Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

เตียง 6 Dx. ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) - Coggle Diagram

- - - - ผลข้างเคียง : อาการท้องเสียและนอนไม่หลับ อาการปวดบริเวณช่องท้อง อุจจาระเป็นเลือด ไข้ขึ้นสูง มีอาการคันและบวมแดงบริเวณผิวหนัง อาการบวมหรือการฉีกขาดของกล้ามเนื้อได้
      - ข้อบ่งชี้ : ยาในกลุ่มยาปฏิชีวนะ มักใช้รักษาอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง ไซนัส ไต กระเพาะปัสสาวะ และรักษาอาการหลอดลมอักเสบ หรือปอดบวม
    - - ข้อบ่งชี้ : ยาปฏิชีวนะกลุ่มคาร์บาพีเนม มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเยื่อบุช่องท้อง และโรคซิสติกไฟโบรซิสที่มีการติดเชื้อที่ปอด
      - ผลข้างเคียง : ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก มีอาการปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีดยา มีแผลในปากหรือลำคอ เป็นเหน็บ
    - - ข้อบ่งชี้ : เป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบที่รุนแรง และการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารและลำไส้ และอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ
      - ผลข้างเคียง : คัน ท้องไส้ปั่นป่วน และท้องเสีย อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม
    - - ข้อบ่งชี้ : ช่วยกักเก็บน้ำตาลไว้ในตับแล้วปล่อยออกมาเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณต่ำหรือเมื่อร่างกายต้องการน้ำตาลมากขึ้น จะช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดและทำให้อยู่ในช่วงปกติ
      - ผลข้างเคียง : ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณลดต่ำเกินไป คือ รู้สึกเหนื่อยล้า หาวบ่อย สูญเสียการเคลื่อนไหวที่สอดประสานของกล้ามเนื้อ รู้สึกคล้ายจะหมดสติ
    - - ผลข้างเคียง : ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในกระเพาะอาหาร อาการแพ้ยา ได้แก่ หายใจลำบาก ริมฝีปาก ลิ้น ลำคอ และใบหน้ามีอาการบวม
      - ข้อบ่งชี้ : เป็นยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร รักษาโรคหลอดอาหารอักเสบจากกรดในกระเพาะ
    - - ผลข้างเคียง : คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ, วิงเวียน หน้ามืด, มึนงง, กระสับกระส่าย, chest pain, การแพ้แบบ anaphylacxis เหงื่อแตก, ชัก, ใจสั่น
      - ข้อบ่งชี้ : แก้ไขภาวะ shock, asthma attack, anaphylactic reaction, hypersensitivity
        reaction, cardiac arrest, หลอดลมตีบหดเกร็ง (bronchospasm) หัวใจหยุดเต้น ใช้แก้พิษของยาที่กดการทางานของหัวใจ เช่น Beta-blocker และ calcium blocker, ใช้เป็นยาเฉพาะที่เพื่อป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุด, กรณีแพ้ยา อาหาร หรือสารก่อ ภูมิแพ้อื่นๆ
    - - ข้อบ่งชี้ : เป็นยาที่มีลักษณะคล้ายกันกับอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตขึ้นได้เอง มีฤทธิ์ช่วยหดหลอดเลือด เพิ่มความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด ทางการแพทย์จึงสังเคราะห์ฮอร์โมนชนิดนี้ขึ้นเพื่อนำมาใช้รักษาภาวะความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
      - ผลข้างเคียง : อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ มีปัญหาในการหายใจ หน้า ปาก ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอบวม เป็นต้น ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยามีสีหรือลักษณะเปลี่ยนแปลงไป มีอาการแสบ ระคายเคือง หรือเจ็บ
  - - - ผลข้างเคียง : ระคายเคืองลำคอ, ติดเชื้อทางเดินหายใจ อาการเหล่านี้พบทั่วไปและไม่รุนแรง และจะหายไปเมื่อหยุดยา
      - ข้อบ่งชี้ : มีฤทธิ์ในการขยายหลอดลมและออกฤทธิ์ค่อนข้างยาว ข้อบ่งใช้ในผู้ป่วยโรคหืด (asthma) ใช้ในการควบคุมอาการของผู้ป่วย chronic obstructive pulmonary disease หรือ COPD รวมถึง chronic bronchitis หรือ emphysema
  - - - ข้อบ่งชี : ยาระบายในกลุ่มที่เพิ่มการดูดซึมผ่านของของเหลว เป็นน้ำตาล disaccharide กึ่งสังเคราะห์ไม่ถูกย่อยที่ทางเดินอาหารส่วนต้น
      - ผลข้างเคียง : ของเสียอย่างรุนแรงหรือต่อเนื่อง ปวดท้องเจ็บหรือปวดบีบที่ท้อง อาเจียน Kในเลือดต่ำ น้ำตาลในเลือดสูง
    - - ผลข้างเคียง : ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ ท้องเสีย สูญเสียน้ำและเกลือแร่
    - - ข้อบ่งชี้ : สำหรับผู้ป่วย โรคโลหิตจาง เนื่องจากขาดธาตุเหล็ก สูญเสียเลือด
      - ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก
    - - ข้อบ่งชี้ : สำหรับผู้ที่มีภาวะขาด Folic acid, ภาวะโลหิตจางชนิด Megaloblastic anemia, ภาวะโลหิตจางจากการขาด Folic acid
      - ผลข้างเคียง : สามารถทาให้หลอดลมหดเกร็ง (Bronchospasm) ผื่นคัน ปากเปื่อย ลิ้นอักเสบ ท้องเดิน
- - - - จากกรณีศึกษา
        
