Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เทคโนโลยีไร้สายยุค1Gถึง5G - Coggle Diagram
เทคโนโลยีไร้สายยุค1Gถึง5G
5G
ยุค 5G (Generation 5) เรียกได้ว่าเป็น รุ่นที่ 5 ของการสื่อสารที่อนาคตจะไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือแล้ว แต่จะรวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT) ซึ่งหากเราเข้าสู่ยุค 5G เราจะดาวน์โหลดวีดีโอ หนัง หรือแอปฯ ได้เร็วถึง 10,000 Mbps ถ้าใช้ 4G ดูวิดีโอออนไลน์ (ขนาด 8K) หรือดาวน์โหลดหนังต้องรอ 6 นาที แต่ถ้ามี 5G ใช้เวลาแค่ 6 วินาที
ข้อดี
1ความละเอียดสูงและการสร้างแบนด์วิดธ์ขนาดใหญ่
2เทคโนโลยีที่จะรวบรวมทุกเครือข่ายบนแพลตฟอร์ม
3มีประสิทธิภาพมากขึ้นและความเร็วเพิ่มขึ้น
4สามารถเผยแพร่ข้อมูลขนาดใหญ่ ได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย
ปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของยังไม่ได้รับการแก้ไข
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีค่าใช้จ่ายสูง
อุปกรณ์เก่าจะไม่สามารถใช้งาน 5G ได้
เทคโนโลยียังอยู่ภายใต้กระบวนการผลิตและพัฒนา
4G
4G คือ คำย่อของระบบการสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 4 (Fourth-Generation Wireless) เป็นอีกขั้นของการสื่อสารเคลื่อนที่แบบ Broadband ที่จะออกตามหลังระบบ 3G สิ่งที่น่าสนใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยี 4G ก็เป็นผลมาจากจุดอ่อนของระบบ 3G นั่นเอง โดยที่ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมทั่วโลกได้ลงทุนเป็นจำนวนเงินสูงถึงหนึ่งแสนล้านดอลล่าร์ เพื่อซื้อใบอนุญาตใช้สิทธิในการประกอบการโทรคมนาคมเครือข่าย 3G เพียงเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่สามารถสื่อสารแบบมัลติมีเดียแบบเคลื่อนที่ได้ แต่ึการนำมาใช้จริงกลับกลายเป็นทำได้ยากกว่าที่คาดไว้ และยังมีการลงทุนทางด้านเครือข่ายและการบำรุงรักษาเครือข่ายที่สูง จึงสร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ประกอบกิจการที่กำลังจะพัฒนาระบบจาก 2.5G สู่ 3G
ข้อเสีย
ข้อดี
มีความเร็วที่สูงขึ้น
สามารถใช้งานแบบไร้สายได้
มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงมาก
3G
3G ย่อมาจากคำว่า Third Generation เป็นชื่อเรียกยุคที่ 3 ของโทรศัพท์แบบเซลลูล่าหรือระบบโทรศัพท์ไร้สายรุ่นล่าสุดที่ทำงานบนระบบพื้นฐาน IP ผ่านอุปกรณ์พกพาสามารถรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงเป็นเทคโนโลยีแบบมัลติมีเดียที่มีการผสมผสานทั้งโทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลง กล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอ และระบบอินเทอร์เน็ต
ข้อดี
มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับเครือข่าย 3G ตลอดเวลาที่เปิดเครื่องโทรศัพท์ (Always On)
การคิดค่าบริการจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น แตกต่างกับระบบทั่วไปที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่ Login เข้าในระบบเครือข่าย
อุปกรณ์สื่อสารไร้สายมีรูปแบบอื่นๆ Plamtop, PDA, Laptop และ PC
รับส่งข้อมูลในความเร็วสูงรวดเร็ว ทำให้สามารถแสดงภาพกราฟฟิก แสดงแผนที่ตั้งเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
ข้อเสีย
เป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก มีบุคคลทุกเพศทุกวัย แทบทุกอาชีพที่ใช้งาน ข้อมูลที่สามารถใช้ได้ กับบุคคลวัยหนึ่ง อาจไม่เหมาะสมกับบุคคลอีกวัยหนึ่ง โดยเฉพาะเด็กภัยที่เกิดจากการติดต่อกับคนแปลกหน้า ซึ่งมีเจตนาที่จะหลอกลวงหรือต้องการข้อมูลส่วนตัวของเราสื่อลามกอนาจาร การพนันเข้าถึงผู้ใช้ได้ง่ายเป็นช่องทางของมิจฉาชีพ ล่อลวง ลักพาตัวจากการ chat ทำให้เกิดการใช้ภาษาผิดๆได้จากการเล่นพูดคุย สื่อสารผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์
2G
2 จี (อังกฤษ: 2G) เป็นชื่อย่อของ มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 2 โดยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานบนจีเอสเอ็ม ซึ่งถูกใช้งานโดย เรดิโอลินจา ของประเทศฟินแลนด์ (ปัจจุบันคือ อีลีซา) ในปี พ.ศ. 2534[1] โดยสามารถสื่อสารด้วยระบบดิจิตอลในยุคใหม่ได้ ซึ่ง 2 จีเป็นกลไลสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมในยุคใหม่ โดยสามารถส่งบริการข้อความสั้น และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยจีพีอาร์เอส ได้
ข้อดี
สามารถเข้าไปเล่นอินเทอร์เน็ทได้
ข้อเสีย
ความเร็วมีจำกัด
ไม่รอบรับไฟล์ขนาดใหญ่
1G
ยุค 1G (1st Generation)
เป็นยุคที่ใช้ระบบอนาล็อก (Analog) คือใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง (Voice) โดยสามารถโทรออก-รับสายได้อย่างเดียว ไม่สามารถส่งผ่านข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่การรับ-ส่ง SMS โดยในยุคนั้นผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่มักเป็นบุคคลที่มีรายได้สูง
ข้อดี
สามารถโทรออกหรือรับสายได้
ข้อเสีย
ไม่สามารถส่งผ่านข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่การรับ-ส่ง SMS