มงคลสูตรคำฉันท์

ลักษณะคำประพันธ์

ความเป็นมา

มงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดีคำสอนผลงานพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงนำหลักธรรมที่เป็นพระคาถาบาลีจากพระไตรปิฏกมาแปลและเรียบเรียงแต่งเป็นคำประพันธ์ที่ไพเราะ มีความงดงามทั้งด้านเสียงและความหมาย สามารถจดจำได้ง่าย

ผู้แต่งประวัติผู้แต่ง

พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงได้รับสมัญญาภิไธยว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” หรือกษัตริย์นักปราชญ์ เพราะทรงรอบรู้หลายด้าน ๖

กาพย์ฉบัง ๑๖ และอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ แทรกคาถาบาลี

จุดมุ่งหมายในการแต่ง

เพื่อให้ตระหนักว่าสิริมงคลจะเกิดแก่ผู้ใดก็เพียงผลมาจากการปฏิบัติของตนทั้งสิ้นไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดจะทำให้เกิดสิริมงคลแก่เราได้ นอกจากตัวเราเอง

เรื่องย่อ

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงมงคลอันสูงสุด ๓๘ ประการ ไว้ในมงคลสูตร ซึ่งเป็นพระสุตรสำคัญบทหนึ่งในพระพุทธศาสนา มงคลสูตรปรากฏในพระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย หมวดขุททกปาฐะ พระอานนทเถระได้กล่าวถึงที่มาของมงคลสูตรว่า ท่านได้ฟังมาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า ณ เชตวันวิหาร กรุงสาวัตถี มงคลสูตรนี้เกิดขึ้นด้วยอำนาจคำถาม คือ พระพุทธเจ้าทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังว่า มีเทวดาเข้ามาทูลถามพระองค์เรื่องมงคล เพราะเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นทั้งในหมู่เทวดาและมนุษย์ ที่มีลัทธิเรื่องมงคลแตกต่างกันเป็นเวลานานถึง ๑๒ ปี ท้าวสักกเทวราชจึงทรงมอบหมายให้ตนมาทูลถาม พระพุทธองค์จึงตรัสตอบเรื่องมงคล ๓๘ ประการ ต่อจากราตรีนั้นพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงเรื่องมงคลนี้แก่พระอานนท์อีกครั้ง หนึ่ง

ใจความสำคัญของมงคลสูตรคำฉันท์

เหตุแห่งความเจริญก้าวหน้าอยู่ที่ความประพฤติของตนและการฝึกอบรมจิตใจตนให้ถูกต้องตามหลักพุทธธรรม มิใช่อยู่ที่ผู้อื่น สิ่งอื่น หรือวัตถุโชคลางใดๆที่มาจากภายนอก

คุณค่าที่ได้รับดัานสังคม และด้านวรรณศิลป์

ด้านวรรณศิลป์

ด้านสังคม

เป็นคำสอนในทางพระพุทธศาสนาที่ทุกคนโดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน มงคลสูตร ๓๘ ประการทุกคนได้ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม ย่อมส่งผลให้สังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย

มีที่มาจากคาถาภาษาบาลีและคำศัพท์ในทางพระพุทธศาสนาอยู่เป็นอันมาก แต่ก็เป็นคำที่เข้าใจความหมายได้ไม่ยากเช่น โสตถิ ภควันต์ อภิบูชนีย์ชนนอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเจ้าอยู่หัวยังทรงสามารถถ่ายทอดและเรียบเรียงเนื้อความเป็นภาษาไทยได้อย่างเรียบง่ายและทรงเลือกสรรถ้อยคำได้สอดคล้องกับลีลาจังหวะของบทประพันธ์

บทอาขยาน

หนึ่งคือบ่คบพาล เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต เพราะจะพาประสพผล
หนึ่งกราบและบูชา อภิบูชะนีย์ชน
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

แปลบทมงคลสูตรคำฉันท์

อะเสวะนา จะ พาลานัง การไม่คบคนพาล ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา การคบบัณฑิต ปูชา จะ ปูชะนียานัง การบูชาต่อบุคคลควรบูชา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ กิจสามอย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด