Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Tracheobronchitis with hypersecretion - Coggle Diagram
Tracheobronchitis with hypersecretion
ข้อมูลผู้ป่วย
ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ป่วยชายไทย อายุ 76 ปี สถานภาพสมรส มีอาชีพสานไม้กวาดขาย รายได้ 1,400 บาท/เดือน ชำระค่ารักษาพยาบาลโดยใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
CC
หายใจเหนื่อยมากขึ้น 6 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
PI
1 เดือนก่อนมาโรงพยาบาลมีอาการเหนื่อยหอบ จึงมารับการรักษาที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ แพทย์วินิจฉัย ดังนี้ 1.) fusiform infrarenal aaa 2.) loculated pneumothorax RUL ได้รับการรักษาโดยการเจาะ ICD 3.) Prolonged intubation และได้รับการจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563
6ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาลผู้ป่วยหายใจเหนื่อยมากขึ้น ดูดเสมหะแล้วได้เสมหะก้อนใหญ่ เสมหะสีขาวปนเลือด จึงตัดสินใจมาโรงพยาบาล
PH
U/D:
Hypertention เป็นมา 5 ปี
Infrarenal AAA เป็นมา 1 เดือน
ประวัติการแพ้: ปฏิเสธ แพ้ยา แพ้อาหาร
มีประวัติดื่มสุรา วันละ 1-2 ขวด เลิกดื่มมา 20 ปี
มีประวัติสูบบุหรี่ วันละ 5 มวน เลิกสูบมา 20 ปี
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
บุตรคนโตเพศหญิงอายุ50ปี มีโรคประจำตัวคือไทรอยด์เป็นพิษ
ผลการตรวจร่างกายและห้องปฏิบัติการ
ชนิดการตรวจ Clinical Chemistry (22 พ.ย. 2563)
ชนิดการตรวจ Complete blood count (22 พ.ย. 2563)
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
Elixir KCL 30 ml
ยาใช้รักษาระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
ผลข้างเคียง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
Acetylcysteine100 mg (sac) 2x3 po
ยาละลายเสมหะ
ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน การรับรสเปลี่ยนไป
Ceftazidime inj 2 gm iv q 6 hr
ยารักษาการติดเชื้อแบคทีเรียระบบทางเดินหายใจ
ผลข้างเคียง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายปนเลือด
Tazocin inj 4.5 gm iv q 6 hr
ยารักษาการติดเชื้อแบคทีเรียระบบทางเดินหายใจ
ผลข้างเคียง ได้แก่ ผื่นคัน คลื่นไส้ อาเจียน
พยาธิสรีรภาพ
เริ่มมีการบวม ของเยื่อเมือกที่บุหลอดลม และขยายลงไปถึงชั้นใต้เยื่อบุ ทำให้บริเวณชั้นเยื่อบุและชั้นใต้เยื่อบุอักเสบ บวมขัดขวางการทำหน้าที่ของขนกวัด และการทำหน้าที่กินเชื้อโรคทำให้เกิดเสมหะเป็นมูกปนเหนียวข้นเกาะค้างอยู่ในหลอดลมจนกระทั่งมีอาการไอเอาเสมหะออก เนื่องจากระบบการทำให้หลอดเลือดลมปราศจากเชื้อโรคทำหน้าที่ได้ไม่ดี จึงอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมได้ เริ่มต้นเสมหะจะมีลักษณะเหลวใส ถ้าเสมหะเป็นมูกปนหนองหรือเป็นหนองแสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม
สาเหตุ
ติดเชื้อไวรัส ได้แก่ อะดิโนไวรัส ไรโนไวรัส ฟลูไวรัส บางรายอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มัยโคพลาสมา หรือ คลามัยเดีย
ส่วนน้อยที่อาจเกิดจากการแพ้ หรือการระคายเคืองต่อสารบางอย่างที่สูดดมจนทำให้หลอดลมกิดการอักเสบ ผู้ที่ทำงานกับสารระคายเคืองเช่น ฝุ่น สารเคมี มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าปกติ
สูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่
ผู้ป่วยโรคกรดในกระเพาะไหลย้อน ผู้ที่มีโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ มีโอกาสเป็นโรคหลอดลมอักเสบมากขึ้น
อาการ
จากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ทำให้เยื่อบุหลอดลมบวม มีเสมหะในหลอดลม ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก อาจหายใจมีเสียงดังหวีดได้ อาจมีอาการเจ็บคอ แสบคอ หรือ เจ็บอกได้ ผู้ป่วยอาจมีไข้ครั่นเนื้อ ครั่นตัวได้ หรืออาจมีไข้ในรายที่เกิดจากการติดเชื้อ
การรักษา
รักษาตามอาการที่เป็นในขณะนั้น เช่น การให้รับประทานยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม หรือ ยาลดไข้ เนื่องจากโรคส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ
ให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างพอเพียง ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ที่ระคายต่อหลอดลม
หากตรวจพบว่าโรคหลอดลมอักเสบนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ ยาใหม่ที่ใช้ได้ผลดีชื่อ Telithromycin ซึ่งเป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่ม ketolides จากการศึกษาวิจัยในระยะหลัง พบว่าเกิดปัญหาเชื้อดื้อยาน้อยมาก
อาจให้พ่นยา ไม่ว่าจะเป็นยาต้านการอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์ ยาขยายหลอดลม หรือการรักษาประคับประคองตามอาการอื่น เช่น ยาแก้ไอ ละลายเสมหะ
การตรวจวินิจฉัย
อาการแสดง ได้แก่ ไอ มีเสมหะ, X-ray ปอด, ตรวจเสมหะ, ใช้กล้องส่องตรวจหลอดลม (bronchoscopy)
ปัญหาทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1 ทางเดินหายใจไม่โล่งเนื่องจากมีเสมหะมากและเหนียว
ข้อมูลสนับสนุน
S=ผู้ป่วยบอกว่า “ดูดเสมหะให้หน่อย” O=ฟังปอดมีเสียงเสมหะครืดคราด เสมหะมีสีแหลืองและเหนียว อัตราการหายใจ 28 ครั้ง/นาที O2 sat = 96% (ผลเมื่อ 22 พ.ย. 2563 เวลา 10.00น.)
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
เกณฑ์การประเมินผล
เกณฑ์การประเมินผล -ฟังปอดไม่มีเสียงเสมหะครืดคราด -ฟังปอดไม่มีเสียง wheeze -อัตราการหายใจ 16-24 ครั้ง/นาที -ไอขับเสมหะออกได้
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
1.ประเมินลักษณะการหายใจ อัตราการหายใจ จังหวะสม่ำเสมอของการหายใจ ความลึกของการหายใจ และติดตามฟังเสียงปอดเป็นระยะๆ
2.สังเกตลักษณะ ความเหนียว สี กลิ่นของเสมหะ และปริมาณของเสมหะ
3.สอนการทำกายบริหารเพื่อให้ปอดขยายตัว จะได้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนมากขึ้น โดยทำวันละหลายๆครั้ง ดังนี้
3.1นอนหงายราบ ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้น หายใจเข้าลึกๆ เต็มที่จนท้องโป่งและกลั้นหายใจไว้ประมาณ 3 วินาที
3.2หายใจออกทางปากช้าๆ ทำปากห่อคล้ายผิวปาก เพื่อให้อากาศออกจากปอดมากที่สุด
3.3ทำบ่อยๆ ประมาณ 8-10 ครั้ง ทุก 2 ชั่วโมง
4.สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยขับเสมหะออกจากหลอดลมและปอด ทำวันละหลายๆครั้ง ดังนี้
4.1นั่งในท่าโน้มตัวไปข้างหน้า หรือครึ่งนั่ง ครึ่งนอน
4.2ก่อนไอ หายใจเข้า - ออกลึกๆ ประมาณ 4-5 ครั้ง สูดลมหายใจเข้าเต็มที่ กลั้นไว้แล้วหายใจออกพร้อมกับไอแรงๆ 2-3 ครั้ง
5.จัดท่านอนศีรษะสูง (High fowler’s position) ต่ำ ปอดขยายตัวได้เต็มที่
6.ดูแลดูเสมหะด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
7.ดูแลให้ยาละลายเสมหะ Acetylcysteine 100 mg รับประทานครั้งละ 2 ซองผสมน้ำ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร ตามแผนการรักษาของแพทย์
การประเมินผล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะไม่สมดุลของน้ำและอิเล็คโตรลัยต์ เนื่องจากไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้
ข้อมูลสนับสนุน
