Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

มภร. 10/2 เตียง B-5 UTI c R/O AKI :red_flag:, กิจกรรมการพยาบาล …

- - - - ทางกระแสเลือด ( hematogenous route)
        พบได้ไม่บ่อย โดยพบสัมพันธ์กับเชื่อ Mycobacterium tuber- culosis, Histoplasma, Staphylococcus aureus, Pseudomonas
        aeruginosa และ Candida เฉพาะ Samonella typhi มักเกิดร่วมกับการติดเชื้อ Schistosoma haematobium และในภาวะปกติ E.coli เกิดจากแพร่กระจายทางเลือดได้น้อย ยกเว้นปัจจัยเสี่ยง เช่น มีการอุดก้ันทางเดินปัสสาวะ
      - ทางน้ำเหลือง (lymphatic route )
        เมื่อความดันในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มสูงมีทำให้ นก้นเหลืองไหลย้อนกลับเข้าไต
      - แพร่กระจายขึ้นโดยตรง (ascending route)
        เป็นทางที่พบได้บ่อยท่ีสุด ถึงร้อยละ 95 โดยเร่ิมจาก มี colonization ของเชื้อต้นเหตุ เช่น enterobacteriaceae โดย เฉพาะ E.coli ที่บริเวณ urethra และ periurethra นอกจากน้ี การใส่สายสวนปัสสาวะจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโดย หากใส่คาไว้เกิน 72 ชั่วโมง จะมีโอกาสเกิดการติดเชื้อได้ร้อยละ 100 โดยแหล่งท่ีมาของเชื้อ E.coli จากอุจจาระของผู้ป่วย
    - - Lower UTI : ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย แสบขัด หรือมีปัสสาวะ เป็นเลือด อาการอาจคล้ายกับการติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธุ์เช่น vaginitis หรอื cervicitis ถ้ามีประวัติ cystitis ในอดีต จะช่วยสนับสนุนว่าผู้ป่วยน่าจะเป็น UTI มากกว่า และการติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธ์ุ มักจะมีอาการ ตกขาว คันช่องคลอด ร่วมด้วย
      - Upper UTI : มีอาการเจ็บชายโครง ร่วมกับมีไข้หรือไม่มีก็ได้ ในกลุ่มอาการรุนแรงอาจมีอาการ sepsis จนถึงช๊อคได้
        อาจพบเชื้อหลายชนิด ในผู้ป่วยที่มี ileal conduit , neurogenic bladder หรือ vesicocolic fistula , chronic renal abscess หรือใส่สายสวนปัสสาวะคานาน ๆ
- - - - = moderate: PMNs (Polymorphonuclear cells)
      - = moderate : gram positive cocci
      - = moderate : gram negative bacilli
- - - - 1.ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะค่า O2saturation พร้อมทั้งประเมินภาวะพร่องออกซิเจน ประเมินอัตราการหายใจ ชีพจร สีของเล็บ ปลายมือปลายเท้า capillary refill time นานกว่า 2 วินาที เยื่อบุผิวหนัง ลักษณะการซีด เขียว เพราะอาการดังกล่าวแสดงถึงวลภาวะพร่องออกซิเจน
        
        ดูแลให้พักผ่อนและดูแลช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันเท่าที่จำเป็น เช่น การรับประทานอาหาร การแปรงฟัน เป็นต้น เพื่อลดความต้องการใช้ออกซิเจนในร่างกาย
        
        ดูแลจัดท่านอนศีรษะสูง 30 องศา เพื่อให้กระบังลมหย่อน ปอดขยายตัวได้เต็มที่ส่งเสริมการระบายอากาศ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับเลือดตามแผนการรักษาของแพทย์คือ LPRC 1 unit IV drip in 4 hr
        
        ประเมินภาวะขาดออกซิเจนโดยสอบถามอาการอ่อนเพลีย หอบเหนื่อย พร้อมทั้งสังเกตอาการเขียวปลายมือปลายเท้าเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน
        
        ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบลดการรบกวนผู้ป่วยเพื่อส่งเสริมการพักผ่อน ลดการใช้ออกซิเจนในการทำกิจกรรม
        
        ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาบำรุงโลหิตตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ ยา Ferrous fumarate 200 mg.tab ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า-กลางวัน-เย็น , ยา folic acid 5 mg.tab ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร เช้า
        7.ติดตามผลHb,Hct,MCV
- - - - 1.Pre-renal cause —> เลือดมาเลี้ยงไตน้อยลง : สาเหตุจาก การขาดน้ำ (dehydratio) , ภาวะช็อค
      - Intrinsic renal cause—> ความผิดปกติภายในไตเอง ตามตำแหน่งพยาธิสภาพ
      - Pose-renal cause—> มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
  - - - ระยะเริ่มแรก (initial phase) หลั่งสารที่จะทำให้เลือดไปเลี้ยงไตลดลง
      - ระยะที่มีปัสสาวะออกน้อย (oliguric phase) เนื้อไตมีการอุดตันที่หลอดไตฝอยและมีเนื้อตายเกิดขึ้น -> ไตเสียหน้าที่ในการขับของเสียและรักษาความสมดุลของน้ำเกลือแร่และความเป็นกรดด่าง -> ตรวจพบค่า BUN Cr ในเลือดสูงกว่าปกติ
      - ระยะที่มีปัสสาวะออกมาก (diuretic phase) มากกว่า 400 มิลลิลิตรจนถึง 4-5 ลิตรต่อวัน
      - ระยะฟื้นตัว (recovery phase) เป็นระยะที่ไตเริ่มฟื้นตัวกลับมาทำหน้าที่ได้ตามปกติ
  - - - รักษาที่สาเหตุ ป้องกันแทรกซ้อน เช่น หยุดยาที่เป็นเหตุ แก้ไขภาวะช็อค ให้ยาขับปัสสาวะ การให้สารน้ำ ในรายที่มีภาวะขาดน้ำ
      - รักษาแบบประคับประคองได้แก่ ควบคุม intake-output เลี่ยงยาที่เป็นพิษต่อไต แก้ไขสมดุลกรดด่าง รักษาภาวะเกลือแร่ให้สมดุล
      - การให้สารอาหาร พลังงานปริมาณโปรตีนให้เหมาะสม
      - การบำบัดทดแทนไต (dialysis)