Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
The Changing Landscape of the Past: New Histories inThailand Since 1973 -…
The Changing Landscape of the Past: New Histories inThailand Since 1973
บทนำ
การศึกษาประวัติศาสตร์ในประเทศไทยมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการก่อตัวของ “ชาติ”
ชนชั้นสูงในไทย
นำเสนอพระราชพงศาวดาร / ชาติประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์
เป็นชุดของเรื่องราวที่เสริมสร้างความ “นิยม”ให้ตัวพวกเขา
ถูกสั่นคลอนจากขบวนการนักศึกษาในปี 1973
สั่นคลอนกระบวนทัศน์
บทความนี้จะกล่าวถึงกระแสหลักสี่ประการ: ปฏิกิริยาที่สำคัญต่อประวัติศาสตร์แบบเดิม
Thai History and 1973
การปฏิวัติในปี 2516 ได้สร้างผลกระทบไปทั่วชุมชนปัญญาชนไทย
โดยเฉพาะในหมู่นักประวัติศาสตร์
หลังจากปี 1973-1980
เกิดการท้าทาย ประวัติศาสตร์ชาติราชวงศ์ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ชาตินิยม
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
ปรับเปลี่ยนนิยามคำว่าประวัตติศาสตร์ของเขา
เพิ่มรูปแบบประวัติศาสตร์เป็น 6 แบบ
เดิมมีแค่หลวงวิจิตรและจิตต์ภูมีศักดิ์
Altering the Pre-historical Landscape
เริ่มมีการวิพากษ์ประวัติศาสตร์กระแสหลัก
โจมตีหลวงวิจิตรวาทการและประวัติศาสตร์ชาตินิยมของเขา
โปรฟาสซิสต์ป.พิบูล
วิจารณ์พระยาดำรงราชานุภาพ
การวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดคือปาฐกถาพิเศษโดยนิธิ เอียวศรีวงศ์
"centrist" ปวส.ไทย
ไม่มีประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
ละเลยความจริงที่ว่าปวส.ไม่ใช่แค่เรื่องของroyal/national
วิพากษ์ประวัติศาสตร์อีกหลายครั้ง
ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อปวส.แบบroyal/national
ใช้แนวคิดมาเคียเวลเลียน
การเมืองของการผลิตประวัติศาสตร์ใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับราชวงศ์ใหม่
แรงบันดาลใจให้นักวิชาการกลุ่มหนึ่งทำงานเขียนฝ่ายซ้ายต่อไป
มองว่าเป็นเครื่องมือที่ชนชั้นสูงที่ใช้ในการสร้างรัฐไทยสมัยใหม่
ใช้พระราชพงศาวดารเข้ากับการเขียนประวัติศาสตร์แบบตะวันตก
เพื่อรับใช้รัฐไทยสมัยใหม่ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
การปฏิวัติในปี 1973
สั่นคลอนโครงสร้างความสัมพันธ์ของอำนาจในสังคมไทย
พลังของ"มวลชน"
ทหารอ่อนแอลงและสถาบันกษัตริย์ก็เข้มแข็งขึ้น
ผลมากจากผลมาจากเศรษฐกิจและสังคมที่เริ่มเปลี่ยนในปลาย 1950
การกลับมากของงานเขียนมาร์กซิสต์
ex.Jit Phoumisak's Chomna sakdina thai
นำเสนอมุมมองอดีตที่กดขี่และแสวงหาประโยชน์ซึ่งตรงข้ามกับประวัติศาสตร์ราชวงศ์ / ชาติ
The Past According to the Academic Left
กลุ่มแนวคิด "เศรษฐศาสตร์การเมือง"
สนใจว่าเหตุใดประเทศไทยจึงยังด้อยพัฒนา
ศึกษาว่าทำไมสังคมดั้งเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งศักดินาหรือระบบศักดินาของไทยขัดขวางการพัฒนา
พยายามวิเคราะห์รูปแบบสังคมไทย
ฉัตรทิพย์ นาถสุภา
การก่อตัวทางสังคมของศักดินา
เปลี่ยนไปเล็กน้อยแม้กระทั่งหลังปี พ.ศ. 2398 เมื่อสยามตกลงเปิดตลาดการค้า
มีการผูกขาดโดยรัฐ
ขัดขวางความเป็นไปได้ของชนชั้นกลาง
ชาวจีนกลายเป็นชนชั้นกระฎุมพี
ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานของรัฐหรือเป็นส่วนหนึ่งของทุนนิยมตะวันตก
มุมมองของสำนักฉัตรทิพย์
ความสัมพันธ์ทางชนชั้นเป็นกุญแจสำคัญในการด้อยพัฒนาของทุนนิยมไทย
ธงชัยมองว่าmuch too heavily on Marxist schemes