        FINDINGS:
        
        Loculated left pleural effusion in major fissure and anterior part of left lower pleural space
        
        ระบุการไหลของเยื่อหุ้มปอดด้านซ้ายในรอยแยกที่สำคัญและส่วนหน้าของช่องเยื่อหุ้มปอดด้านซ้ายล่าง
        
        Pulmonary arterial hypertension Edema of subcutaneous fat of chest wall
        
        ความดันโลหิตสูงในปอดอาการบวมน้ำของไขมันใต้ผิวหนังที่ผนังหน้าอก
  - - - ปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมาก (Polyuria)
      - กระหายน้ำ ดื่มน้ำามาก (Polydipsia)
      - น้ำหนักตัวลด (Weight loss)
      - รับประทานอาหารจุ (Polyphagia)
  - - - ภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure) เป็นภาวะ ที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีด เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้อย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึ่งอาจเกิด จากกล้ามเนื้อหัวใจตาย ลิ้นหัวใจรั่ว หรือตีบ และความดันโลหิตสูง
  - - - หมายถึงแรงที่หัวใจบีบตัวเพื่อ ผลักดันเลือดให้ออกไปจากหัวใจ แรงนี้จะต้องมาก พอที่จะทําให้ลิ้นหัวใจ aortic เปิดออก และต้อง มากกว่าแรงต้านในหลอดเลือดด้วย (TPR) ปริมาตร เลือดที่ออกจากหัวใจจะมากหรือน้อยขึ้นกับความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ
      - จากกรณีศึกษา
        
        IMPRESSION:
        
        Good biventricular function, diastolic dysfunction gr 2 Impression
        
        การทำงานของหัวใจห้องล่างซ้ายดี, เมื่อตรวจดูระยะคลายตัวของหัวใจมักจะพบว่ามีการคลายตัวที่น้อยลงและช้ากว่าปกติ
        
        No RWMA
        
        ไม่มี การบีบตัวของหัวใจห้องซ้ายความผิดปกติในการบีบตัวของหัวใจบางส่วน ( regional wall motion abnormalities: RWMA )
        
        -Moderate TR, moderate to severe PR due to PHT (MPAP 31 mmHg by Sys-Dias method) with enlarged MPA
        
        ลิ้นหัวใจไตรคัสปิดรั่ว (Tricuspid Regurgitation) และ ลิ้นหัวใจพัลโมนารีรั่ว (Pulmonary Regurgitation) ปานกลางถึงรุนแรง เนื่องจาก PHT (MPAP 31 mmHg โดยวิธี Sys-Dias) ด้วย MPA ที่ขยาย
        
        Mild MR
        
        พบลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว (Mitral Regurgitation) ระดับเล็กน้อย
        
