Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ทฤษฎีการถดถอย Disengament theory, สมาชิก, นางสาวนภัสวรรณ นุ่มกัน เลขที่…

- - - - สาเหตุ
        
        1.ความผิดปกติของหัวใจ โรคของลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว โรคของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด/ตาย การเต้นของหัวใจผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจพิการ เป็นต้น
        
        จากโรคอื่น เช่น เป็นโรคโลหิตจางมาก่อน โรคต่อมไธรอยด์ทำงานมากเกินไป โรคความดันโลหิตสูง โรคไตวาย เป็นต้น
      - อาการแสดง
        
        1) หายใจหอบเหนื่อย 2) นอนราบไม่ได้ (Orthopnea) และนอนหลับไปแล้วหลายชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมานั่งหอบ เราเรียกอาการนี้ว่า (Paroxysmal nocturnal dyspnea : PND 3) การไอ เป็นอาการเด่นชัดที่พบบ่อย เกิดจากการมีเลือดและน้ำคั่งในปอด ฟังเสียงปอดจะมีเสียง Crepitation 4) อ่อนเพลีย (Fatigue) จากการที่เซลล์ของร่างกายได้รับเลือดและออกซิเจนลดลง 5) ความดันโลหิตลดลง จากการที่หัวใจบีบตัวไม่มีประสิทธิภาพ 6) สมองขาดออกซิเจน มีอาการกระสับกระส่าย ความจำเสื่อม เป็นลม 7) อาการเจ็บหน้าอก พบได้ในกรณีที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ 8) อาการทางระบบไต ปัสสาวะลดลงเวลากลางวัน เนื่องจากผู้ป่วยจะอยู่ในท่านั่งหรือยืน ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อย และมีปัสสาวะออกมากเวลากลางคืน เนื่องจากท่านอนเป็นท่าที่เลือดไหลกลับสู่หัวใจ 9) ผอมและขาดสารอาหาร (Cachexia and malnutrition) จากการที่เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ 10) ผิวซีด/ เขียว จากการขาดเลือดไปเลี้ยง
      - การพยาบาล
        
        ลดความต้องการใช้ออกซิเจนของร่างกายให้หัวใจทำงานลดลง โดยให้นอนพักบนเตียง
        
        ออกซิเจน
        
        ให้นั่งหรือนอนศีรษะสูง
        
        เพิ่มประสิทธิภาพในการบีบตัวของหัวใจ โดยดูแลผู้ป่วยให้รับยากลุ่มไดจิตอลลิจตามแผนการรักษา และระวังพิษของยา
        
        ดูแลให้ไดรับยาเพิ่มความดันโลหิต ยาขยายหลอดเลือด ตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        เฝ้าระวังอาการที่ผิดปกติ โดยวัดสัญญาณชีพ การสังเกตอาการหอบเหนื่อย บวมตามร่างกายว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง ไม่ควรลดบวมด้วยการยกขาสูง การชั่งน้ำหนักทุกวัน
        
        ลดการคั่งของน้ำในร่างกาย
        7.1 จำกัดน้ำดื่ม บันทึกปริมาณน้ำดื่มและปัสสาะ น้ำ
        7.2 จำกัดอาหารรสเค็ม
        7.3 ดูแลให้ได้รับยาขับปัสสาวะ ให้แนะนำผู้ป่วยรับประทานผลไม้เพิ่ม เพื่อป้องกันโปตัวเสซียมในเลือดต่ำจากการขับปัสสาวะบ่อย
        
        ประคับประคองทางด้านจิตใจ ให้กำลังใจ ให้ความมั่นใจ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค การรักษาพยาบาล
        
        ให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเกิดอาการซ้ำ ๆ และต้องมาโรงพยาบาลบ่อยขึ้น
  - - - สาเหตุ
        
        โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่มีสาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ
      - อาการแสดง
        
        ผู้ป่วยจะมีอาการหนังตาตก ยิ้มได้น้อยลง หายใจลำบาก มีปัญหาการพูด การเคี้ยว การกลืน รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของร่างกาย
      - การพยาบาล
        
        1.การพยาบาลในระยะเฉียบพลัน โดยประเมินระดับความรุนแรง ของความผิดปกติของการกลืน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่คอและคุณภาพของการออกเสียง
        2.การพยาบาลในระยะเรื้อรัง พยายามเน้นการให้ความรู้แก่ผู้ป่วย
        และญาติ
  - - - สาเหตุ
        
