Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ, นางสาวบุษชา วงศ์รัศมีธรรม เลขที่ 43…
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงร่างกายของมนุษย์
ปัจจัยภายใน
กรรมพันธุ์
สุขภาพอนามัย
การมองโลก ประสบการณ์ชีวิต
คนที่คิดบวก ก็จะทําให้มีกําลังใจที่จะดูแลสุขภาพ หรือคนที่เตรียมตัววางแผนก่อนเกษียณ
ความเชื่อ
คนที่มีความเชื่อว่าความสูงอายุคือความภาคภูมิใจ
เป็นที่เคารพ ย่อมดูแลตนเองและแสวงหาความรู้เพื่อทําให้มีสุขภาพดี
ปัจจัยภายนอก
การศึกษา
เศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อม
การเกษียณงาน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสรีรวิทยาในผู้สูงอายุ
ระบบผิวหนัง
ผิวหนังบางลง ความเหนียวของผิวหนังเพิ่มมากขึ้น
เซลล์ผิวหนังมีจํานวนลดลง ปุ่มกระดูกชัดเจน
ผู้สูงอายุจึงเกิด แผลกดทับได้ง่ายและทนต่อความเย็นได้น้อยลง
ต่อมเหงื่อมีจํานวนและขนาดลดลง
ทําให้เกิดลมแดด (heat stroke)
ต่อมไขมันทํางานลดลง
ทําให้ผิวหนังแห้งคันและแตกง่าย
อัตราการเจริญของผมและขนลดลงตามอายุ เมลานิน ซึ่งผลิตจากเซลล์สร้างสีของผมลดลง
ผมและขนทั่วไปสีจางลงกลายเป็นสีเทาหรือขาว
ปัญหาการได้ยินลดลง
มีการเสื่อมของ organ of Corti และ basilar membrane ร่วมกับเส้นประสาทคู่ที่ 8 (auditoty nerve)
เยื่อแก้วหูและอวัยวะในหูชั้นกลางแข็งตัวมากขึ้น
บกพร่องการได้ยินระดับเสียงสูงมากกว่าระดับเสียงต่ำ
การสื่อสารกับผู้สูงอายุ ไม่ควรตะโกน แต่ควรพูดด้วยเสียงทุ้ม พูดถ้อยคําง่าย ๆ
พูดช้าๆ ชัดเจน หลีกเลี่ยงใช้คําเดี่ยว ควรใช้คําที่มีหลายพยางค์
การมองเห็น
ลูกตามีขนาดเล็กลงและลึกเพราะไขมันของลูกตาลดลง
ปฏิกิริยาตอบสนองของม่านตาต่อแสงลดลง
การปรับตัวสําหรับการมองเห็นในสถานที่ต่างๆไม่ดี
โดยเฉพาะในสถานที่มืดหรือในเวลากลางคืน
โดยทั่วไปผู้สูงอายุสามารถแยกสีแดง สีส้มและสีเหลือง ได้ดีกว่าสีน้ํำเงิน สีม่วง และเขียว
เซลล์สมองและเซลล์ประสาท
มีจํานวนลดลง
ความไวและความรู้สึกตอบสนองต่อปฏิกิริยาต่าง ๆ ลดลง
ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal system)
หลังอายุ 40 ปี อัตราการเสื่อมของกระดูกมากกว่าอัตราการสร้าง เซลล์กระดูกลดลง
กระดูกผู้สูงอายุจึงเปราะและหักง่ายแม้ไม่ได้รับอุบัติเหตุ
ในเพศหญิงสาเหตุที่สําคัญคือ การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
การทํางานของ osteoblasts ลดลงหลังหมดประจําเดือน
ความยาวของกระดูกลดลงเพราะหมอนรองกระดูกสูญเสียน้ําและบางลง กระดูกหลังผุมากขึ้น
ทําให้หลังค่อม (kphosis) หรือหลังเอียง (scoliosis) มากขึ้น
ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular System)
ผนังหลอดเลือดฝอยหนาขึ้น ความยืดหยุ่นน้อยลง
เส้นใยคอลลาเจนเรียงตามขวาง ทำให้ BP ต่ำ
เปลี่ยนแปลงท่าทางต่าง ๆ ในผู้สูงอายุจึงควรกระทําอย่างช้า ๆ เกิดรอยฟกช้ําได้ง่าย
ระบบภูมิคุ้มกันทํางานลดลง ทําให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
ระบบทางเดินหายใจ (Respiratory System)
ผู้สูงอายุจะมีความยืดหยุ่นของเนื้อปอดลดลง
ปอดยืดขยายและหดตัวได้น้อยลง
จํานวนถุงลมปอดลด ผนังถุงลมแตกง่าย เกิดถุงลมโป่งพองได้ง่าย
รีเฟล็กซ์และประสิทธิภาพการไอลดลง
เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้ง่าย
ระบบทางเดินอาหาร (Digestive System)
ฟันสึกกร่อน เคลือบฟันบางลง
การรับรสของลิ้นเสีย
ทําให้เกิดภาวะเบื่ออาหาร
มีการยื่นโป่งพองของหลอดอาหาร
ทําให้การเคลื่อนไหวของหลอดอาหารลดลง
