Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่2 ชายอายุ 42 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัม สูง 165 ซม. - Coggle…
กรณีศึกษาที่2 ชายอายุ 42 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัม สูง 165 ซม.
(CC) : ปวดกระเบนเหน็บและปวดเสียวลงมาที่ขาขวา 1 wk PTA
(PI) : 1 wk PTA ผู้ป่วยมีอาการปวดบริเวณกระเบนเหน็บและปวดเสียวลงมาที่ขวาขา สามารถเดินและทำงานได้ตามปกติ แต่จะเป็นมากเวลายกของหนัก ผู้ป่วยมีอาการปวดหลัง เป็นๆหายๆ ปีละ 2-3 ครั้ง เป็นครั้งละ 1-2 สัปดาห์
การตรวจร่างกาย (PE)
Vital sign T=37.4 °C, P=82 ครั้ง/นาที, R=20 ครั้ง/นาที, BP 130/80 mmHg,
GA : Adult male BW 80 kg Hight 165 cm BMI 29.38 (Plump)
Nervous system : Straight legs raising test (SLRT) 70°C positive, Refer pain
Problem list
-lumbar portion pain
-Refer pain
Differential diagnosis
1.Herniated Nucleus Pulposus (โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท)
2.Spinal stenosis (โรคช่องบรรจุไขสันหลังตีบ)
3.Acute back strain (โรคเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน)
Impression
Herniated Nucleus Pulposus (โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท)
Herniated Nucleus Pulposus (โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท)
ทฤษฎี
อาการ อาการมักเป็นแบบเฉียบพลัน ภายหลังการยกของหนัก หรือหมุนตัวผิด ทำให้มีหมอนรองกระดูกแตกออกไปทับ เส้นประสาท ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวลงไปที่ขาการตรวจร่างกายจะพบ root tension sign เช่น Straight leg raising test (SLRT), laseque test , Bow string test ให้ผลบวกอาจตรวจพบอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อที่เลี้ยงด้วย เส้นประสาท L4 ,L5,S1 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พบบ่อย
สาเหตุ อายุมากขึ้นเกิดการเสื่อมตามวัย หมอนรองกระดูกที่เหี่ยวบางลง กระดูกสันหลังหลวมมากขึ้นทำให้ หมอนรองกระดูกปริแตกได้ง่าย ทำให้เกิดอาการปวดคอ ปวดเอวหลัง หรือปวดหลังเกิดจากการยกของหนัก การเดิน ยืน นั่ง ที่ผิดสุขลักษณะ การเล่นกีฬาผิดท่า เป็นต้น ทำให้เสื่อมสภาพ ผู้ที่ทำงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งหน้าคอมเป็นเวลานาน และไม่ออกกำลังกาย เกิดจากการกระแทกรุนแรง หรือ เกิดจากอุบัติเหตุ อิริยาบถที่ไม่ถูกต้อง เช่น นอนบนฟูกนิ่มเกินไป , นั่งหลังค่อมนาน ๆ หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน
การวินิจฉัย การตรวจร่างกายร่วมกับ การตรวจ MRI คือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจด้วยเครื่อง CT ร่วมกับการฉีดสีเข้าไขสันหลังจึงจะมีความแม่นยำพอกับการทำ MRIการตรวจคลื่นไฟ้ฟ้ากล้ามเนื้อ Eletromyography (EMG) เป็นการวัดว่าเส้นประสาทถูกกดทับหรือไม่โดยการเปรียบเทียบข้างที่เป็นโรคกับด้านที่ปกติ
การรักษา ในการรักษาเบื้องต้นเพียงให้ยาแก้ปวด NSAIDs ก็เพียงพอที่จะบรรเทาอาการปวด การทำกายภาพ เช่น การอบร้อน/เย็น การดึงคอ จะช่วยลดการกดทับของเส้นประสาท
การจัดกระดูก Chiropractic manipulation อาจจะช่วยลดอาการปวด การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้อาการเป็นมากขึ้น เช่น การยกของหนัก กิจกรรมที่ทำให้เกิดการกระแทก เช่นการวิ่ง การนั่งรถที่แล่นทางขรุขระ การนั่งเรือเร็ว เป็นต้น การใส่ปลอกคอเพื่อให้มีการพักของกระดูกต้นคอ การใช้ยาแก้ปวดดังกล่าวข้างต้นหากไม่หายอาจจะต้องให้ยา steroid ยาแก้ปวดที่แรงมากขึ้นการฉีดยาเข้าบริเวณที่ปวด หรือถ้าปวดมากอาจทำการรักษาโดยการผ่าตัด
คำแนะนำ
-ออกกำลังกาย ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนักหรือรับแรงกระแทกมาก
-จัดท่าทางของร่างกายให้เหมาะ ควรยืดหลังให้ตรงและอยู่ในแนวขนาน โดยเฉพาะเมื่อต้องนั่งนาน ๆ หากต้องยกของหนัก ควรค่อย ๆ ย่อตัวลง โดยให้น้ำหนักลงที่ขาไม่ใช่ที่หลัง
-ควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากจะทำให้เกิดแรงกดทับที่กระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก เสี่ยงเป็นกระดูกทับเส้น หากคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจะช่วยลดแรงกดทับของกระดูกได้
-งดการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้หมอนรองกระดูกสูญเสียความยืดหยุ่นและเสื่อมเร็วกว่าปกติ
กรณีศึกษา
อาการ ผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดกระเบนเหน็บและปวดเสียวลงมาที่ขาขวา ปวดมากเวลายกของหนักตรวจร่างกายพบ Straight legs raising test (SLRT) 70°C positive, Refer pain
การวินิจฉัย ผู้ป่วยได้ทำการตรวจร่างกายพบว่า traight legs raising test (SLRT) 70°C positive, Refer pain
คำแนะนำ แนะนำให้ผู้ป่วยควบคุมอาหารและออกกำลังกายเนื่องจากผู้ป่วยมี BMI ที่เกินมาเล็กน้อยโดยหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องลงน้ำหนักหรือรับแรงกระแทกมาก
Spinal stenosis (โรคช่องบรรจุไขสันหลังตีบ)
ทฤษฎี
อาการอาการปวดหลังและขาในผู้ป่วย spinal stenosis จะมีอาการค่อยเป็น ค่อยอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่างและมีการร้าวไปที่ก้น ต้นขาและน่องผู้ป่วยจะมี ลักษณะจําเพาะที่เรียกว่า intermittent neurogenic claudication คือมีอาการปวดหลังร้าวลงขาและมีอาการน่องชา หรือไม่มีแรง เมื่อมีการเดินไกลแต่เมื่อนั่งพักเพียงไม่กี่นาทีอาการก็ดีขึ้นตรวจ root tension sign มักให้ผลลบ อาจตรวจพบ อาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อที่เลี้ยงด้วยเส้นประสาท L4,L5,S1 และอาจมีการสูญเสียการทำงานของ เส้นประสาทหลายเส้นพร้อมกัน รวมทั้งการตอบสนองของ reflex อาจลดลง
สาเหตุ อายุที่เพิ่มขึ้น ความเสื่อมก่อนวัยจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น เดินเยอะ ยกของเยอะ เป็นต้น กรรมพันธุ์ อุบัติเหตุรุนแรง เนื้องอกหรือมะเร็งที่โตขึ้นจนไปกดเบียดช่องไขสันหลัง
การวินิจฉัย แพทย์จึงวินิจฉัยโดยการซักประวัติอาการเป็นสำคัญ อาทิ ดูความแข็งแรง ตรวจความรู้สึก ตรวจชีพจร ฯลฯ จากนั้นอาจมีการเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพราะสามารถบอกตำแหน่งได้อย่างถูกต้อง
การรักษา การออกกำลังกาย การใช้ยา ที่การบรรเทาอาการปวด อย่างยาแก้ปวด ยาต้านเศร้า ยากันชัก คอร์ติโซน และโอปิออยด์ ซึ่งยาเหล่านี้จะช่วยลดการทำงานของเส้นประสาทที่ส่งผลให้เกิดอาการปวด การผ่าตัดการผ่าตัดเพื่อรักษาโรค Spinal Stenosis การลดการกดทับ การลดการกดทับเป็นวิธีการที่ใช้ลดการกดทับเส้นประสาท ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่คล้ายเข็มสอดเข้าไปยังกระดูกสันหลังเพื่อลดขนาดของกระดูกที่หนาผิดปกติจนกดทับเส้นประสาท การรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก อย่างการฝังเข็ม การนวด และ ไคโรแพรคติก (Chiropractic) หรือการจัดกระดูก
กรณีศึกษา
อาการ ผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดกระเบนเหน็บและปวดเสียวลงมาที่ขาขวา ปวดมากเวลายกของหนักตรวจร่างกายพบ Straight legs raising test (SLRT) 70°C positive, Refer pain
Acute back strain (โรคเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน)
อาการ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังไม่มีร้าวไปที่ขา มีกล้ามเนื้อหลัง แข็งเกร็ง ทำให้แนวแอ่นตัวของหลังหายไป
(loss of lumbar lordosis) เมื่อกดกล้ามเนื้อรอบๆกระดูกสันหลังจะ รู้สึกเจ็บ อย่างไรก็ดีลักษณะอาการดังกล่าวอาจรวมอยู่กับอาการของโรคอื่นๆที่มีลักษณะเกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท, กระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุเป็นต้น
สาเหตุ ผู้ที่มีอายุมากจะยิ่งมีโอกาสเกิดภาวะเอ็นอักเสบมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเอ็นกล้ามเริ่มมีความยืดหยุ่นน้อยลง ผู้ประกอบอาชีพที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวบางส่วนของร่างกายบ่อยครั้ง มีการเคลื่อนไหวผิดท่า การเล่นกีฬาบางชนิดที่เอ็นกล้ามเนื้อต้องทำงานซ้ำ ๆ เช่น บาสเก็ตบอล กอล์ฟ เป็นต้น