        Concentric LVH
        
        ผนังกล้ามเนื้อหัวใจ Left Ventricular Hypertrophy (LVH) หนาขึ้นหรือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายล่างหนาตัวขึ้น
- - - - Sodium (Na) 139 mmol/L
      - Patassium K 3.68 mmol/L
      - Chloride 103.7 mmol/L
      - CO2 23.0 mmol/L
      - BUN 78.7 mg/dL
        
        มีค่าสูงกว่าปกติ อาจบ่งบอกได้ว่าไตกำลังเสียหายหรือตกอยู่ในอันตรายจากเหตุสำคัญหรือโรคร้ายแรงจึงท้าให้ไตทำหน้าที่ไม่ได้
      - Creatinine 3.60 mg/dL
        
        มีค่าสูงกว่าปกติ อาจมีเหตุสำคัญหรือโรค
        ร้ายแรงภายในไต หรือเกิดขึ้นที่ไตโดยตรง
      - eGFR 11.42 mL/min
        
        ระยะที่ 5 ค่า GFR < 15 มล./นาที เป็นระยะสุดท้าย
    - - Sodium (Na) 137 mmol/L
      - Potassium K 4.17 mmol/L
      - Chloride 100.9 mmol/L
      - CO2 22.9 mmol/L
      - BUN 92.8 mg/dL
        
        สูงกว่าปกติ อาจบ่งบอกได้ว่าไตกำลังเสียหายหรือตกอยู่ในอันตรายจากเหตุสำคัญหรือโรคร้ายแรงจึงท้าให้ไตทำหน้าที่ไม่ได้
      - eGFR 9.47 mL/min
        
        ต่ำกว่าปกติ บงบอกถึงความเสื่อมในการทำงานของไต ระยะที่ 5 ค่า GFR < 15 มล./นาที เป็นระยะสุดท้าย
    - - BUN 126.1 mg/dL
        
        มีค่าสูงกว่าปกติ อาจบ่งบอกได้ว่าไตกำลังเสียหายหรือตกอยู่ในอันตรายจากเหตุสำคัญหรือโรคร้ายแรงจึงท้าให้ไตทำหน้าที่ไม่ได้
      - Creatinine 5.03 mg/dL
        
        มีค่าสูงกว่าปกติ อาจมีเหตุสำคัญหรือโรค
        ร้ายแรงภายในไต หรือเกิดขึ้นที่ไตโดยตรง
  - - - Hb 8.5 g/dL
      - Hct 26.5 %
      - RBC 2.89 10^6/uL
      - MCV 91.7 fL
      - MCH 29.6 pg
      - MCHC 32.3 g/dL
      - RDW 17.3 %
      - WBC 8.03 10^3/uL
      - Corrected WBC 8.03 10^3/uL
      - Neutrophil 70.9 %
      - Lymphocyte 10.1 %
        
        ต่ำกว่าปกติ มักเกิดจากสาเหตุของการติดเชื้อ (Sepsis)
      - Monocyte 5.6 %
      - Eosinophil 13.1 %
      - Basophil 0.3 %
      - Platelet Count 335 10^3/uL
      - MPV 0.8 fL
    - - Hemoglobin 8.1 g/dL
      - Hematocrit 25.2 %
      - RBC 2.74 10^6/uL
      - RDW 17.5 %
      - Lymphocyte 15.7 %
        
        ต่ำกว่าปกติ มักเกิดจากสาเหตุของการติด
      - Eosinophil 11.1 %
- - - - ภาวะซีด
        
        28/11/63
        
        Hemoglobin (Hb) 8.5 g/dL- Hematocrit (Hct) 26.5 %. - RBC 2.89 10^6/uL
        
        30/11/63
        
        Hemoglobin (Hb) 8.1 g/dL- Hematocrit (Hct) 25.2 %. RBC 17.5 10^6/uL
      - ECHOCARDIOGRAPHY REPORT
        
        ไม่มี การบีบตัวของหัวใจห้องซ้ายความผิดปกติในการบีบตัวของหัวใจบางส่วน ( regional wall motion abnormalities: RWMA )
        
