Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหา การควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหา
การควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ
ความหมาย
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หมายถึง การสูญเสียความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ ทำให้มีปัสสาวะเล็ดราดออกมาทางท่อปัสสาวะ โดยไสมารถควบคุมได้และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต และการเข้าร่วมกิกรมทางสัดมของบุคคล ภาวะกลั้นปัสสวะไม่อยู่เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยเมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ และพบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะหลีกเสี่ยงไม่พูดถึงอาการที่เกิดขึ้น หลีกเสี่ยงที่จะเข้ารับการรักษาดูแล ทั้งที่ปัจจุบันแนวทางในการรักษาและดูแลผู้ป่วยที่มีภวะกลั้นปัสสวะไม่อยู่มีมากขึ้น การรายงานเกี่ยวกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุในบทความวิชาการนี้ จึงมีวัตถุประสค์เพื่ออภิปราเกี่ยวกับการประเมิน และการจัดการภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ
ชนิดของการกลั้นปัสสาวะ
ปวดปัสสาวะรุนแรงแล้วปัสสาวะราดออกมา อาการนี้พบ ได้บ่อยในผู้ที่มีอายมาก ผู้ที่มีการอุดกั้นในทางเดินสสาวะร่วม ด้วย เช่นผู้ที่มีต่อมลูกหมากโต เป็นต้น แต่ผู้ที่พบได้บ่อยมากได้แก่ ผู้ที่มีโรคและความผิดปกติในระบบประสาท อาการที่ชัดเจนคือจะมีอาการปวดปัสสาวะนำมาก่อนแล้วไม่สามารถยับยั้งได้ มีปัสสาวะ
2.ไอจามปัสสาวะเล็ดผู้สูงอายุจะมีอาการปัสสาวะเล็ดออกมาเมื่อมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง แรงดันเหล่านั้นจะมากดบริเวณกระเพาะปัสสาวะเมื่อหูรูดไม่แข็งแรงพอก็จะทำให้ปัสสาวะเล็ดราดออกมาโดยที่ไม่ได้มีการปวดปัสสาวะ การเพิ่มแรงดันในช่องท้องได้แก่การไอ จาม หัวเราะ ออกกำลังกาย มักพบในผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน ผู้ที่ผ่านการตั้งครรภ์
การคลอด หรือตัดมดลูก เป็นต้น ในเพศชายพบน้อยกว่าเพราะมีต่อมลูกหมากช่วยในระดับหนึ่งแต่ผู้ที่ผ่านการผ่าตัดต่อมลูกหมากแล้วจะสามารถพบอาการไอจามมีปัสสาวะเล็ดราดได้
ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ในผู้สูงอายุจะไม่มีอาการปวดปัสสาวะหรือมีน้อย มีปัสสาวไหลออกมาตลอดเวลา หรืออาจจะไหลออกเมื่อมีการกระเทือน สาเหตุเกิดจากมีปัสสาวตกค้างในกระเพาะปัสสาวะจำนวนมาก เมื่อมีปัสสาวะล้นเกินกว่า ที่จะเก็บไว้ได้ก็จะไหลออกมาเอง
ปัสสาวะเล็ดราดหลังการถ่ายปัสสาวะสุด อาการหลักคือมีการถ่ายปัสสาวะตามปกติ แต่เมื่อปัสสาวะสุดแล้วจะมีปัสสาวะเล็ดตามออกมาอีกเล็กน้อย ทำให้มีการเปียกชื้นหรือส่งกลิ่นเหม็น มักจะเกิดในผู้ชายที่มีต่อมลูกหมากโต หรือผู้หญิงที่มีถุงน้ำบริเวณท่อปัสสาวะ
สาเหตุการเกิด
อายุที่เพิ่มขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มีความเสื่อมของร่างกายทั้งในระบบของทางปัสสาวะเองและ ในระบบที่เกี่ยวข้อง เช่น กระเพาะปัสสาวะที่ผ่านการใช้งานมานาน จะมีการทำงานแปรปรวนได้ และอายุที่เพิ่มขั้นจะมีโรคต่างๆที่ก่อให้มีความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการกลั้นปัสสาวะ เช่น ฮอร์โมนที่ลดลง มีการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อ เชิงกรานการบีบรัดของกล้ามเนื้อหรูดเสื่อม เป็นต้น