การวินิจฉัย แพทย์จะวินิจฉัยภาวะเอ็นอักเสบด้วยการตรวจร่างกายเพียงเท่านั้น แต่บางครั้งก็อาจส่งตรวจเอกซเรย์หรือหากต้องการแน่ใจว่าอาการดังกล่าวไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคอื่นมักใช้การตรวจด้วยการถ่ายภาพ
การรักษาประคบเย็นด้วยผ้าห่อน้ำแข็งบริเวณที่อักเสบนาน ใช้ผ้าพันแผลพันรอบ ๆ เพื่อรองรับข้อต่อและเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ พยายามยกส่วนของร่างกายที่มีอาการให้อยู่ในระดับสูง ป้องกันการบวมของบริเวณที่อักเสบด้วยการหลีกเลี่ยงความร้อน เช่น น้ำอุ่น หรือถุงน้ำร้อน รวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์และการนวดบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ซึ่งวิธีการรักษาที่อาจนำมาใช้ มียาที่แพทย์แนะนำสำหรับผู้มีอาการเอ็นอักเสบ ได้แก่ ยาบรรเทาอาการปวด เช่น แอสไพริน (Aspirin) คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
คำแนะนำ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะส่งผลให้เกิดแรงตึงต่อเอ็นกล้ามเนื้อมากเกินไป ปรับเทคนิคการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายให้ถูกต้อง อบอุ่นร่างกายให้พร้อมก่อนการทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ให้ทนต่อความตึงและการลงน้ำหนักได้ดี หมั่นยืดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวของเอ็นกล้ามเนื้อ จัดรูปแบบอุปกรณ์การทำงานให้เหมาะสม
แผน Investigate
-อาการปวดหลังเป็นมานานเท่าไหร่
-ประกอบอาชีพอะไร
-มีโรคประจำตัวอื่นอีกหรือไม่
การตรวจร่างกาย
-เพิ่มการดูการคอ งอของกระดูกสันหลัง ว่าผิดรูปหรือไม่ สังเกตการเดินของผู้ป่วยว่าผิดปกติหรือไม่ เช่น Trendelenburg gait, steppage gait, ataxic gait, circumduction gait ดูลักษณะการเคลื่อนไหวว่ามี limitation หรือไม่ ท่าก้มหรือเงยปวดมากกว่ากัน การกระดกปลายเท้า motor power sensory และ reflex
การตรวจผลทางห้องปฏิบัติการ
-ส่งตรวจเอ็กซเรย์ คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
Treatment
-การรักษามักจะเริ่มจากการให้ยา การทำกายภาพบำบัดในผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ซึ่งมีโอกาสที่จะหายได้ แต่หากการรักษายังไม่ได้ผล ในรายที่ได้รับการวินิจฉัยแน่ชัดว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การรักษาอื่นๆ ที่อาจจะพิจารณา ได้แก่ การฉีดยาประเภท สเตียรอยด์ร่วมกับยาชาเข้าโพรงไขสันหลัง หรือฉีดเข้าไปตำแหน่งใกล้เส้นประสาทที่เป็นสาเหตุของการปวด
-การลดแรงดันในหมอนรองกระดูกการลดแรงดันในหมอนรองกระดูก เพื่อลดอาการกดเบียดของเส้นประสาทที่อยู่ใกล้ๆ (Disc decompression) หลักการคือ ใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency), Laser, อุปกรณ์ให้พลังงานความร้อนโดยผ่านเข็มสอดเข้าไปในหมอนรองกระดูกสันหลัง ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้ส่วนของหมอนรองกระดูกสันหลังที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบสลายไป หรือลดปริมาตรลง ทำให้ลดการกดต่อเส้นประสาทใกล้เคียง
-การผ่าตัด
Health education
-ออกกำลังกาย ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนักหรือรับแรงกระแทกมาก
-จัดท่าทางของร่างกายให้เหมาะ ควรยืดหลังให้ตรงและอยู่ในแนวขนาน โดยเฉพาะเมื่อต้องนั่งนาน ๆ หากต้องยกของหนัก ควรค่อย ๆ ย่อตัวลง โดยให้น้ำหนักลงที่ขาไม่ใช่ที่หลัง
-ควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากจะทำให้เกิดแรงกดทับที่กระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก เสี่ยงเป็นกระดูกทับเส้น หากคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจะช่วยลดแรงกดทับของกระดูกได้
บรรณานุกรม
กันต์ แก้วโรจน์.ภาวะปวดหลังระดับเอว.สืบค้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563,จากเอกสารคำสอนเรื่องภาวะปวดหลังส่วนล่าง (Low back pain)