Case study Postpartum period
จัดทำโดย นศพต. อภิสรา ทองเยาว์
Case study Postpartum period
จัดทำโดย นศพต. อภิสรา ทองเยาว์
การประเมินตามหลัก 13B
พยาธิสภาพการเปลี่ยนแปลงทางสรีระของมารดาหลังคลอด
ระบบสืบพันธุ์
ระบบผิวหนัง
ระบบทางเดินอาหารและการเผาผลาญ
ระบบต่อมไร้ท่อ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
Progressive Changes
ระบบทางเดินปัสสาวะ
Effective of retrogressive changes
คำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังกลับบ้าน
การให้บุตรดูุดนมมารดา
การมีเพศสัมพันธ์
การบริหารร่างกาย
การมีประจำเดือน
การรับประทานอาหาร
การวางแผนครอบครัว
การรักษาความสะอาด
การมาตรวจตามนัด
การพักผ่อนและการทำงาน
อาการผิดปกติที่ควรมาโรงพยาบาล
การดูแลบุตร
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังคลอดเนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูกและแผลฝีเย็บ (Day 1-2)๕
มารดาพร่องความรู้ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอด (Day 0)
ประวัติการตั้งครรภ์
ประวัติการฝากครรภ์
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ข้อมูลผู้ป่วย
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน G1P0 Pregnancy 36 week 6 days By U/S
LMP (Last menstruation period) 12 กุมภาพันธ์ 2563
EDC (Expected date confinement ) 6 ธันวาคม 2563 by U/S
ฝากครรภ์ครั้งแรก 3/08/63 GA 22 week 2 days มาฝากครรภ์ทั้งหมด 6 ครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ
น้ำหนักฝากครรภ์ครั้งสุดท้าย BMI 19.81 TWG 15.2 kg น้ำหนัก 67.2
ผู้ป่วยหญิงไทย เตียง 1 ตึก มภร.15/2 อายุ 23 ปี ศาสนาพุทธ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นธาลัสซีเมีย ที่อยู่ปัจจุบัน คอนโดศรีนครินทร์ มี 9 ชั้นผู้ป่วยอยู่ชั้น 7 อาชีพ แม่บ้าน รายได้ทั้งหมดมาจากสามี
วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล 14 พฤศจิกายน 2563
ประวัติการคลอดปัจจุบัน
วันที่รับไว้ในความดูแล 16 พฤศจิกายน 2563 (Day 2)
ผู้ป่วยมาด้วยอาการเจ็บครรภ์ทุกๆ 10 นาที นานครั้งละ 1 นาที มีมูกเลือด และมีน้ำเดิน 1 ชม. ก่อนมาโรงพยาบาล (05.00) Fully dilate 6.20 น. ระยะที่ 1 ผู้คลอดใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาทีคลอด Normal Labor ทารกเพศชาย ท่า OR น้ำหนัก 2,790 กรัม แผลฝีเย็บ 2nd degree tear RML คลอดเวลา 6.44 น. ขณะคลอดได้รับ 5%D/N/2 1000 ml IV drip 100 ml/hr + Syntocinon 20 unit ใน IV 1000 ml ,Methergin 0.2 mg IV push Blood loss ที่ LR 200 ml.
