Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินมารดาหลังคลอด เตียง 12 - Coggle Diagram
การประเมินมารดาหลังคลอด เตียง 12
คำแนะนำก่อนกลับบ้าน
1.การปฏิบัติตัวหลังคลอด
การดูลรักษาเต้านมและหัวนม ควรล้างให้สะอาดหลังอาบน้ำ และเช็ดทุกครั้งหลังให้นม เพราะอาจมีคราบน้ำนมแห้งติดทำให้หัวนมแตกเป็นแผลได้ ควรสวมเสื้อยกทรงประคองเต้านมไว้ เนื่องจากเต้านมจะมีขนาดโตขึ้น อาจทำให้เต้านมหย่อนได้ภายหลัง
ห้ามใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
หากมีอาการปวดมดลูกมาก ให้รับประทานยาแก้ปวดได้
สำหรับมารดาที่คลอดเอง หากพบปมไหมบริเวณฝีเย็บ ไม่ควรแกาะหรือดึง เนื่องจากเป็นไหมละลาย
ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชม. ไม่ว่าจะมีเลือดซึมหรือไม่ หรือเปลี่ยนุกครั้งที่ขับถ่าย
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์จากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรแช่ตัวในอ่างหรือน้ำคลอง
หากผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง ระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ และดูแลเรื่องความสะอาดของแผล
การพักผ่อน ควรพักผ่อนมากๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก โดยตอนกลางวันควรพักผ่อนประมาณ 1-2 ชม. หรือพักผ่อนในช่วงที่ทารกหลับ ส่วนตอนกลางคืน ควรพักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชม.
การทำงาน ในระยะ 2 สัปดาหืหลังคลอด สามารถทำงานบ้านเบาๆได้ ไม่ควรยกของหนักหรือทำงานที่ออกแรงมาก เพราะกล้ามเนื้อและเอ็นต่างๆยังไม่แข็งแรง ซึ่งอาจทำให้มดลูกหย่อน ภายหลังได้ หลังคลอด 2 สัปดาห์ ไปค่อยทำงานเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนครบ 6 สัปดาห์ จึงทำงานได้ตามปกติ และไม่ควรขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
การรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารที่มีคุณค่า เพื่อส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรง และผลิตน้ำนมได้เพียงพอ เช่น อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ถั่ว นม ไข่ นมสด ผัก และผลไม้ทุกชนิด ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพิ่ม Ca Fe อาหารที่ควรงด ได้แก่ อาหารรสจัดของหมักดอง ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากสามารถผ่านทางน้ำนมได้
สามารถออกกำลังกายเบาๆ ด้วยท่ากายบริหารที่ง่าย และปลอดภัย
การมีเพศสัมพันธุ์ ควรงดจนกว่าจะได้รับการตรวจหลังงคลอด เมื่อครบ 6 สัปดาห์ ว่าไม่มีภาวะผิดปกติ เนื่องจากช่วงหลังคลอดใหม่ๆ ยังมีแผลในโพรงมดลูก และแผลฝีเย็บ ยังไม่ติดดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
2.การประเมินน้ำคาวปลา
Lochia rubra 1-3 วันแรก พบสีแดงเข้ม
Lochia serosa 4-9 วัน พบสีแดงจาง ชมพู
Lachia alba 10 วัน จะพบลักษณะเป็นมูก สีเหลือง
หากพบว่าน้ำคาวปลามีสีผิดปกติ หรือมีกลิ่นเหม็น ควรรีบมาพบแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดการติดเชิ้อ เรัยกว่า Foul lochia
3.การให้นมบุตร
ประโยชน์ของนมแม่ที่ลูกได้รับ
นมแม่มีสารอาหารครบถ้วนทำให้ลูกเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ตามวัย
นมแม่มีภูมิต้านทานโรค ทำให้ลูกป่วยยากขึ้น
ลดโอกาสท้อเงสีย ท้องอืด และท้องเฟ้อ
ประโยชน์ของการให้นมบุตร
ลดโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม
ลดน้ำหนักได้เร็ว ทำให้รูปร่างสมส่วน
ป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
สะดวกต่อแม่ ให้นมลูกเวลาใดก็ได้
หลัก 4 ด
ด.ดูดเร็ว คือ ให้ลูกดูดนมแม่ภายใน 1 ชั่วโใมงหลังคลอด เพื่อเป็นการกระตุ้นน้ำนมแม่ และฝึกให้ลูกดูดนมแม่
ด.ดูดบ่อย คือ เมื่อลูกหิวให้ดูดเลย เพื่อเป็นการกระตุ้นน้ำนมแม่ให้มามากขึ้น แต่ถ้าลฟุกหลับก็ต้อกปลุกมากินนมทุกๆ 2 ชม.