อาจเป็นจุดแข็งไม่ใช่จุดอ่อน
วัฒนธรรมกระฎุมพี”
นิธิยังมีประเด็นถกเถียงกับฉัตรทิพย์
กรุงเทพมหานครและที่ราบตอนกลางมีพลวัตสูงก่อนปี พ.ศ. 2398
ชนชั้นกลางก่อนทุนนิยมได้ถูกพัฒนาและพัฒนาขึ้นแล้วและมีการเปลี่ยนแปลงเพียงปี 1855
ฉัตรทิพย์เกิดข้อสงสัย
ตรงข้ามกับกระแสหลัก
ธรรมชาติของรัฐไทย
conventional history ไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงของรัฐจนถึงปลายศตวรรษที่สิบเก้า
วาทกรรมมาร์กซิสต์มองว่ารัฐไทยได้ผ่านหลายขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลง ตามเปลี่ยนรูปแบบการผลิตที่เปลี่ยนไป
Altering the Pre-historical Landscape
ภูมิทัศน์ในอดีตของไทยได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการศึกษาของ ศรีศักร วัลลิโภดม
มีส่วนร่วมในการเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ดั้งเดิม
ตั้งแต่ปีพ. ศ. 2509 ศรีศักดิ์ได้โต้เถียงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สุโขทัยยุคก่อนค. ศ
ปวส.ดั้งเดิมเน้นที่เชื้อชาติ "ไท"
ละเลยชาติพันธุ์ท้องถิ่นอย่างน้อง36เชื้อชาติ
สุโขทัยไม่ใช่เมืองหลวงแรกของไทย , และเรื่องราวของกรุงศรีอยุธยาก่อนที่จะเป็นราชธานี.
โต้เถียงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สุโขทัยยุคก่อนค. ศ
ปะทะกับวาทกรรมของราชวงศ์ในการนิยามอดีตของ"ไทย"
ex.ไทยอพยพจากตอนใต้ของจีน บลาๆ
ไทยในอดีตเป็นพหุนิยมและหลากหลายตั้งแต่จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์
วิเคราะห์geo-bodyของประเทศไทยก่อนที่จะกลายเป็นปวส.ไทย
geo-body=ความเป็น ‘ดินแดน’ ในเชิงของภูมิศาสตร์ ผนวกเข้ากับ ‘กายา’ อันหมายถึงเรือนร่าง หรือสื่อความหมายไปถึงว่า “สิ่งที่ศึกษามิใช่เป็นเพียงแต่เรื่องของพื้นที่หรือดินแดน แต่เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของชีวิตของชาติ เป็นที่มาของความภาคภูมิใจ ความจงรักภักดี ความรัก พลังดลใจ อคติ ความเกลียด เหตุผล ความไร้เหตุผล
ใช้วิธีdown to earthในการวิเคราะห์การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
การศึกษาภูมิศาสตร์สภาพแวดล้อมทางกายภาพและเงื่อนไขสำหรับการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
ความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นผลพวงจากทัศนะของศรีศักดิ์
สุจิตต์ วงษ์เทศ
ทำงานใกล้ชิดกับศรีศักดิ์
The Contested Domain of Local History
ศรีศักดิ์ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของการสนใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
การเพิ่มขึ้นของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นจุดรวมของปัจจัยหลายประการ
ลำดับวงศ์ตระกูลของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในประเทศไทยมีความซับซ้อน
เหตุการณ์ในปี 1973 ได้สร้างผลกระทบที่นำไปสู่การเพิ่มความสนใจในปวส.ท้องถิ่น
ส่งผลให้เกิดการเพิ่มจิตสำนึกของอัตลักษณ์ท้องถิ่น
แรงบันดาลใจจากจิตร ภูมิศักดิ์
เกิดแรงกดดันกระทรวงศึกษาธิการการให้ปฏิรูปการศึกษา
การกระจายอำนาจของหลักสูตรและส่งเสริมกล่าวถึงแนวคิดที่ว่าคนในท้องถิ่นควรรู้จักตนเอง
การสังหารหมู่ในปี 2519 และระบอบฝ่ายขวาจะขัดขวางการปฏิรูปและแนวคิดนี้ไม่เคยมีผลบังคับใช้จริง
แต่การศึกษาในท้องถิ่นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2521
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นทั้งความคิดริเริ่มจากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่างทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ธิดา สาระยา