โรคประจำตัวของผู้สูงอายุที่ส่งผลต่อการกลั้นปัสสาวะ เช่นเบาหวาน เบาจืด โรคความดัน โลหิตสูง โรคทางสมอง โรคซึมเศร้า เป็นตัน
ท้องผูกเรื้อรัง ท้องผูกจะทำให้ก้อนอุจจาระที่จับเป็นก้อนแข็งกดบริเวณท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะส่งผลให้กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
การคลอดบุตรโดยเฉพาะคลอคบุตรหลายคนหรือมีประวัติการคลอดบุตรยาก คลอดผิดท่า บุตรมีน้ำหนักมาก ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนตัว ซึ่งจะเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป
มีประวัติการผ่าตัดในบริเวณอุ้งเชิงกรานการผ่าตัดมดลูก ผ่าตัดต่อม ลูกหมาก
มีการอุดกั้นต่อการไหลของปัสสาวะทำให้มีปัสสาวะตกค้าง เช่น ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย เป็นต้น
มีความผิดปกติบริเวณีกระเพาะปัสสาวะ เช่นมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ มีการอักเสบติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
8.ปริมาณปัสาวะมากขึ้น จากสาเหตุต่างๆเช่น ผู้สูงอายุดื่มน้ำมากขึ้น รับประทานยาขับปัสสาวะยาระงับประสาท ยานอนหลับ ดื่มเครื่องดื่มที่มีดเฟอีน แอลกอฮอล์ เป็นต้น
น้ำหนักตัวมากขึ้น
แนวทางการดูแลและการให้การพยาบาล
ค้นหาสาเหตุของอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ แยกแยะลักษณะและแบบแผนการปัสสาวะ โดยการซักประวัติในเรื่องความ สามารถในการกลั้นปัสสาวะเดิม ประวัติการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับ 12 ระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ ความผิดปกติของระบบประสาท การใช้ยาตามแพทย์สั่ง ประวัติการผ่าตัด เช่น ระบบทาง เดินปัสสาวะ เป็นต้น
ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม สะดวกต่อการขับถ่าย ปัสสาวะ เช่น จัดเตียงนอนหรือบริเวณท่ีผู้สูงอายุอยู่ให้ใกล้กับ ห้องน้ำ มีราวให้จับไปตามทางเดินไปห้องน้ำ การจัดทางเดินระหว่าง เดินไปห้องน้ำไม่ให้มีสิ่งกีดขวาง เป็นต้น
จัดทำแบบบันทึกปัสสาวะ (diary voiding) บันทึกการขับถ่ายปัสสาวะ ให้ครอบคลุมทั้งปริมาณน้ำดื่มจำนวน ความถี่ของปัสสาวะ ระยะเวลา และสภาวะที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นำข้อมูลท่ีได้มาวิเคราะห์ในประเด็นปริมาณน้ำดื่มหากมากเกินไปก็ควรลด ปริมาณลง จำนวนครั้งการขับถ่ายปัสสาวะตอนกลางวันไม่ควรเกิน 2.5-3 ชั่วโมงต่อคร้ัง ปริมาณปัสสาวะแต่ละครั้งไม่ควรน้อยกว่า 200 มิลลิลิตร จำนวนครั้งการขับถ่ายปัสสาวะตอนกลางคืนไม่ควรเกินคืนละ 1-2 ครั้งหลังเข้านอน จำนวนครั้งที่ปัสสาวะเล็ดราด จำนวนคร้ังที่ต้องรีบไปห้องน้ำ และกำหนดตารางเวลาในการ ขับถ่ายปัสสาวะโดยจัดตารางวางแผนให้ผู้สูงอายุถ่ายปัสสาวะ ห่างกันอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง โดยนับจากเวลาที่ถ่ายครั้งสุดท้าย ไม่ว่าการถ่ายปัสสาวะคร้ังนั้นจะสามารถกลั้นปัสสาวะได้หรือไม่ ก็ตาม
ผู้สูงอายุที่ใช้แผ่นรองซับนำ้าปัสสาวะ ควรเปลี่ยนทุกครั้ง เมื่อมีการขับถ่าย และต้องดูแลให้ผิวหนังแห้งเสมอ เพื่อไม่ทำให้เกิดแผลกดทับหรือผื่นแพ้บริเวณร่มผ้า
