Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทบาทของสตรีไทยในประวัติศาสตร์ไทย, ช่วงเวลานับแต่มีการบันทึกหลักฐานมาถึงสม…
บทบาทของสตรีไทยในประวัติศาสตร์ไทย
ช่วงเวลานับแต่มีการบันทึกหลักฐานมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
บทบาททางสังคม
ด้านการศึกษา
พระองค์เจ้าบุตรี : ได้รับการยอมรับว่ามีความเชี่ยวชาญแตกฉานรอบรู้ในวิชาการต่างๆ พระองค์ทรงเป็นพระอาจารย์สอนวิชาความรู้เบื่องต้นให้บรรดาพระราชโอรส พระราชธิดาในรัชกาลที่4
เจ้าฟ้าพินทวดี : ทรงรอบรู้เชี่ยวชาญในขนบธรรมเนียมใบราณราชประเพณี ทรงเป็นกําลังสำคัญในการจัดทำตำราโบราณราชประเพณีที่ชำระเรียบเรียงขึ้นใหม่ในรัชกาลที่1
ด้านศาสนา
สตรีสูงศักดิ์ของไทยนับแต่สมัยสุโขทัยมีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งจะสละพระราชทรัพย์เพื่อก่อสร้างและปฏิสังขรณ์พระอารามพระพุทธรูปและทำนุบำรุงพระภิกษุเป็นประจำนอกจากนี้ยังมีการกัลปนาข้าคนให้เป็นเลกวัดเพื่อช่วยปฏิบัติกิจต่างๆ ให้แก่พระภิกษุและพระอารามทั้งปวง
ด้านวรรณกรรม
สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทรเทวี : ทรงนิพนธ์จดหมายเหตุ ความทรงจำบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ในพ.ศ.2310 ถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
คุณพุ่มและคุณสุวรรณ : ได้รับการยกย่องเป็นกวีหญิง
เจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกุฎ : ทรงนิพนธ์บทละครเรื่องดาหลังและอิเหนา โดยนำโครงเรื่องของชวามาดัดแปลงให้เป็นกลอนบทละครไทย
พระองค์เจ้ามณฑาและพระองค์เจ้าอุบล : นิพนธ์กุมารคําฉันท์ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพรับสั่งถึงหนังสือเล่มนี้ว่า เป็นตัวอย่างที่แสดงว่าสตรีไทยมีการศึกษาที่รุ่งเรืองมาแต่โบราณ
บทบาททางการเมือง
ด้านการรบและทำสงคราม
สมเด็จพระสุริโยทัย : พระองค์ได้โดยเสด็จพระสวามีในการป้องกันเมืองจากพม่า คือ กองทัพไทยปะทะพม่า พระสุริโยทัยเกรงว่าพระสวามีจะเป็นอันตรายจึงไสช้างเข้าขวางไว้ จึงถูกพระเจ้าแปรฟันด้วยพระแสงของ้าวสิ้นพระชนม์
เจ้าศรอีโนชา : เมื่อคราวเกิดกบฏพระยาสรรค์ยึดกรุงธนบุรีในตอนปลายแผ่นดินสม เด็จพระยาตากสิน เจ้าศรอีโนชารวบรวมบริวารปกป้องครอบครัวช่วยเหลือพระยาสุริยอภัย ป้องกันเหตุวุ่นวายในกรุงธนบุรี ร่วมมือกับพระยาเจ่ง พระยาราม นายกองมอญ แต่งทัพเรือเข้าช่วยปราบกบฏ
สตรีสูงศักดิ์แห่งล้านนา : มีบทบาทในการรบเพื่อปกป้องบ้านเมืองและช่วยแผ่ขยายอำนาจ
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า : ปรากฏวีรกรรมคุณหญิงจันและคุณมุก คือ นําประชาชนต่อต้านพม่าที่มาตีเมืองถลางในคราวสงครามเก้าทัพจน ได้รับชัยชนะ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าโปรดเกล้าแต่งตั้งคุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตริย์ตรีคุณมุกเป็นท้าวศรีสุนทร
บทบาทในการเสริมสร้างพันธไมตรีทางเครือญาติ
การแสวงหาพันธมิตร : เช่นในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้มีการเจริญ สัมพันธ์ไมตรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง ทรงพระราชทานพระเทพกษัตริย์และพระแก้วฟ้าให้ไปอภิเษกกับสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ถึงแม้การอภิเษกจะถูกขัดขวางจากพม่า แต่อาณาจักรทั้งสองยังคงมีไมตรีต่อกัน