        ผนังกล้ามเนื้อหัวใจ Left Ventricular Hypertrophy (LVH) หนาขึ้นหรือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายล่างหนาตัวขึ้น
      - ผู้ป่วยมีไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถหายใจแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ด้วยตนเอง และมีเสมหะเหนียวข้น แขนทั้งสองบวม กดไม่บุ๋ม
      - CT CHEST(NC)
        
        พบว่าระบุการไหลของเยื่อหุ้มปอดด้านซ้ายในรอยแยกที่สำคัญและส่วนหน้าของช่องเยื่อหุ้มปอดด้านซ้ายล่าง
        
        ความดันโลหิตสูงในปอดอาการบวมน้ำของไขมันใต้ผิวหนังที่ผนังหน้าอก
    - - Hemoglobin (Hb) 12.3-15.5 g/dL
        
        Hematocrit (Hct) 36.8-46.6 %
        
        RBC 3.96-5.29 10^6/uL
      - Vital sign อยู่ในเกฑณ์ปกติ โดยเฉพาะ Oxygen Satulation > 95%
      - ไม่มีภาวะปลายมือปลายเท้าเขียว (Capillary Refil <2 วินาที)
    - - ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะผลCBC เพื่อติดตามดูภาวะซีดของผู้ป่วย
      - 1.ประเมินวัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงโดยเฉพาะ Oxygen Sat และสังเกตปลายมือปลายเท้าเขียว ตรวจCapillary Refil สังเกตลักษณะการหายใจ เช่น ไม่มีหอบเหนื่อย เพื่อประเมินภาวะพร่องออกซิเจน
      - 2.ดูแลจำกัดกิจกรรมให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เช่น ปฏิบัติการพยาบาลด้วยความรวดเร็วไม่รบกวนผู้ป่วยบ่อยครั้ง เพื่อลดการใช้ออกซิเจนและลดการทำงานของหัวใจ
      - 5.ดูแลให้ได้รับยาSERETIDE EVO พ่นเข้าลำคอ ครั้งละ 4 พัฟ วันละ 2 ครั้ง เพื่อช่วยลดเสมหะและทำทางเดินหายใจให้โล่ง และ Folic acid 5 MG tab กับ Fermasian fumarate 200 mg. tab เพื่อลดภาวะซีด ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - 4.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนผ่าน ET-tube ต่อ ventilator PCMV mode no. 7.5 mark 20 cm. ตามแผนการรักษาของแพทย์
      - 3.ดูแลทำทางเดินหายใจให้โล่ง จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่า High folew's position ดูแล suction clear air way เพื่อทำทางเดินหายใจให้โล่ง
    - - เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน
  - - - CKD stage 5
        
        eGFR 11.42 mL/min
        
        Bun 78.7 mg/dL
        
        Creatinine 3.60 mg/dL
      - ผู้ป่วยไม่ได้รับ hemodialysis เนื่องจากมีภาวะ BP ไม่คงที
    - - ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงสังเกตเพื่อประเมินอาการผิดปกติ
      - สังเกตอาการของเสียคั่งในร่างกาย ได้แก่ ปัสสาวะออกน้อย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย
        บวม คันตามตัว หายใจหอบ ความดันโลหิตสูง เพื่อช่วยในการประเมินความรุนแรงของของเสียคั่งใน
        ร่างกายและรายงานแพทย์ให้การรักษาอย่างเหมาะสม
      - ดูแลให้การพยาบาลผู้ป่วยในการไปทำ hemodialysis ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อลดการคั่งของเสียในร่างกาย หากผู้ป่วยไม่สามารถได้รับ hemodialysis ต้องอธิบายให้ความรู้กับญาติ
      - จำกัดน้าผู้ป่วย โดย Feed นำ้ให้ผู้ป่วย จ้ากัด 800 ml/day ตามแพทย์การรักษาของแพทย์ เพื่อลดภาวะน้ำเกิน
      - บันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออก เพื่อประเมินภาวะสมดุลน้าในร่างกาย ทุก 8 ชั่วโมง และ 24 ชั่วโมง
      - ติดตามผล lab BUN Cr eGFR เพื่อประเมินการท้างานของไตในการกรองของเสีย
    - - เพื่อป้องกันอันตรายจากภาวะของเสียคั่ง
  - - - ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
        