จัดหาวัสดุรองรับปัสสาวะ เช่น จัดหาผ้าอ้อมชนิดใช้แล้ว ทิ้งสำหรับไว้ใส่ เป็นต้น แต่การใช้วัสดุรองรับปัสสาวะน้ันต้องคำนึง ถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจของผู้ป่วยและครอบครัวด้วย เนื่องจาก มีค่าใช้จ่ายในส่วนน้ีค่อนข้างสูง
รักษาความสะอาดทุกครั้งภายหลังการขับถ่าย โดยใช้ กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ให้แห้งทุกครั้ง ภายหลังจากมีปัสสาวะเล็ด/รั่วไหล เพื่อป้องกันการเกิดแผลจากการระคายเคือง และเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังไม่เช็ดย้อน เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ได้ งดการใช้สบู่ที่มีความเป็นกรดด่างสูง ควรใช้สบู่อ่อนๆ เสื้อผ้าและกางเกง ช้ันในควรสะอาดและเป็นผ้าฝ้ายที่ไม่ระคายเคืองมากเกินไป
กระตุ้นให้ผู้สูงอายุบริหารกล้ามเน้ืออุ้งเชิงกรานโดยฝึกให้ กระเพาะปัสสาวะสามารถกักเก็บน้ำปัสสาวะในระยะเวลาท่ียาวนาน ข้ึนนั่นคือผู้สูงอายุต้องบันทึกและประเมินตนเอง ก่อนว่ามีระยะ เวลาที่ต้องการขับถ่ายแต่ละครั้งเฉลี่ยแล้ว นานประมาณเท่าใด หลังจากน้ันต้ังเป้าหมายว่าจะยืดเวลาการขับถ่ายออกไปอีกจากเดิม ประมาณ 5-10 นาที เมื่อรู้สึกปวดและต้องการขับถ่ายในช่วงเวลา ท่ียืดออกไป แนะนำให้ผู้สูงอายุพยายามกลั้นปัสสาวะและหาวิธีการผ่อนคลายตนเองจากความรู้สึกอยากขับถ่ายปัสสาวะ เช่น การ นับถอยหลัง 100-1 หรือการกำหนดลมหายใจ เป็นต้น จนกระท่ัง สามารถยืดเวลา ในการขับถ่ายปัสสาวะออกไปได้ทีละน้อยจนกระทั่ง ประมาณ 3-4 ชั่วโมง9 สามารถกลั้นปัสสาวะได้มากขึ้น และระยะเวลากลั้นปัสสาวะแต่ละครั้งนานข้ึน สอดคล้องกับการศึกษาของโบและคณะที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า การบริหารกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานเป็นวิธีการท่ีเหมาะสม และควรปฏิบัติในผู้ท่ีมีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ชนิดเล็ดและชนิดราดเพราะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง มีความทนทานในการกลั้นปัสสาวะได้นานขึ้น และเป็นการส่งเสริมการทำหน้าที่ของกล้ามเน้ือ ในอุ้งเชิงกรานต่อการควบคุมการถ่ายปัสสาวะ
ผู้สูงอายุหญิงควรฝึกขมิบกล้ามเนื้อเชิงกราน ลักษณะ คล้ายกับการกลั้นผายลม โดยทำการขมิบก้นและช่องคลอดค้าง ไว้ 5-10 วินาที ชุดหนึ่ง 3-5 คร้ัง วันละ 3 ชุด อย่างต่อเนื่อง จะ เห็นผลชัดเจนหลังทำไป 15-20 สัปดาห์ สำหรับผู้สูงอายุชายท่ี ผ่าตัดต่อมลูกหมากมักมีปัญหาอาการกลั้นไม่อยู่หลังผ่าตัด ควร แนะนำให้บริหารอุ้งเชิงกรานตั้งแต่ก่อนผ่าตัดและให้ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหลังผ่าตัดนานเท่าท่ีจะปฏิบัติได้ การเร่ิมฝึกคร้ังแรกๆ ควรแนะนำให้ผู้สูงอายุสอดนิ้วเข้าไปทางทวารหนักและให้ลอง ขมิบกล้ามเน้ือหูรูดทวารหนัก การปฏิบัติที่ถูกต้องจะพบว่า องคชาต หดสั้นเข้า ผู้ที่ปฏิบัติสม่ำเสมอจะกลั้นปัสสาวะได้ดีขึ้น มีความ สม่ำเสมอในการ ฝึกบริหารกล้ามเน้ืออุ้งเชิงกรานทุกวัน และ บันทึกการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแต่ละวัน
ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตจัดการเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่เข้าสู่ร่างกายกล่าวคือ ต้องหลีกเลี่ยงมิให้เกิดภาวะขาดน้ำแต่ ต้องไม่ดื่มน้ำมากเกินไป หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์เพราะมีผลต่อภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เนื่องจาก คาเฟอีนทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ ในขณะท่ีแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะและปัสสาวะบ่อย ควรควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากความอ้วนจะเพิ่มความดันในช่องท้อง การดื่มน้ำให้เพียง พอในแต่ละวันมีผลดีต่อร่างกาย กล่าวคือจะช่วยส่งเสริมการ ทำงานของไต และทำให้กระเพาะปัสสาวะตึงตัว ช่วยเพิ่มความจุ ของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ดีข้ึน
ปริมาณท่ีควรดื่มอย่างน้อยวันละ 1,500 ซีซี หรือวันละ 6-8 แก้ว และไม่เกินวันละ 2,000 ซีซี น้ำที่ควรดื่มได้แก่ น้ำเปล่า และ เครื่องดื่มต่างๆ เช่น น้ำเต้าหู้ น้ำผลไม้ โอวัลติน เป็นต้น และควรจำกัดการดื่มน้ำในระยะ 2 ชั่วโมงก่อนนอน เพื่อมิให้ปัสสาวะบ่อย กลางคืน
การรักษา
หลักการทั่วไปได้แก่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันการงดดื่ม การงดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมคาเฟ่อีนการไม่ดื่มน้ำมากเกินไปการลดความอ้วนในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวเกินการรับประทานอาหารที่มีกากใยร่วมกับการขับถ่ายการงดยาที่เป็นสาเหตุของภาวะกั้นไม่ได้การใช้ การใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปหนึ่งปกรณ์
เสริมอื่นๆ
2 แบ่งตามชนิตของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้Stress incontinenceการฝึกขมิบกล้ามเนื้อฐานกระตกเชิงกราน (pelvic floor exercise หรือ kegel exerise) เปินการเพิ่มความแข็งแรง ของกล้มเนื้อยังเชิงกราน ป่วยลดภาวะ stess incontinence อย่างไต้ผลเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย พยาบาล วิชาชีพทั่วไปก็สมารถฝึกสอน ผู้ป่วยได้ การรักษาด้วย การผ่ตัต การรักษาที่หายได้ Urge incontinenceการฝึกกระเพาะปัสสาวะ (bladder traning) คือ การเพิ่มระยะเวลาระหว่าการปัสสาวะใแต่ละครั้งทีละน้อย โดย เริ่มจาก 1 ชั่โม และค่อยๆ เพิ่มครั้งละ 15- 30นาทีต่อสัปตาห์ จนได้ระบะเวลาระหว่างการปัสสาวะ 2-3 ชั่วโมงการรักษาด้วยยได้แก่ยากลุ่มanticholnegc ซึ่งมีฤทธิ์สการบีบตัวของ กระเพาะปัสสาวะมีประโยชน์ในผู้ป่วย uge incontinence แต่อาจมีผช้างเตียง เช่น ปากแห้ง ห้อง ผูก คลืนใ ใจสัน และอาจมีผลต่อสติปัญญา(cognton) โดย เฉพาะอย่างยิ่งถ้ไช้ในผู้สูงอายุk Overfiow incontinence Double voiding technique พยายามถ่ายปัสสาวะ 2 ครั้งเมื่อเข้ห้องน้ำครั้งหนีง โดยหลังถ่ยปัสสาวะครั้งแรก ให้ นั่งพักประมาณ 2- 10 นที่หรือยืนขึ้น แล้วใช้มือตันท้องตนเองขึ้น มาหาคางก่อนจะนั่งสงพยายามถ่ายปัสสาวะอีกครั้งCrede maneuer ใช้มืกดหน้ท้องตรตาแหน่ง ยอดกระเพาะปัสสาวะ เพื่อช่วยให้ปัสสาวะออกมาได้มากที่สุดการรักษาต้วยยา ยาในกลุ่ม cholinergic agent เช่น Bethanecho มีประโขชนีในกลุ่มทีสเหตุมาจากการที่กล้ามเนื้อ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไม่ดีการผ่าตัตFunctional Incontinenceในผู้วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับสติปัญญ (cogton ผู้ดูแลจะต้องคอยเตือนให้ผู้ป่วยไปเข้าห้องน้ำทุก 2 ชั่วโมงควรจัตสิ่งแวตล้อมให้ผู้ป่วยสมารถไปเข้ห้องน้ำได้โดยง่าย