        เกิดจากการฝ่อตัวของสมองซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและการทำงานของสมองบริเวณนั้น ๆ ส่วนสาเหตุที่สมองฝ่อตัวลงนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
      - อาการแสดง
        
        ระยะแรกของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ เริ่มจากขี้หลงขี้ลืม ลืมเรื่องที่เพิ่งพูดไปหรือลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น มีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ ชอบถามคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ มีความลังเล ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ได้ ชอบถามคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ มีความลังเล ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ได้
      - การพยาบาล
        
        การดูแลช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน
        
        การจัดการกับพฤติกรรม อารมณ์ท่ีเปล่ียนแปลง
        
        การดำรงไว้ซึ่งชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดี
        
        การจัดการกับโรคร่วมของผู้ป่วย (Dementia care with co-morbidities)
        
        ประเมินความรู้สึกเป็นภาระ (Caregiver burden) ความรู้สึกเป็นตราบาป (Stigma)
        และความเครียด ของผู้ดูแล ตลอดจนภาวะสุขภาพกายของผู้ดูแล
    - - สาเหตุ
        
        เกิดจากได้จากลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่นไหลไปตามกระแสเลือดจนไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง หรืออาจเกิดจากมีลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดสมอง และขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนอุดตันหลอดเลือดสมอง
      - อาการแสดง
        
        ปวดเมื่อยบ่อย ๆ รู้สึกหนักขา เป็นตะคริว คัน ขาบวมเส้นเลือดขอดคลำเป็นลำแข็ง ๆ เจ็บขาบวมข้างเดียวโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากนั่งเครื่องบิน หรือนั่งรถยนต์เป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีปัจจัยโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดร่วมด้วย
      - การพยาบาล
        
        ให้จากัดกิจกรรม Bed rest
        
        ยกขาทั้งสองข้าง ทุก 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้สะดวกขึ้น
        
        สวมถุงน่องผ้ายืด ตอนกลางวันทุกวัน
        
        ออกกาลังกายขาทั้งสองข้างเป็นประจา เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนที่ดีและช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
        
        รับประทานอาหารแต่พออิ่ม ไม่มากเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมากเพื่อควบคุมน้าหนัก
        
        ประเมินอาการปวด บวม ลักษณะผิวหนังที่เปลี่ยนแปลง
  - - - ระดับเอสโตรเจนในกระแสเลือดลดลงอย่างมาก เมื่อไม่มีการตกไข่ก็ไม่มีคอร์ปัสลูเตียม จึงไม่มีการสร้างโปรเจสโตโรนในที่สุดก็เกิดการขาดระดู
    - - โดยในชายอายุตั้งแต่50ปีขึ้นไประดับฮอร์โมนtestosteroneในกระแสไหลเวียนโล หิตจะลดลงประมาณร้อยละ 1 ต่อปี
        จะมีอาการดังนี้
        