        on ET tube ต่อ Ventilator
      - ผู้ป่วยไม่สามารถได้รับการ hemodialysis เนื่องจากมี BP ไม่ปกติ
    - - ให้การดูแลเป็นองค์รวม ทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญาณ
      - ให้ความเคารพสิทธิของผู้ป่วยและครอบครัวในการรับทราบข้อมูลการเจ็บป่วย และให้ผู้ป่วยและ
        ครอบครัวมีส่วนร่วมตัดสินใจเรื่องแนวทางและเป้าหมายของการดูแล รวมไปถึงการให้ความเคารพใน
        ค่านิยม ความเชื่อและศาสนาของผู้ป่วยและครอบครัว
      - มีการประสานงานระหว่างบุคคลากรสาธารณสุขหลายสาขา เพื่อให้สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของ
        ผู้ป่วยและครอบครัวได้มากที่สุด
    - - เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแล Palliative Care อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
  - - - Culture & sensitivity (specimen : Urine) วันที่ 26/11/2563 เวลา 00.16 น
        
        Few : PMNS (Polymorphonuclear cells)
        
        Few : Yeast
        
        Rare : Gram Positive Cocci (Chain)
      - Culture & sensitivity (specimen : Sputum)
        
        วันที่ 26/11/2563 เวลา 00.15 น.
        
        Few : PMNS (Polymorphonuclear cells)
        
        Rare : Epithelial cell
        
        Few : Gram Positive Bacilli (SMALL)
        
        Rare : Gram Negative Bacilli
        
        วันที่ 26/11/2563 เวลา 15.05 น.
        
        No Acid Fast Bacilli Found
      - ผู้ป่วยมีช่องทางเปิดในระบบทางเดินปัสสาวะจากการ retain foley's catherter
        
        วันที่ 7/12/2563 ปัสสาวะสีเหลืองใส มีตะกอนค้างสาย
      - มีแผลเป็นตุ้มน้ำบริเวณหลัง มีตุ้มน้ำสีแดงคล้ำจำนวน 9 ตุ้ม มีตุ้มน้ำแตกจำนวน 2 ตุ้ม ตุ้มละประมาณ 1X3 cm ผิวหนังเปิดมีเลือดซึม และมีตุ้มน้ำใสบริเวณต้นขาข้างขวาใกล้ขาหนีบจำนวน 3 ตุ้ม มีตุ้มน้ำแตกมีเลือดซึม ขนาดประมาณ 2X2 cm
      - มีแผลกดทับบริเวณมุมปากด้านขวา บริเวณใบหูด้านซ้ายและก้นกบ stage 2 ขนาดประมาณ 4X6 cm
    - - 1.ประเมินบริเวณที่สอดใส่สายสวนปัสสาวะ และบริเวณอวัยวะเพศทุก 4 – 8 ชั่วโมง สังเกตร่องรอยของการ
        อักเสบเช่น บวม แดง ร้อนซึ่งถ้ามีต้องรายงานแพทย์ทราบ
      - 2.วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงเพื่อประเมินภาวะไข้ เพื่อเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อ
      - 3.ให้ยาปฏิชีวนะ COLISTATE (COLISTIMETHATE SODIUM) 150 MG. inj. MEPENEM 1 GM INJ. 500 mg+nss 50 ml IV drip in 3 hr. ตามแผนการรักษาและเฝ้าระวังอาการข้างเคียง
      - 4.ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ทุกครั้ง เมื่อผู้ป่วยมีการขับถ่าย เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับและป้องกันการติดเซื้อ
      - 5.ดูแลให้สายสวนอยู่ในระบบปิดเสมอ ไม่มีการคั่งค้างของน้ำปัสสาวะ และไม่มีสายหักพับงอ
      - 6.ประเมินบาดแผลตามร่างกาย สังเกตขนาด กลิ่น สี ความลึกของแผล
    - - ไม่มีไข้อุณหภูมิกายน้อยกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
      - ไม่เกิดภาวะติดเชื้อในระบบต่างๆของร่างกาย
      - ปัสสาวะมีสีเหลืองใส ไม่มีตะกอน
      - แผลกดทับและแผลแตกจากตุ้มน้ำ แห้งสนิท ไม่มีหนอง ไม่มีกลิ่นเหม็น