การสูดสําลักเข้าสู่หลอดลมทําให้เกิดโรคปอดบวม
ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบสืบพันธุ์ (Genitourinary System)
ไต ขับของเสียออกจากร่างกายได้ลดลง
ผู้สูงอายุจึงมีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ํำ
กระเพาะปัสสาสะมีความจุลดลง
มีปัสสาวะค้างหลังการถ่ายปัสสาวะทําให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
โรคในระบบทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ไตวาย
ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System)
ต่อมธัยรอยด์มีเนื้อเยื่อพังผืดมา สะสมมากขึ้น การทํางานจึงลดลง
ทำให้ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะ hypothyroidism
พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ตับอ่อนหลั่งอินซูลินลดลงและช้า
เป็นผลทําให้ระดับความทนต่อน้ํำตาล (glucose tolerance) ลดลง
ต่อมเพศทํางานลดลง
ทําให้ไม่มีประจําเดือน
ขนบริเวณรักแร้และหัวเหน่าลดลง
ปัญหา สาเหตุ และการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการชะลอความเชื่อมในผู้สูงอายุ
อุบัติเหตุ แผลบริเวณผิวหนัง
หลีกเลี่ยงการประคบร้อนหรือเย็นจัดเกินไป ตรวจผิวหนังอยู่เสมอ
จัดสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบ แสงสว่างเพียงพอ
ภาวะเบื่ออาหาร ขาดสารอาหาร โลหิตจาง
รับประทานอาหาร 5 หมู่ กินน้อยๆแต่บ่อยครั้ง ตรวจฟันทุก 6 เดือน
กระดูกเปราะและหักง่าย ปวดข้อ
รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง
ออกกำลังกายในสถานที่ที่มีแสงแดดอ่อน ๆ อย่างสม่ําเสมอ บริหารข้อมากขึ้น
กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวาย ความดันโลหิตสูง สมองขาดเลือด
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงความเครียด งดดื่มและสูบบุหรี่
การติดเชื้อในทางเดินหายใจและการสําลัก ถุงลมโป่งพอง หายใจลําบากเหนื่อยง่าย
รับประทานอาหารช้ำ หลีกเลี่ยงการพูดขณะทาน
ดื่มน้ำมากๆ มีการไอที่ถูกวิธี
เบาหวาน
รับประทานแป้งและน้ำตาลลดลง สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายปัสสาวะบ่อย
ท้องผูก
ดื่มน้ำมากขึ้น รับประทานผัก ผลไม้ ห้ามกลั้นอุจจาระ
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ถ่ายปัสสาวะลําบาก และถ่ายบ่อย
บริหารกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานและกล้ามเนื้อหูรูดโดยการขมิบก้นบ่อย ๆ
ดื่มน้ํำอย่างเพียงพอโดยเฉพาะในตอนกลางวัน
ต้อกระจก
ตรวจตาปีละ 1ครั้ง ถนอมสายตา
หากอาการมากขึ้น ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อลอกต้อออก
การนอนไม่หลับ
จัดสถานที่ให้สงบ ไม่มีสิ่งรบกวน
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำก่อนนอน
หูตึง
ควรตรวจหูปีละ 1 ครั้ง ถ้าพบผิดปกติรีบปรึกษาแพทย์แนะนำการใช้เครื่องช่วยฟัง
ผิวแห้งแตกง่ายเหี่ยวย่น
หลีกเลี่ยงหารอาบน้ำบ่อย ใช้สบู่อ่อนๆ ทาโลชั่น และหลีกเลี่ยงแสงแดด
ความไม่สมดุลของน้ํำในร่างกาย
แนะนําให้ดื่มน้ําอย่างเพียงพอ
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ําออกจากร่างกาย
หนาวเย็น
ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ในวันที่มีอากาศหนาวเย็น
การติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์ เจ็บขณะร่วมเพศ
แนะนําการดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ ใช้สารหล่อลื่นขณะร่วมเพศ
นางสาวบุษชา วงศ์รัศมีธรรม เลขที่ 43 รหัส 62111301045 ชั้นปี2 รุ่น 37