ด.ดูดถูกวิธี คือการดูดนมโดยที่ปากลูกจะต้องอ้ากว้าง เพื่องับนมแม่ถึงลานนม คางแนบเนินเต้านมแม่ จมูกชิดหรือติดกับเต้านมแม่ ปากบาและล้่งเผยออกมา
ด.ดูดเกลี้ยงเต้า คือให้ลูกดูดนมแม่มห้นานและเกลี้ยงเต้า เพราะนมแม่ส่วนหลังจะมีพลังงานมาก ทำให้ลูกน้ำหนักขึ้น ช่วยนการพัฒนาด้านสมอง โดยสังเกตจาการคัดตึงเต้านม
4.ท่าอุ้มให้นมลูก
ท่าลูกนอนขวางบนตัก (Cradle hold) เหมาะสำหรับแม่ที่คลอด Normal labor
ท่านอนขวางบนตักประยุกต์ (Corss-cradle hold) เหมาะสำหรับทารกที่ตัวเล็ก ที่มีปัญหาในการดูดนม เช่นดูดไม่ถึง ดูดไม่ได้ ไม่เข้าเต้า
ท่าอุ้มฟุตบอล (Football hold) คือ ใช้สำหรับคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอด ทารกตัวเล็ก มีปัญหาในการเข้าเต้า แม่หน้าอกใหญ่ หัวนมแบน บอด บุ๋ม และใช้ในแม่ที่บลูกแผด
ท่าเอนตัว (Laid-back hold) เป็นท่าี่ป้องกันการสำลักได้ดี รู้สึกสบายทั้งแม่และลูก g
ท่านอน (Side lying position) เหมาะสมหรับแม่ที่ผ่าตัดคลอด ต้องพักผ่อน หรือนั่งลำบาก
ท่าตั้งตรง (Upright or standing baby) ใช้สำหรับเด็กที่มีปัญหาปากแหว่ง ช่วยให้ทารกดูดนมได้ดีขึ้น
4.อาการผิดปกติที่ควรมาตรวจก่อนถึงวันนัด
ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
มีไข้
มีเลือดออกสดๆออกทางช่องคลอด
น้ำคาวปลาสีแดงไม่จางลง เป็นหนอง มีสีเขียว กลิ่นเหม็น
เต้านมอักเสบ บวม แดง ร้อน กดเจ็บ
หลังคลอด 2 สัปดาห์ คลำพบก้อนได้ทางหน้าท้อง
ถ่ายปัสสาวะบ่อย แสบขัดเวลาปัสสาวะ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อที่ 1 เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอด
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน OD : มารดามีแผลฝีเย็บ tear ระดับ 2 เสียเลือขณะคลอด 200 ml. มีbleeding per vagina 250 ml. in 8 hr.
เกณฑ์การประเมินผล
1.สัญญาณชีพปกติ BT 36.5-37.4 องศาเซลเซียส(ใน 24 ชม.แรก อาจสูงถึง 38 องศาเซลเซียส ได้ Reactionary fever) PR 60-100 ครั้ง/นาที RR 12-22 ครั้ง/นาที BP 90-120/60-80 mmHg.
2.มดลูกหดรัดตัวดี กลมแข็งระดับสะดือ
3.ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอดลดลง ไม่เกิน 500 ml. ใน 24 ชม. ไม่พบลิ่มเลือดหรือก้อนเลือดขนาดใหญ่
4.ผล Lab CBC อยู่ในเกณฑ์ปกติ
5.ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด เช่น ซีด อ่อนเพลีย น้ำนมไม่ไหล กระสับกระส่าย ใจสั่น ตัวเย็น หน้ามืด เหงื่อออกมาก
6.ไม่พบอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชม. โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย
2.สังเกตและตรวจการหดรัดตัวของมดลูก โดยคลึงหน้าท้องบริเวณยอดมดลูก ทุก 2-4 ชม. ในระยะ 24 ชม. แรกหลังคลอด คลึงอย่างนุ่มนวล เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวดีเป็นระยะ ๆ เส้นเลือดที่ส่วนปลายปิด ลดการเสียเลือด ถ้าตวจพบระดับยอดมดลูกสูงกว่าปกติ อาจมาจากกระเพาะปัสสาวะเต็ม ต้องดูแลให้ถ่ายปัสสาวะทุก 4 ชม. ถ้าพบว่ามดลูกหดรัดตัวไม่ดี ให้ใช้มือคลึงบริเวณยอดมดลูก เพื่อให้มดลูกหดรัดตัวดีขึ้น
3.สังเกตและปริมาณการเสียเลือดเพิ่มภายหลังคลอด โดยตรวจจปริมาณและลักษณะเลือดที่ออกทางช่องคลอดออกมามากกว่าปกติ บันทึกปริมาณการเสียเลือด ใน 24 ชม.แรก ไม่เกิน 500 มล. ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชม.สังเกตลักษณะแผลฝีเย็บว่ามีเลือดซึมหรือมีก้อนเลือดใต้ผิวหนัง
4.ประเมินและบันทึกการถ่ายปัสสาวะ ต้องให้มารดาปัสสาวะเองทุก 6-8 ชม. หลังคลอด หลังจากนั้นให้ปัสสาวะทุก 3-4 ชม. ใน24 ชม.หลังคลอด เพื่อป้องกันภาวะ bladder full รวมทั้งประเมินภาวะขาดน้ำจากการเสียเลือด
5.ประเมินและสังเกตอาการที่ผิดปกติที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการตกเลือดหลังคลอด เช่น มารดาอ่อนเพลียมากขึ้น ซีด กระสับกระส่าย เวียนศีรษะ ใจสั่น ตัวเย็น มีเลือดออกหรือปวดแผลฝีเย็บ