3/08/63 (ผู้ป่วย)
MCV = 63.8ค่าปกติ80-100flเนื่องจากมารดาเป็นพาหะของโรคธาลัสซเมีย
DCIP = Negative Hb typing
19/08/63 (สามี) MCV = 61.8
DCIP เป็นการตรวจคัดกรองฮีโมโกลบิน= Positive Hb typing = Henozygous E with or without and Thalassemia แสดงว่าบิดาเป็นพาหะ hbE
3/08/63
Hb = 10.8 mg%
Hct = 33.2%
Anti-HIV = Negative
HBsAg = Negative
สัญาณชีพแรกรับ
มารดาหลังคลอด Day 2 มีสีหน้าปกติ ไม่มีอาการอ่อนเพลีย ไม่ซีด สามารถลุกเดินเข้าห้องน้ำเองได้ สามารถนอนหลับพักผ่อนได้พร้อมบุตร
ไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับปฏิบัติตัวหลังคลอด มารดาเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไม่ได้อยู่ไฟหลังคลอด
สัญญาณชีพปกติ วันที่ 16/11/63 อุณหภูมิร่างกาย ความดันโลหิต ชีพจร อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที pain score 2 คะแนน
หัวนมปกติ ขนาดปกติ เต้านมมีอาการคัดตึงเล็กน้อยทางเต้านมด้านซ้าย น้ำนมยังไม่ไหลทั้ง 2 ข้างทารกได้รับนมไม่เพียงพอต้องได้รับน้ำนมเสริม
หน้าท้องมี Striae gravidarum สีชมพู หน้าท้องมี Linea nigra ระดับยอดมดลูก 3.5 นิ้ว มดลูกหดรัดตัวดี คลึงแล้วกลมแข็ง
ไม่มีภาวะ Full Bladder สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำ void ได้เอง
Day 2 : น้ำคาวปลามีสีแดง ซึมผ้าอนามัยเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นเหม็น
มีแผลฝีเย็บ 2 degree tear Right medio-lateral episiotomy ประเมินตามหลัก REEDA ไม่มีบวม แดง ไม่ช้ำ ไม่มี Discharge ขอบแผลเรียบชิดติดกันดี
มารดามีการขับถ่ายปกติ Day 1 และ 2 เริ่มมีการขับถ่ายอุจจาระปกติ
มารดาสนใจบุตรดี มีปฏิสัมพันธ์กับบุตร มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการให้น้ำนมลูกจึงคอยหาวิธีจัดการให้ตนเองสามารถให้น้ำนมแก่ลูกได้ ให้ความร่วมมือในการรักษา
มารดาสนใจในการให้นมทารก มีการสัมผัสลูบตัวทารกอย่างต่อเนื่อง
มีครอบครัวมาเยี่ยม มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลในครอบครัว
วันที่ 2 ทารกตัวเหลือง ได้รับการรักษาโดยการส่องไฟ บริเวณศีรษะใบหน้าไม่มีความผิดปกติใดๆ ทารกหายใจได้ด้วยตนเอง ไม่มี retraction ผิวหนังมีความชุ่มชื้นไม่แห้ง สะดือสด แขนขาสามารถเคลื่อนไหวได้
แนะนำให้มารดานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 8-10 ชม. การทำงานห้ามยกของหนักหรือการออกแรงที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องเนื่องจากจะให้มดลูกหย่อนได้และทำให้มดลูกเข้าอู่ช้า และระวังการเดินขึ้นลงบันได้บ่อยๆ
แนะนำให้ชำระล้างทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ควรล้างทำความสะอาดจากบริเวณด้านหน้าไปด้านหลัง ห้ามสวนย้อนขึ้นมาและซับให้แห้ง ให้เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3-4 ชั่วโมงหรือเมื่อมีชุ่มหรือเต็มแผ่น ห้ามกลั้นปัสสาวะ ไม่ใส่ผ้าอนามัยแบบสอด
แนะนำมารดาที่ให้นมบุตรควรได้รับพลังงานเพิ่ม 500 kcal เน้นได้รับอาหารประเภท Protein 40 g เพื่อใช้ในการสร้างน้ำนมและช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ การสมานแผล ถ้าขาดดปรตีนจำทำให้เกิดอาการบวม โลหิตจาง แนะนำให้ให้มีการเสริมธาตุเหล็กร่วมกับอาหารที่ให้เหล็กมาก เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่ ผักใบเขียว ผลไม้สดเพื่อได้รับวิตามินซีซึ่งช่วยการดูดซึมได้ดีขึ้น การได้รับแคลเซียม เพิ่ม 200 g ช่วยสร้างน้ำนม ได้แก่อาหารผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งฝอย ผักใบเขียว การดื่มนมควรดื่มในตอนเช้าเนื่องจากมีวิตามินดีที่ช่วยในการดูดซึมและไม่ควรทานพร้อมกับแคลเซียมควรเว้นระยะห่าง 30 - 1 ชม. น้ำ 3 ลิตร
