Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis - Coggle Diagram
โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis
อากาาร
มีอาการกดเจ็บหรือปวดเกร็งที่ท้องส่วนล่างบริเวณด้านซ้ายหรือด้านขวา
โดยอาจปวดเรื้อรังและรุนแรง
มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
หนาวสั่น
ท้องอืด
เบื่ออาหาร
ท้องผูกหรือท้องเสีย
รู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียน
เหนื่อย อ่อนเพลีย
อุจจาระปนเลือดหรือมีเลือดออกทางทวารหนัก
กรณีศึกษา มีอาการปวดทั่วท้องและไม่ถ่ายอุจจาระ
สาเหตุ
อายุและเพศ ยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค Diverticulitis สูงขึ้น
พันธุกรรม มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติหรือเป็นแฝดกับผู้ป่วยภาวะ
Diverticulitis มีโอกาสเกิดโรคนี้มากกว่าปกติ
โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปจนเกิดเป็นโรคอ้วนอาจเสี่ยงเกิดภาวะ Diverticulitis
และมีเลือดออกในระบบย่อยอาหาร แต่ยังไม่อาจหาข้อสรุปหรืออธิบายได้ว่าโรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคนี้อย่างไร
การรับประทานเส้นใยอาหารไม่เพียงพอ เส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์ที่พบมากในผักผลไม้
และธัญพืชไม่ขัดสีนั้นมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย การรับประทานอาหารประเภทนี้น้อยอาจทำให้เสี่ยงเกิด Diverticulitis ได้
ออกกำลังกายน้อย มีข้อสันนิษฐานว่าการเคลื่อนไหวร่างกายไม่มากพอหรือออกกำลังกายน้อยกว่า
30 นาทีต่อวัน อาจทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับถุงผนังลำไส้สูงขึ้น
การสูบบุหรี่ นอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายแล้วยังเพิ่มความเสี่ยง
ในการเกิดภาวะอักเสบและโรคเกี่ยวกับถุงผนังลำไส้ได้
การใช้ยาบางชนิด การใช้ยาแอสไพรินหรือยาแก้อักเสบในกลุ่มเอ็นเสดติดต่อกันเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรค Diverticulitis
นอกจากนี้ การใช้ยาสเตียรอยด์และยาระงับปวดชนิดเสพติดบางตัวอาจเสี่ยงก่อให้เกิดลำไส้ทะลุซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงของ Diverticulitis ได้ด้วย
การขาดวิตามินดี มีการศึกษาพบว่าผู้ป่วยภาวะ Diverticulitis มีระดับวิตามินดีต่ำกว่าปกติ
แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าการขาดวิตามินดีเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคนี้อย่างไร
กรณีศึกษา ผู้ป่วยมีอายุ 70 ปี ดื่มสุราเป็นประจำ กินยาต้มสมุนไพรเป็นประจำ และซื้อยาชุดกินเป็นประจำ
การวินิจฉัย
การตรวจเลือด เพื่อหาร่องรอยของการอักเสบ ภาวะโลหิตจาง
จากการมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร และปัญหาที่เกี่ยวกับตับหรือไต
การตรวจปัสสาวะ เป็นการนำตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจหาการติดเชื้อ
การตรวจอุจจาระ เป็นการตรวจหาการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เช่น การติดเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium Difficile) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย และใช้ตรวจหาเลือดที่ปนในอุจจาระ กรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ แพทย์จะสอดท่อขนาดเล็กซึ่งมีกล้องติดอยู่ที่ปลายท่อเข้าไปทางทวารหนักเพื่อตรวจดูความผิดปกติของลำไส้ โดยก่อนตรวจจะให้ผู้ป่วยรับประทานยาระบายเพื่อกำจัดของเสียออกก่อน การตรวจด้วยวิธีนี้อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่ค่อยสบาย และอาจต้องใช้ยาแก้ปวดหรือยากล่อมประสาทเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น
การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) วิธีนี้ช่วยให้แพทย์เห็นภาพของระบบทางเดินอาหารทั้งหมด
ในบางกรณีอาจทำร่วมกับการส่องกล้อง
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะ
ผ่าตัด
กรณีศึกษา ผู้ป่วยทำการผ่าตัด Exploratory Laparotomy with Abdominal toilet with Appendectomy with Retention suture with End Distal Trasvers colostomy
และได้รับยา Moropenem