6.ดูแลให้มารดาพักผ่อนอยู่บนเตียง ลดการใช้พลังงาน ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ ถ้ามีเลือดออกมากให้นอนศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดสามารถไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ เพืื่อป้องกันสมองขาดเลือด
7.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ CBC โดยเฉพาะ Hct เพื่อประเมินภาวะซีด
การประเมินผล
1.V/S ปกติ วันที่ 15/11/2563 เวลา 10.00 น. BT 36.9 องศาเซลเซียส PR 66 ครั้ง/นาที RR 18 ครั้ง/นาที BP 120/70 mmHg.
2.มดลูกหดรัดหัวดี คลำได้ก้อนกลมแข็ง ระดับยอดมดลูก 4 นิ้้ว
3.มีเลือดออกทางช่องคลอดชุ่มผ้าอนามัยไม่เกิน 1 ผืน/ชม.
4.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ CBC
5.ไม่มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีอาการกระสับกระส่่าย
6.มารดาไม่มีอาการขาดน้ำ
ข้อที่ 2 มารดามีภาวะไม่สุขสบายจาการปวดแผลฝีเย็บและแผลที่โพรงมดลูกหลังคลอด
วัตถุประสงค์ เพือบรรเทาความปวดและมารดามีความสุขสบายมากขึ้น
ข้อมูลสนับสนุน SD : มารดาบอกว่า "ปวดแผลฝีเย็บ" OD : pain score ที่มดลูก 4 คะแนน แผลฝีเย็บ 4 คะแนน มารดาลุกนั่งลำบาก สีหน้าแสดงความเจ็บปวด มราดามีแผลฝีเย็บ ระดับ 2
เกณฑ์ประเมินผล
1.pain score ลดลง
2.สีหน้าสดชื่น ไม่แสดงความเจ็บปวด
เคลื่อนไหวร่างกาย ลุกนั่งสะดวก
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการปวด โดยสอบถามที่มดลูกและแผลฝีเย็บ และสังเกตแผลฝีเย็บ ว่ามีบวม แดง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนการติดเชื้อที่แผล
2.อธิบายให้มารดาหลังคลอดเข้าใจอาการปวดที่มดลูกและแผลฝีเย็บจะเกิดกับมารดาหลังที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติทุกราย เนื่องจากมีการหดรัดตัวมดลูกเพื่อเข้าอุ้งเชิงกราน
3.จัดท่าให้สุขสบาย จัดท่านอนศีรษะสูง ชันเข่า เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อน ลดการดึงรั้งของแผล ช่วยให้อาการปวดลดลง พร้อมทั้งสอนท่าให้นมบุตรที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมให้มารดาสุขสบายขณะให้นมบุตร
4.ช่วยเหลือกิจกรรมบางอย่างมี่มารดาหลังคลอดไม่สามารถทำได้
5.ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ เพื่อลดการติดเชื้อ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ส่งเสริมให้เกิดความสุขสบายมากขึ้น
6.ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาปวด Paracetamal 500 mg. 1 เม็ดเมื่อมีอาการปวด ทำให้เกิดความสุขสบายมากขึ้น
7.แนะนำให้มารดาออกกำลังกาย Kegel's exercise เพื่อส่งเสริมให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง ลดการตึงของแผล และลดการปวดแผลฝีเย็บ
8.แนะนำให้มารดาลุกนั่งให้ถูกวิธี ใช้มือประคองค่อยๆลุก โดยใช้แขนยันไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย
9.ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล พูดคุยให้กำลังใจ เพื่อให้มารดาผ่อนคลาย และบรรเทาความปวด
การประเมินผล
1.pain score 0 คะแนน
2.สีหน้าสดชื่น
3.มารดาลุกนั่งไม่บ่นปวด
ข้อที่ 3 เสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังคลอด เนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูกและแผลฝีเย็บ
วัตุประสงค์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อที่มดลูกและแผลฝีเย็บ
ข้อมูลสนับสนุน OD : มารดามีแผลจากการคลอดบุตรที่โพรงมดลูกแผลฝีเย็บ tear ระดับ 2 มีเลือดสีแดงสดไหลออกจากห้องคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
1.มดลูกหดรัดตัวดี
2.สัญญาณชีพปกติ BT 36.5-37.4 องศาเซลเซียส(ใน 24 ชม.แรก อาจสูงถึง 38 องศาเซลเซียส ได้ Reactionary fever) PR 60-100 ครั้ง/นาที RR 12-22 ครั้ง/นาที BP 90-120/60-80 mmHg.