เมื่อตกอยู่ใต้อำนาจอาณาจักรอื่น : การสร้างสัมพันธ์ไมตรีจะเป็นการถวายพระราชธิดาแสดงความจงรักภักดี
การเสริมสร้างพันธไมตรี : นโยบาย คือ การสร้างความเป็นเครือญาติทั้งในและนอกราชอาณาจักร แต่บางกรณีก็เป็นการปูนบําเหน็จแก่บุคคลที่สร้างความดีความชอบต่อบ้านเมือง
เมื่อมีการเปลี่ยนผู้นํา : การประสานงานสัมพันธ์ไมตรีผ่านการแต่งงานระหว่างผู้นําใหม่และสตรีในราชวงศ์เก่าเพื่อให้เกิดการยอมรับในอำนาจเพื่อสร้างความชอบธรรมในการสืบราชบัลลังก์
ด้านการปกครอง
พระมหาเทวีล้านนา
พระมหาเทวีจิรประภา : ได้รับอัญเชิญจากท้าวพญาให้ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ พระนางสามารถนำพาบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภัยต่างๆ โดยเฉพาะครั้งสมเด็จพระไชยราชาธิราชนำกองทัพกรุงศรอียุธยาขึ้นมารุกราน
พระมหาเทวีวิสุทธิเทวี : พระเจ้าบุเรงนองได้สถาปนาพระนางขึ้นเป็นกษัตริย์ครองเมืองเชียงใหม่ในช่วงที่เชียงใหม่ตกอยู่ในฐานะประเทศราชของพม่า
พระมหาเทวีชนนี : มีบทบาททางการเมืองร่วมกับพระโอรสคุมกองทัพรบเมืองแพร่ เป็นการช่วยพระราชโอรสขยายอำนาจของล้านนา
พระนางมหาเทวีสุโขทัย : มีบทบาทการปกครองกรุงสุโขทัยระหว่างพระยาลิไทยไปปกครองเมืองสรวลสองแคว นอกจากนี้พระนางยังอยู่ในฐานะพระเทวีของขุนหลวงพระงั่ว
แม่อยู่หัวศรีสุดาจันท์ : ได้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของพระยอดฟ้าพระราชโอรสที่ยังเป็นยุวกษัตริย์หลังจากพระยอดสวรรคต พระนางได้ขึ้นปกครองกรุงศรอียุธยาคู่กับขุนวรวงศาธิราช ต่อมาถึงยึดอำนาจเนื่องจากขาดอำนาจสนับสนุนไม่เป็นที่ยอมรับของข้าราชสำนัก
พระนางจามเทวี : ได้รับการเชื้อเชิญให้มาปกครองเมืองหริภุญชัยที่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยของพระนาง บ้านเมืองมีการเจริญ รุ่งเรื่อง มีการขยายอำนาจออกไปตั้งเมืองคู่แฝด(เขลางค์นคร) พระนางและพระราชวงศ์ได้ให้ความอุปถัมภ์บำรุงกิจการทางพุทธศาสนา
กรมหลวงโยธาเทพ : ได้รับการเฉลิมพระเกียรติจากพระราชบิดาให้เป็นเจ้านายทรงกรม สามารถเก็บส่วยสาอากรขนอนตลาด มีเลกสมสังกัด ยังมีกองทหารสังกัดในพระองค์จำนวนมาก บันทึกของทูตบาทหลวงฝรั่งเศสที่เข้ามาในไทยได้กล่าวว่า พระองค์ทรงมีอิทธิพบอำนาจสิทธิขาดปกครองดูแลราชสำนักฝ่ายใน และมีอิทธิพลมาถึงฝ่ายหน้าโดยผ่านทางภริยาของขุนนางผู้ใหญ่
สมัยรัชกาลที่5ถึงรัชการที่2
กลุ่มสตรีที่ได้รับการศึกษาแผนใหม่
ด้านการแพทย์และสังคมสงเคราะห์
แพทย์หญิงดร.คุณเพียร เวชอุบล : บทบาทของท่านคือการบำบัดรักษาและป้องกันกามโรคแก่บุรุษและหญิงขายบริการและก่อตั้งอุทิศกําลังกายกําลังทรัพย์ช่วยเหลือสตรีที่ประสบปัญหาชีวิตในครอบครัวสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้านอกสมรสในชื่อว่า มาตาภาวาสถาน
ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ด้านการเมือง : ยกสถานภาพของสตรี จัดตั้งสหพัทธ์กรรมหญิง ก่อตั้งสภาสตรีแห่งชาติและอื่นๆ
ด้านสังคมสงเคราะห์ : ท่านตั้งสโมสรวัฒนธรรมฝ่ายหญิง จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสตรีและเยาวชน จัดอบรมบุคลากรริเริ่มตั้งโรงพยาบาลสงเคราะห์หญิงมีครรภ์และบุตร
หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ : ได้รับหน้าที่บริหารโรงเรียน ท่านจัดระเบียบแบบแผนการรักษาพยาบาลและปรับมาตรฐานการศึกษาให้ทันสมัย
ด้านการประกอบอาชีพและกิจกรรมสังคม
ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ : ท่านร่วมก่อตั้งสภาอุณาโลมแดง ท่านจัดพิมพ์ตําราแม่ครัวหัวป่าก์เป็นตําราอาหารคาวหวานทั้งไทยและเทศเล่มแรกของไทย
สตรีจากราชสกุบกุญชร : เช่น หม่อมหลวงบุปผา การเขียนนวนิยายที่สะท้อนสภาพสังคมไทยในยุคนั้นอีกท่าน คือ หม่อมหลวงบุญเหลือ บทบาทสำคัญด้านการศึกษา โดยเฉพาะภาษาศาสตร์และงานวิจัยเกี่ยวกับตระกูลภาษาไท วรรณคดีไทยและวิธีการสอน
หม่อมศรีพรหมมา กฤดากร : ท่านนําเทคโนโลยีและวิถีชีวิตแบบตะวันตกมาประยุกต์ใช้ในการทำฟาร์มและครอบครัว
หม่อมหลวงพวงร้อย : มีความโดดเด่นด้านดนตรีและได้ประพันธ์บทเพลงไพเราะและทรงคุณค่าไว้มากกว่า 120 เพลง
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิศกุล : ท่านมีความรอบรู้เรื่องกิจการบ้านเมืองต่างประเทศ ศิลปวัฒนธรรม ท่านร่วมก่อตั้งองค์การพุทธศาสนิกชนสัมพันธ์แห่งโลก
กลุ่มประกอบอาชีพด้านกฎหมาย : เช่น คุณหญิงแร่ม พรหโมบล คุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ มีบทบาทในการเรียกร้องสิทธิสตรีและยกระดับสถานภาพให้ทัดเทียมบุรุษ
ท่านผู้หญิงตลับ สุขุม : ท่านเป็นตัวแทนสตรีที่สามารถปรับตัวเข้าสู่การสมาคมในระดับสูงในวงการทูตอังกฤษ ท่านพัฒนาการศึกษาของสตรีในภาคใต้โดยการก่อตั้งโรงเรียนสตรีที่สงขลาและตรังสมัยรัชกาลที่ ๖ ท่านทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระพันปีหลวงและร่วมก่อ ตั้งโรงเรียนเบญจมราชูทิศ
กลุ่มพระมเหสีเทวีของรัชกาลที่5
สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
ทรงเชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์รัชกาลที่๕ ให้ดำรงตำแหน่งราชเลขานุการฝ่ายในและทรงพระราชนิพนธ์สุขุมาลนิพนธ์ ทรงจัดให้วังบางขุนพรหมเป็นแหล่งศึกษาทันสมัยสำหรับสตรีสูงศักดิ์ในสมัยนั้น
พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์
ทรงเชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ทรงปลูกฝังเรื่องศิลปวัฒนธรรมโดยเฉพาะด้านดนตรีไทย ทรงโปรดให้จัดพิมพ์หนังสือที่มีคุณค่าพระราชทานในวาระต่างๆ
สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
ทรงพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในหัวเมือง สอนหนังสือและอาชีพแก่ชาวบ้าน โดยเฉพาะการทอผ้า
พระราชชายาเจ้าดารารัศมี
ทรงนำวัฒนธรรมสยามทั้งเก่าและใหม่ไปประยุกต์ใช้ในล้านนา ทรงสนับสนุนการก่อตั่งและดําเนินงานของโรงเรียนในเชียงใหม่ ทรงริเริ่มนำฟ้อนพื้นเมืองมาแสดงในงานเฉลิมฉลองและให้ความอุปถัมภ์ศิลปะและหัตถกรรมพื้นบ้าน
สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ
ด้านสาธารณะสุขและกาแพทย์ : ทรงสนับสนุนให้สตรีไทยใช้วิธีการคลอดแบบตะวันตก ทรงจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์ขึ้นในโรงพยาบาลศิริราช ทรงเริ่มก่อตั้งสภาอุนาโลมแดง (สภากาชาด)
ด้านการศึกษา : ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตังโรงเรียนสตรี
ด้านการปกครอง : ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจ้าจอมมารดาแพ
ทรงปรับปรุงแก้ไขขนบธรรมเนียมต่างๆ ให้ทันสมัยและทรงส่งเสริมการสาธารณสุขแก่ประชาชนทั่วไป