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นท้าทายประวัติศาสตร์กระแสหลัก หรือ"ประวัติศาสตร์แบบรวมศูนย์อุดมการณ์ "
ยกตัวอย่างปัญหาของการศึกษาประวัติศาสตร์
เน้นประวัติศาสตร์ทางการเมืองมากเกินไป,เน้นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่อดีต,ไม่มีการพลวัตประวัติศาสตร์,ไม่มีบริบทหรือมุมมองหรือกระบวนการที่แคบในวิธีการและการเลือกหลักฐาน,การกำหนดระยะเวลาผิดพลาดตามเมืองหลวงหรือปีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ,สนใจประวัติศาสตร์ของกษัตริย์และรัฐมากไป
มีแนวคิดเกี่ยวกับปวส.ท้องถิ่นว่า
ควรเป็นประวัติศาสตร์จากด้านล่างขึ้นบนโดยใช้องค์ความรู้พื้นบ้านและเน้นที่มวลชนพื้นถิ่น
ประกอบรวมกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หรือเชิงพื้นที่ กับสังคมหรือลำดับชั้น
ทำให้"local"มีความหมายกว้างไป
งานเขียนบางงานไม่ค่อย "ท้องถิ่น"จริงๆ
หน่วยงานรัฐ
เริ่มต้นด้วยภูมิศาสตร์สภาพแวดล้อมโดยรอบและการตั้งถิ่นฐานในสมัยโบราณหรือเมืองต่างๆในพื้นที่การประชุมจึงมองไปที่จังหวัดในช่วงก่อนประวัติศาสตร์
และช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ตามที่ระบุไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติ(กระแสหลัก)
ช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นหากจังหวัดมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติในยุคนั้น
ใช้ท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนปวส.กระแสหลัก แสดงความ
“ความจงรักภักดี”
"สถานที่สำคัญ" ยอดนิยมของจังหวัดเพื่อเชิดชูอัตลักษณ์
Nostalgic Thailand: Anarchistic Village and Commodified Past
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นถูกวางตัวเองอยู่ในกรอบของชาติไทย
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอาจถูกมองว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติและความสมบูรณ์ของรัฐและความนิยมและการยอมรับและการส่งเสริมโดยทางการไทย
กระบวนการของรัฐอนุญาตให้มีพหุนิยมมากขึ้น
รัฐสร้างความผูกพันระหว่างอัตลักษณ์ของชาติและท้องถิ่น
กำหนดลำดับชั้นหรือความสัมพันธ์บางส่วน / ทั้งหมด
ให้[วัฒนธรรมย่อย] ซึ่งเป็นอัตลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไปโดยไม่เป็นอันตรายต่อความปรองดองของชาติ
รัฐอาจตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาคประชาสังคมใหม่ที่เกิดขึ้น
การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วทำให้เกิดหลายอย่างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
กระฎุมพีไทยเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ
กำลังซื้อมหาศาล
แสวงหาวัฒนธรรมทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง
ศึกษาสนใจปวส. วัตถุโบราณเพื่อความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณ?
เนื่องจากไม่มีรากเหง้าวัฒนธรรมที่ชัดเจน
แนวคิดบริโภคนิยม
สำหรับพวกเขาการศึกษาในท้องถิ่นไม่ใช่เรื่องของการแยกปวสส.ออกจากศูนย์กลาง การฟื้นฟูอัตลักษณ์ท้องถิ่นอาจมีความสำคัญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ของชุมชนแทนที่จะเป็นการยืนยันตัวตนที่แยกจากกันกับแนวคิดกระแสหลัก
สามารถมองอีกมุมได้ว่านิตยสารและสินค้ามีส่วนทำให้นิธิศรีศักดิ์ ธิดา ฉัตรทิพย์และอื่น ๆ อีกมากมายประสบความสำเร็จท้าทายประวัติศาสตร์แบบเดิม ๆ