Kegel exercise การขมิบช่องคลอด ช่วยให้กล้ามเนื้อช่องคลอดกลับเข้าสูปกติเร็วขึ้น
ในช่วง 2-3 วันแรก มีน้ำนมเหลือง(Colostrum) หลั่งออกมาจะมีส่วนประกอบของโปรตีนมาก มีภูมิคุ้มกัน IgA มีฤทธิ์กระตุ้นลำไส้เป็นยาระบาย 7-10 วัน มีน้ำนม Transitional milk มีภูมิคุ้มกัน น้ำตาล ไขมัน วิตามินที่ละลายน้ำ 2 weeks มี Mature milk สีขาว มีปริมาณน้ำมากสุด 87% มีสารอาหารโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ การให้น้ำนมลูกจะทำให้น้ำหนักลดลงเยอะ ในช่วง 1-2 เดือนแรก ห้ามลดความอ้วนเนื่องจากร่างกายจะดึงไขมันไปสร้างพลังงาน
การอาบน้ำทารก การนำทารกเข้าเต้า การให้น้ำนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน หลังจากนั้นให้อาหารเสริมร่วมด้วยได้ การดูแลทารกให้ได้รับวัคซีนครบตามวัย การส่งเสริมพัฒนาการของทารกให้เหมาะสมตามวัย
ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 สัปดาห์แรก หลังคลอดจนกว่าจะได้รับการตรวจหลังคลอดแน่ชัดแล้วว่าไม่มีภาวะผิดปกติใดๆ ใช้ถุงยางด้วย
มารดาที่ให้นมบุตรด้วยตนเองจะกลับมามีประจำเดือนอีก 9 เดือน - 1 ปี
แนะนำมารดามาตรวจตรงตามนัดทุกครั้ง สม่ำเสมอ เพื่อติดตามความผิดปกติของร่างกาย
มีไข้สูง น้ำคาวปลามีสีแดง ไม่จางลง มีกลิ่นและมีจำนวนมากขึ้น มีเลือดสดออกทางช่องคลอด หลังคลอด 2 weeks คลำพบก้อนทางหน้าท้อง เต้านมกดเจ็บอักเสบบวมแดงคัดตึงมาก ปัสสาวะบ่อยแสบขัด ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน แผลฝีเย็บแยก บวมแดงมีหนอง
การแนะนำคุมกำเนิด
ต้องปัสสาวะได้เองภายใน 6 -8 ชั่วโมงหลังคลอด
ปริมาณเลือดลดลง ระวังภาวะ Orthostatic hypotension
Pulse ช้า 60-70 ครั้ง/นาที
หลังคลอดมีระบบการเผาผลาญเพิ่มมากขึ้น reactionary fever อุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส ใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด milk fever เกิด 3-4 วันหลังคลอด
แผลฝีเย็บ อาการปวดลดลงภายใน 1-2 week หลังคลอด แผลฝีเย็บหายใน 2-3 week หลัคลอด
2-3 วันหลังคลอด มีเหงื่ออกมากขึ้น ผลจากฮอร์ดมน estrogen เพิ่มขณะตั้งครรภ์ทำให้ผมงอกช้า ผมร่วงเป็นหย่อมๆ พบ 4-20 weeks หลังคลอด
ผลจากฮอร์โมน Progesterone ขณะตั้งครรภ์ทำให้เกิดอาการท้องผูก ต้องสามรถถ่ายอุจจาระได้เองในวันที่ 2-3 หลังคลอด
ปากมดลูก หลังคลอดทันทีจะมีลักษณะอ่อนนุ่ม มีรอยช้ำ ฉีกขาดของแผลฝีเย็บ 1 week เร่มกลับเข้าสูสภาพปกติเกือบสมบูรณ์ 6 weeks เป็นรูปรียาว ไม่มีลักาณะกลมเหมือนก่อนตั้งครรภ์
มดลูก ระดับยอดมดลูกจะลดลงวันละ 0.5-1 cm. ช่วงมากกว่า 24 ชั่วโมงจะอยู่ทางด้านขวาเนื่องจากด้านซ้ายมี sigmoid colon 10 days จะอยู่บริเวณหัวหน่าว 2 weeks จะคลำไม่พบก้อน มดลูกจะกลับเข้าอู่ (Involution of uterus) เข้าสู่อุ้งเชิงกราน
น้ำคาวปลา Lochua rubra 1-3 วันแรก มีสีแดงสด กลิ่นคาวเลือด Lochia serosa 4-9 วัน มีสีชมพู แดงจาง ปริมาณลดลง Lochia Alba 10-14 วัน มีสีเหลือง ครีม เหมือนตกขาว Foul Lochia น้ำคาวปลามีความผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น มีหนอง
Estogen Progesterone HCG HPL มีปริมาณลดลง
