Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีผู้สูงอายุ, น.ส.มานิตตา แสงจันทร์ 62111301072 เลขที่ 69 ปี 2…
ทฤษฎีผู้สูงอายุ
๑.ทฤษฎีทางชีวภาพ (Biological Theories)
ประกอบไปด้วย
ทฤษฎีอนุมูลอิสระ (Free radical Theory)
ความสูงอายุเกิดจากการสะสมสารที่เกิดจากการเผาผลาญไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต ร่วมกับ การได้รับการกระตุ้นจากความร้อน แสง และรังสี ก่อให้เกิดสารที่ เรียกว่า อนุมูลอิสระ
เมื่อมีอนุมูลอิสระจะเข้าทําลายโปรตีน เอ็นไซด์ และ DNA
ส่งผลให้อวัยวะมีความเสื่อมลง ร่างกายทําหน้าที่ลดลง
แนวคิดใหม่ที่สอดคล้องกับทฤษฎีอนุมูลอิสระคือ ทฤษฎีจํากัดพลังงาน (Caloric Restriction or Metabolic Theory)
ซึ่งเชื่อว่าการจํากัด
พลังงานในอาหารที่รับประทานจะช่วยชะลอกระบวนการเผาผลาญในร่างกายให้ชราลงโดยเฉพาะไขมัน
ทฤษฎีสะสม (Accumulation Theory)
ทฤษฏีนี้เกิดจาก
สารไลโปฟัสซิน (Lipofuscin) เป็นสารสีเหลืองที่ประกอบด้วยไขมันและโปรตีน
พบในเซลล์ของกล้ามเนื้อหัวใจ ตับและเส้นประสาท
สารนี้เป็น
ผลผลิตของการเผาผลาญไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเชื่อว่าสารไลโปฟัสซินมีผลเสีย
ต่อร่างกายจะมีผลต่อการกระจายและการขนส่งสารที่จําเป็นในร่างกาย
ทฤษฎีการเชื่อมตามขวาง (Cross - Linking Theory) หรือ
ทฤษฎีคอลลาเจน (Collagen Theory )
ทฤษฏีเชื่อว่าความสูงอายุว่า
เมื่อมีอายุมากขึ้นโปรตีนบางตัวจะเปลี่ยนแปลงลักษณะไขว้ขวางกันและอาจจะขัดขวางกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย
หน้าที่การ
ทํางานจึงลดลง สารไขว้ขวาง เช่น คอลลาเจน อิลาสติน และสารที่อยู่ภายในเซลล์
รวมทั้งสารที่อยู่นอกเซลล์เป็นกลุ่มสารเส้นใยโปรตีนที่ประกอบเป็นโครงร่างของร่างกาย เป็นเนื้อเยื่อประคับประคองและให้ความแข็งแรงพบมากในผิวหนัง กระดูกและกล้ามเนื้อ
พบเมื่ออายุมากขึ้น เมื่อเนื้อเยื่อคอลลาเจนมีการ
เปลี่ยนแปลงทําให้มีลักษณะแข็ง แตกแห้ง สูญเสียความยืดหยุ่น มีความ
มีความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวร่างกายลดลง เนื้อเยื่อสูญเสียความยืดหยุ่น เป็นผลให้เกิดความเสื่อมของอวัยวะ
ผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เลนซ์ในลูกตา ทําให้มีความทึบแสงมากขึ้น และกลายเป็นต้อกระจก (cataracts)
ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and tear theory)
ทฤษฎีนี้ได้เปรียบเทียบคนคล้ายกับเครื่องจักร คือเมื่อมีการใช้งานมาก ๆ ใช้งานอวัยวะเป็นเวลานาน หรือใช้อย่างหักโหมสะสมมาเรื่อย ๆ
เมื่ออายุมากขึ้น จึงเกิดการตายของเซลล์ เนื้อเยื่อ
อวัยวะและระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะทํางานเสื่อมลง
เช่น
หลอดเลือด
ข้อเข่า
เป็นต้น จึงควรมีการส่งเสริมสุขภาพและการชะลอ
ทฤษฎีพันธุกรรม (Genetic Theory)
เชื่อว่าความสูงอายุถูกควบคุมด้วยพันธุกรรม อายุขัยของมนุษย์ถูก โปรแกรมก่อนเกิดกําหนดไว้โดยเริ่มจากยีนใน DNA ถ่ายทอดลักษณะ
ทฤษฎีนี้เชื่อว่ามนุษย์สามารถคาดอายุขัยได้ นั่น
คือ ครอบครัวใดที่พ่อ – แม่ – ปู่ – ย่า ตา – ยาย
อายุยืน ลูกย่อมมีอายุยืนด้วย
ทฤษฎีระบบประสาท/ต่อมไร้ท่อและภูมิคุ้มกัน
(Neuroendocrine-Immunologic Theory)
ทฤษฎีนี้เชื่อว่า
ความสูงอายุเป็นผลร่วมกันของการเปลี่ยนแปลงระบบประสาท/ต่อมไร้ท่อและระบบภูมิคุ้มกัน
ที่ทำหน้าที่ลดลงหรือแตกต่างจากเดิม
ระบบภูมิคุ้มกันแบบ humoral immunity เกิดจากการทํางานของ B cell ร่างกายสร้าง antibody ต่อต้าน
antigen ที่จําเพาะ
เช่น