S : ญาติผู้ป่วยบอกว่า “หมอให้กินอาหารทางสายยาง” O : ผู้ป่วยรับประทานอาหารผ่านสายยางให้อาหารทางจมูก (NG tube) ผู้ป่วยมีอาการปากแห้งลอก ตรวจร่างกาย Skin : Poor skin turgor ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ Electrolyte - Potassium 3.4↓ - Chloride 94↓ (ผลตรวจเมื่อ 18 พ.ย. 2563)
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะไม่สมดุลของน้ำและอิเล็คโตรลัยต์
เกณฑ์การประเมินผล
-ผู้ป่วยไม่มีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ผิวแห้ง -ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ Electrolyte -Potassium ปกติ (3.5-4.5 mmol/L) -Chloride ปกติ (98-107 mmol/L)
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
1.ประเมินภาวะพร่องโภชนาการและความรุนแรงของภาวะพร่องโภชนา ได้แก่ อ่อนเพลีย ผอม ซีด น้ำหนักลด ระดับอัลบูมิน ประเมิน BMI
2.ประเมินภาวะขาดน้ำ ได้แก่ การตึงตัวของผิวหนังลดลง ริมฝีปากแห้ง กระหายน้ำ ความดันต่ำ ชีพจรเร็ว การเปลี่ยนแปลงการรับรู้
3.ดูแลให้ได้รับน้ำและอาหาร BD (1.2:1) 300 x 4 feed + น้ำตาม 50 ml/feed ตามแผนการรักษาของแพทย์
4.ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NaCl 1000 ml iv drip 60ml/hr ตามแผนการรักษาของแพทย์
5.ติดตามอาการ อาการแสดงของการพร่องสมดุลของสารอาหาร น้ำและอิเล็คโตรลัยต์ และรายงานแพทย์เพื่อช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ดังนี้
5.1 ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (hypokalemia) ได้แก่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตลดลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้
5.2 ภาวะคลอไรด์ในเลือดต่ำ (hypochloremia) ได้แก่ เวียนศีรษะ อ่อนแรง กล้ามเนื้อหดเกร็ง
5.3 ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (hypocalcemia) ได้แก่ ชาตามปลายมือปลายเท้า ชัก
การประเมินผล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 3พร่องกิจวัตรประจำวัน เนื่องจากมีอาการเหนื่อยหอบ
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยได้รับการตอบสนองความต้องการด้านกิจวัตรประจำวัน
เกณฑ์การประเมินผล
-ผู้ป่วยสุขสบาย ร่างกายไม่มีกลิ่น- ญาติมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
1.ประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ
2.ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน
3.ดูแลให้ได้รับประทานอาหาร BD (1.2:1)300 ml*4feedตามแผนการรักษา
4.ดูแลผู้ป่วยในเรื่องขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ 5.จัดท่านอนให้ผู้ป่วยในท่าที่สุขสบาย
6.จัดสิ่งรอบข้างให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสะอาดและความเป็นระเบียบ
7.กระตุ้นให้ญาติผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
การประเมินผล
ร่างกายที่สะอาดไม่มีกลิ่นเหม็น
ญาติมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 4 ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากถูกรบกวนของสภาพแวดล้อม
ข้อมูลสนับสนุน
S=ญาติผู้ป่วยบอกว่าผู้ป่วยนอนไม่ค่อยหลับ
O=ผู้ป่วยมีสีหน้าไม่สดชื่น สีหน้าอ่อนเพลีย
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยนอนหลับได้6-8ชั่วโมง
2.ผู้ป่วยมีสีหน้าท่าทางที่แจ่มใสมากขึ้น
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
1.ให้การพยาบาลโดยไม่รบกวนผู้ป่วยบ่อยเกินไป
2.จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบลดแสงไฟให้ส่องแสงน้อยลงเพื่อให้ผ่อนคลาย
3.ให้ทำกิจกรรมคลายเครียดที่สามารถทำได้ก่อนนอน
การประเมินผล
ผู้ป่วยมีสีหน้าท่าทางแจ่มใสมากขึ้น