        1.การตอบสนองทางเพศ(sexualfunction)ได้แก่ความต้องการและสนใจทางเพศน้อยลง(lossof sexual desire) และอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction)
        2.องค์ประกอบของร่างกาย(bodycomposition)ได้แก่การเพิ่มขึ้นของไขมันในช่องท้อง(visceral fat) การลดลงของมวลกล้ามเนื้อและพละกำลัง(muscular mass and strength) และการลดลงของมวล ความหนาแน่นของกระดูก(bonemineraldensity)ทำให้กระดูกบางและพรุน(osteoporosis)เสี่ยงต่อการ หักของกระดูก
        3.อารมณ์และสติปัญญา(moodandcognition)ได้แก่อารมณ์หงดุหงิดง่าย(irritability)ซึมเศร้า(depression) สติปัญญาและความทรงจำถดถอย (intellectual and cognitive impairment)
        4.อาการอื่นๆได้แก่การลดลงของผมและขนตามผิวหนังวูบวามตามตัว(hotflushes)
  - - - ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายนอกของปอด ซึ่งมี ซี่โครงเป็นส่วนที่ห่อหุ้ม ปกป้องอวัยวะภายในช่องอก เช่น ปอด ในผู้สูงอายุกระดูกซี่โครง และกระดูกสันหลังจะมีแคลเซียมไปเกาะเป็นเหตุทําให้ซี่โครงแข็งขึ้น ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของ ซี่โครงลดลง ทําให้การยอมตามของผนังทรวงอกลดลงเมื่อผู้สูงอายุมีการหายใจเข้า- ออก นอกจากนี้ผู้สูงอายุที่มีหลังโก่งหรือหลังคดเกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง จะทําให้ทรวงอกสั้นลง กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ คือ กล้ามเนื้อกระบังลม (Diaphragm) กล้ามเนื้อระหว่างช่องซี่โครงชั้นนอก และชั้นในจะอ่อนแรงทําให้การหายใจเข้า- ออก ลดลงเนื่องจากแรงในการหดตัวของกล้ามเนื้อลดลง ประสิทธิภาพ การหายใจจึงลดลงเพราะว่าผนังทรวงอกแข็งขึ้นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วยหายใจลดลง ในกรณีที่ผู้ป่วยสูงอายุเกิดภาวะพร่องออกซิเจนในระบบหายใจที่เป็นระบบเกี่ยวข้องโดยตรง จะสังเกตเห็นอาการของผู้ป่วยสูงอายุมีการหายใจเร็ว หายใจลึกและหายใจลําบาก รวมทั้งมีการใช้กล้ามเนื้อ
        หน้าท้องช่วยในการหายใจ ผู้ป่วยสูงอายุจะบ่นเหนื่อยหรือหายใจไม่อิ่ม ซึ่งต้องดูแล
  - - - ผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ซึ่งการหมุนเวียนทดแทนเซลล์ผิวหนังเก่าจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
    - - ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าจะหลุดลอกและเปลี่ยนแปลงเซลล์ใหม่ในเวลา 4 สัปดาห์ แต่วงจรนี้จะเพิ่มเป็น 2 เท่าในผู้สูงอายุ ทำให้ผิวหนังแห้งเป็นขุย มีสะเก็ด เมื่อถึงวัยสูงอายุริ้วรอยจะเห็นชัดขึ้นผิวหนังหย่อนคล้อยมีร่องแก้ม ร่องใต้ตา ผิวแห้งเป็นขุยและคัน เพราะผิวเสื่อมสภาพ ไขมันใต้ผิวน้อยลง ส่งผลให้ความต้านทานของผิวต่อสภาพอากาศน้อยลง แพ้สิ่งต่างๆ ได้ง่าย
    - - คือหลีกเลี่ยงการอาบน้ำที่ร้อนเกินไป ผู้ที่ผิวแห้งมากอาจไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ ไม่ควรขัดผิว และอาจลดการอาบน้ำลงเหลือเพียงวันละ 1 ครั้ง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ถนอมผิว ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด รับประทานอาหารครบห้าหมู่
  - - - อาการ
        
        ไขมันในเลือดสูงเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการจากไขมันในเลือดสูงแต่อาจมีปัญหาระยะยาวจากการที่ไขมันในเลือดสูงติดต่อกันเป็นเวลานานแล้วทำให้หลอดเลือดแข็งตัว ตีบตัน ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆของร่างกายได้ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบ (โรคอัมพฤกษ์)
      - การพยาบาล
        
        ตรวจไขมันในเลือดทุกครั้งที่ตรวจสุขภาพประจำปี
        งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
        ลดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันสัตว์ ขนมหวาน อาหารที่ใช้กะทิอาหารเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง ไข่แดง สมองสัตว์ ชา-กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
    - - อาการ
        
        ผนังหบอดเลือดจะหนาขึ้นและมีความยืดหยุ่นลดลง เนื่องจากการจับตัวของแคลเซียมและไขมันตามผนังหลอดเลือดมากขึ้นทำให้หลอดเลือดแคบลงแข็งตัวมากขึ้น ส่งผลให้การซึมผ่านของออกซิเจน ไปสู่เนื้อเยื่อได้น้อยลงจึงเกิดหลอดเลือดอุดตันได้ง่ายเป็นเหตุให้ หัวใจต้องทำงานมากกว่าปกติในการเอาชนะความต้านทานของหลอดเลือดเพื่อส่งเลือดไปยังอวัยวะต่างๆได้อย่างเพียงพอจึงทำให้ผู้สูงอายุบางรายเกิดภาวะหลอดเลือดโป่งพองภาวะหัวใจโต โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และเมื่อเลือดไปเลี้ยงส่วนปลายไม่เพียงพอจึงอาจเกิดอาการชา เกิดการตาย และการเสื่อมของอวัยวะต่างๆได้รวมถึงการที่หลอดเลือดฝอยไม่สมบรูณ์เปราะทำให้
        เกิดรอยฟกชำได้ง่ายด้วย