แบคทีเรีย
ไวรัส
และภูมิคุุ้มกันนี้
ลดลง เมื่ออายุ
มากขึ้น มีผลทําให้ มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
เป็นทฤษฎีที่อธิบายความชราทางชีววิทยาซึ่งเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดขึ้นในร่างกายสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
๒.ทฤษฎีความสูงอายุเชิงจิตสังคม (Phychosocial theory)
การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและสังคมของผู้สูงอายุมักจะมี
ผลกระทบพร้อม ๆ กัน ซึ่งขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพสถานภาพ
วัฒนธรรม เจตคติ โครงสร้างครอบครัวและการมีกิจกรรมในสังคมทฤษฎีที่เกี่ยวข้องมี
มีดังนี้
ทฤษฎีการถดถอย (Disengagement Theory)
เมื่อถึงวัย
ผู้สูงอายุจะสามารถยอมรับในบทบาทและหน้าที่ของตนเองลดลง
ทําให้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีลักษณะแยกตัวออกจากสังคมทีละน้อยหรือต้องการปล่อยวางเป็นอิสระ
ฉะนั้นถ้าสังคมและบุคคลรอบข้าง
ของผู้สูงอายุยอมรับเปิดโอกาสและเคารพในตัวผู้สูงอายุ
จะทําให้ผู้สูงอายุมีความสุขมากขึ้น และทําให้พวกเขารู้สึกว่ายังมีคุณค่ากับสังคมและบุคคลรอบข้างต่อไป
พยาบาลจะต้องให้การดูแลผู้สูงอายุที่แตกต่างกัน เพราะผู้สูงอายุมีการตอบสนองต่อการเกษียณอายุการทํางานที่แตกต่างกัน ควรจัดให้มีความรู้การเตรียมตัวก่อนการเกษียณสนับสนุนความรู้สึกมีคุณค่า
เป็นสมาชิกในสังคม คงไว้ซึ่งความรู้สึกมีอํานาจในการควบคุมสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยของตน
ทฤษฎีการมีกิจกรรม (Activity theory)
โดยทฤษฎีนี้ส่งเสริมการทํากิจกรรมต่อไป ไม่ยอมรับการเป็นผู้สูงอายุเร็วเกินไป เมื่อผู้สูงอายุเกิดการสูญเสียบทบาทที่เคยทําอยู่
ดังนั้นจึงควรตระหนักให้ผู้สูงอายุ
มีกิจกรรมต่อไปเมื่อมีอายุมากขึ้น
การกระตุ้นให้ผู้สูงอายุได้มีกิจกรรมต่อไป
เพื่อความมั่นคงและอยู่ในสังคมได้
อย่างมีคุณค่าและผาสุกต่อไป
ทฤษฎีความต่อเนื่อง (Continuity Theory)
อธิบายว่าผู้สูงอายุจะมีความสุขในการทํากิจกรรมต่าง ๆ ได้ขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพและแบบแผนการดําเนินชีวิตที่มีมาในอดีตที่แต่ละคนเคยปฏิบัติมาก่อน
บุคลิกภาพเป็นผลมาจากความพึงพอใจใน
ชีวิตต่อการมีบทบาทในกิจกรรมนั้น ๆ ดังนั้นควรมีการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีการตัดสินใจที่จะเลือก
เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจและ
ไม่ขัดแย้งต่อความรู้สึกภายในผู้สูงอายุ
ดังนั้นการประเมินพฤติกรรมในอดีตของผู้สูงอายุ จึงเป็นประโยชน์ในการช่วยให้ผู้สูงอายุเผชิญกับภาวะความเครียดในปัจจุบันและอนาคต
แนวคิดพัฒนกิจชีวิตของอิริคสัน
การปรับตัวต่อความ
เจ็บป่วย การสูญเสียและการเปลี่ยนแปลง การชื่นชมกับชีวิตในอดีตและการเตรียมตัวเองเข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิต
แนวคิดที่สําคัญคือ
การเป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพจิตดี อยู่บนพื้นฐานของ
การประสบความสําเร็จในการเผชิญพันธะกิจในแต่ละขั้นตอนของชีวิต
ทฤษฎีของเพค (Peck, Concept)
ตนเองว่าผู้สูงอายุควรสร้างความรู้สึกพึงพอใจในตนเองในฐานเป็นคนคนหนึ่ง ไม่ใช่จากการมีบทบาทในสังคม
ผู้สูงอายุควรหาความสุขทางใจมากกว่า หมกมุ่นกับความจํากัดของร่างกายที่เกิดขึ้นจากความสูงอายุ
ควรมองหรือสะท้อนคิดถึงอดีตที่
ประสบความสําเร็จอย่างชื่นชมแทนการมองระยะเวลา
ที่เหลืออยู่ในชีวิต
น.ส.มานิตตา แสงจันทร์ 62111301072
เลขที่ 69 ปี 2 รุ่น 37