FSH LH หลั่งเมื่อ 6-7 weeks ทำให้สามารถทำให้มีประจำเดือนได้
มารดาที่ให้นมบุตรด้วยตนเองจะกลับมามีประจำเดือนอีก 9 เดือน - 1 ปี มารดาที่ไม่ได้ให้นมบุตรจะมีประจำเดือนมาในช่วง 6-7 weeks
น้ำหนักลดลงทันทีหลังคลอด 5-6 กิโลกรัม ๅ week ลด 2-4 กิโลกรัม 6 week น้ำหนักคงที่เท่ากับก่อนตั้งครรภ์
เต้านม ฮอร์โมน estrogen progesterone ลดลง Anterior pituitary หลั่ง prolactin ผลิตน้ำนม Posterior Poituitary หลั่ง oxytocin หลั่งน้ำนมและทำให้มดลูกหดรัดตัว
DX. G1P0 GA 36+6 week by U/S with PROM
ข้อมูลสนับสนุน
เสียเลือดหลังคลอด 200 ml
มีแผลฝีเย็บ 2nd degree tear
มีแผลที่โพรงมดลูก
BT 37.4 องศาเซลเซียส BP 115/71 mmHg PR 96 /mm RR 18 Pain score 1 คะแนน
วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด
กิจกรรมการพยาบาล
เกณฑ์การประเมิน
1.สัญญาณชีพปกติ
4.ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด เช่น ซีด อ่อนเพลีย น้ำนมไม่ไหล กระสับกระส่าย หน้ามืด เหงื่ออกมาก
การประเมินผล
ข้อมูลสนับสนุน
วัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริมให้มารดาสามารถให้นมลูกได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
เกณฑ์การประเมินผล
กิจกรรมการพยาบาล
การประเมินผล
ข้อมูลสนับสนุน
มีแผลในโพรงมดลูก
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ WBC = 17,780 /uL สูงกว่าปกติ Neutrophil = 83.9 % สูงกว่าปกติ Lymphocyte = 11.0% ต่ำกว่าปกติ
วัตถุประสงค์ : เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
1. สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ 2. ไม่มีอาการแสดงของการติดเชื้อหลังคลอด เช่น มีไข้สูง ปวดบริเวณ
แผลฝีเย็บมาก
3. แผลฝีเย็บปกติ ไม่มีอาการบวม แดง ช้ำ มีรอบแยกแตกของแผล
4. น้ำคาวปลาไม่มีกลิ่นเหม็น สีเขียวเหลืองมีสีปกติตามระยะเวลา คือ วันที่ 1-3 Lochia rubra มีสีแดง วันที่ 4-9 Lochia serosa มีสีแดงจางลง สีชมพู วันที่ 10 Lochia alba มีสีเหลือง ครีมๆลักษณะคล้ายตกขาว
5. ปัสสาวะปกติ ไม่มีอาการแสบขัดหรือปัสสาวะไม่ออก
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมว โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย 2. ประเมินลักษณะแผลฝีเย็บ ตามหลัก REEDA และลักษณะน้ำคาวปลา อาการแสดงเช่น แผลฝีเย็บบวม แดง ช้ำ มี Hematoma มีหนอง น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นและมีเลือดสีแดงสดไม่จางหลัง 3-4 วัน 3. แนะนำให้มารดาทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ทุกครั้งหลังจากการปัสสาวะและอุจจาระ โดยล้างทำความสะอาดจากหน้าไปด้านหลัง ห้ามเช็ดย้อนกลับ และซับให้แห้ง
การประเมินผล
click to edit
ด้านจิตใจ
การปรับตัวของมารดาหลังคลอดแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
1.ระยะที่มีพฤติกรรมพึ่งพา (Taking-in phase) วันที่ 1-2 หลังคลอด มารดาสนใจความสุขสบายของตนเองมากกว่าบุตร ต้องการพึ่งพาผู้อื่น 2. ระยะพฤติกรรมระหว่างพึ่งพาและไม่พึ่งพา (Taking - hold phase) วันที่ 3-10 สบายขึ้น หายอ่อนเพลีย สนใจทารกมากขึ้น พยาบาลแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองและบุตร 3. ระยะพฤติกรรมพึ่งพาตนเอง (Letting-go phase) หลังคลอด 10 วัน มีการรับผิดชอบต่อบทบาทเต็มที่ ปรับความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับสามีและสมาชิกในครอบครัว