควบคุมความเข้มข้นของปัสสาวะ ผู้สูงอายุจึงมีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ํา
ปัสสาวะบ่อย
ผู้ชายอาจมีปัสสาวะขัด ลําปัสสาวะไม่พุ่งเนื่องจากต่อมลูกหมากโต ผู้หญิงก็มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นครั้งคราวเพราะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อน
โรคในระบบทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อยในผู้สูงอาย เช่น
โรคติด
เชื้อทางเดินปัสสาวะ
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ไตวาย
ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System)
ต่อมธัยรอยด์มีเนื้อเยื่อพังผืดมา
สะสมมากขึ้นการทํางานจึงลดลงทําให้ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะ
hypothyroidismพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทําให้มีอาการอ่อนเพลีย
เบื่ออาหารและน้ําหนักลดลงได้
ตับอ่อนหลั่งอินสุลินลดลงและช้า
ระดับน้ําตาลขณะอดอาหารคงที่ ภายใน
ร่างกายตอบสนองต่ออินสุลินน้อยกว่าปกติ เป็นผลทําให้ระดับความทนต่อ
น้ําตาล (glucose tolerance) ลดลง
ต่อมเพศทํางานลดลง
ปัญหา สาเหตุและการปฎิบัติตัวเพื่อป้องกันการชะลอความเสื่อมในผู้สูงอายุ
1.อุบัติเหตุ แผลบริเวณผิวหนัง
หลีกเลี่ยงการประคบริอนหรือเย็นจัดเกินไปตรวจผิวหนังอยู่เสมอ จัด
สิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบ แสงสว่างเพียงพอ ภายในบ้านควรมีราวยึดเกาะโดยเฉพาะห้องน้ํา เปลี่ยนท่าเดินช้า ๆ ไม่รีบร้อน
2.ภาวะเบื่ออาหาร ขาดสารอาหาร โลหิตจาง
เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าสูงครบทั้ง 5 หมู่
รับประทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ ครั้ง รับประทานผักผลไม้เพิ่มขึ้นรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ดูแลความสะอาดปากและฟัน ตรวจฟันทุก 6 เดือน
กระดูกเปราะและหักง่าย ปวดข้อ
รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ออกกลังกายในสถานที่ที่มีแสงแดดอ่อน ๆอย่างสม่ําเสมอ บริหารข้อมากขึ้น งดสูบบุหรี่และดื่มสุราก ระมัดระวังเคลื่อนไหว ป้องกันการหกล้ม
4.กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวาย ความดันโลหิตสูง สมองขาดเลือดออกกําลังกายอย่างสม่ําเสมอ หลีกเลี่ยงความเครียดต่าง ๆ งดอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ตื่นเต้น ตกใจ
วัดความดันโลหิตเสมอ พักผ่อนเพียงพอ
5.การติดเชื้อในทางเดินหายใจและการสําลัก ถุงลมโป่งพอง หายใจ
ลําบากเหนื่อยง่าย
รับประทานอาหารช้า ๆ หลีกเลี่ยงการพูดขณะรับประทานอาหารบริหารการหายใจมากขึ้น ดื่มน้ํามาก ๆ มีการไอที่ถูกวิธี แนะนําการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ
6.เบาหวาน
ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารแป้งและน้ําตาลลดลงลดความอ้วน สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ํามาก
7.ท้องผูก
ดื่มน้ํามากขึ้น รับประทานผัก ผลไม้มากขึ้นออกกําลังกายสม่ําเสมอออกกําลังกาย สม่ําเสมอ ห้ามกลั้นอุจจาระหลีกเลี่ยงความเครียด ต่าง ๆหลีกเลี่ยงการใช้ยาถ่ายหรือยาระบายเมื่อจําเป็น
8.ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ถ่ายป็สสาวะลําบาก และถ่ายบ่อย
บริหารกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อหูรูดโดยการขมิบก้นบ่อย ๆ ดื่มน้ําอย่างเพียงพอโดยเฉพาะในตอนกลางวัน สังเกตอาการถ่ายปัสสาวะลําบากถ่้ามีอาการมากขึ้นรีบปรึกษาแพทย์
ตรวจต่อมลูกหมากทุกป
9.ต้อกระจก
ตรวจตาปีละ 1 ครั้ง ถนอมสายตาไม่ใช้สายตามากเกินไป แสงสว่างเพียงพอสังเกตอาการตามัวถ้ามีอาการมากขึ้น ปรึกษาแพทย์เพื่อลอกต้อออกแล้วใส่แก้วตาเทียมแทนหรือใส่แว่นหลังผ่าตัด
10.การนอนไม่หลับ
จัดสถานที่ให้เงียบสงบ ไม่มีสิ่งรบกวนขณะนอนหลับ ดื่มนมอุ่น ๆก่อนนอน นวดเบา ๆ บริเวณหลังก่อนนอน ออกกําลังกายสม่ําเสมอ นอนกลางวันน้อยลง งดดื่มชา กาแฟ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ําก่อนนอน
11.หูตึง
ตรวจหูปีละ 1 ครั้ง สังเกตอาการหูตึงถ้าพบความผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์แนะนําการใช้เครื่องช่วยฟัง
12.ผิวแห้งแตกง่ายเหี่ยวย่น หลีกเลี่ยงการอาบน้ําบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ถ้าจําเป็นให้ใช้สบู่อ่อน ๆ ทาผิวหนังด้วยโลชั่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด
13.ความไม่สมดุลของน้ําในร่างกาย
แนะนําให้ดื่มน้ําอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ําออกจากร่างกาย
14.หนาวเย็น ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ในวันที่มีอากาศหนาวเย็น
15.การติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์ เจ็บขณะร่วมเพศ
แนะนําการดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ ใช้สารหล่อลื่นขณะร่วมเพศ