3.น้ำคาวปลาไม่มีความผิดปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
1.ล้างมือให้สะอาดและ๔กวิธี ก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง ให้การพยาบาลโดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ
2.ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชม. โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย
3.ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์อย่างน้อยทุก 3-4 ชม. และทุกครั้งหลังถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ และเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชม. หรือผ้าอนามัยชุ่มเต็มแผ่น
4.ประเมินและสังเกตแผลฝีเย็บทุกวัน ถ้ามีอาการอักเสบ บวม แดง มีหนองไหล อาจเกิดการติดเชื้อ ต้องรายงานแพทย์
5.ประเมินและสังเกต สี ลักษณะ กลิ่นของน้ำคาวปลา ถ้ามีความผิดปกติของสีหรือกลิ่น ให้รายงานแพทย์
6.ตรวจวัดระดับยอดมดลูกทุกวัน ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเพื่อประเมินการลดลงของระดับยอดมดลูก และการติดเชื้อที่โพรงมดลูกได้ ก่อนตรวจให้มารดาปัสสาวะให้เรียบร้อย
7.ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย สุขลักษณะ ความสะอาดของเสื้อผ้า ผเาปูเตียงผ้าห่ม รวมทั้งอุปกรณ์ของใช้ ให้สะอาด เพื่อลดการติดเชื้อ
8.ประเมินการคั่งของปัสสาวะ ถ้ามีอาการแสบขัดเมื่อปัสสาวะ ถ่ายปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะไม่อยู่ให้รายงานแพทย์
9.ดูแลแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยในการส่งเสริมการหายของแผล
การประเมินผล
1.มดลูกหดรัดตัวดี คลำได้ก้อนกลมแข็ง
2.ระดับยอดมดลูก 4 นิ้ว
3.V/S ปกติ วันที่ 15/11/2563 เวลา 10.00 น. BT 36.9 องศาเซลเซียส PR 66 ครั้ง/นาที RR 18 ครั้ง/นาที BP 120/70 mmHg.
4.น้ำคาวปลาสีแดงจาง ไม่มีกลิ่นเหม็น
13 B
1.Background
มารดาหลังคลอด เตียง 12 มภร 15/2 อายุ 28 ปี ศาสนาพุุทธ จบการศึกษา ม.3
อาชีพแม่บ้าน ไม่มีรายได้ ไม่มีโรคประจำตัว ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่มีประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
รับไว้ในโรงพยาบาล 14/11/2563 Dx.G2P1 GA 40+5 wks by date ไม่ทำหมัน มาด้วยอาการมีน้ำเดิน 1 ชม.ก่อนมารพ. เวลา 1.00 น. blood loss 200 ml. 2 degree tear
Normal labor 14/11/2563 เวลา 13.38 น. เพศหญิง 3520 กรัม apgar score ที่ 1 นาที 9 คะแนน
Present history
G1 (2559) N/L 2620 กรัม รพ.ตร. ตัวเหลือง ส่องไฟ 2 วัน ปัจจุบันอายุ 4 ปี สุขภาพแข็งแร
ดี
Present illness
1 ชม.ก่อนมาโรงพยาบาล มีน้ำเดิน เวลา 1.00น. เจ็บครรภ์ทุก 5 นาที นานครั้งละ 30 วินาที มีมูกเลือด ลูกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน ไม่มีไข้ ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ไม่มีปวดหัว ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีเท้าบวม
Chief complaint
มีน้ำเดิน 1 ชม. ก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการตั้งครรภ์
G2P1 ฝากครรภ์ที่ รพ.ตร. ANC ครั้งแรกตอนอายุครรภ์ 13+2 wks ANC ทั้งหมด 11 ครั้ง
การคุมกำเนิด
ก่อนการตั้งครรภ์รับประทานยาคุมกำเนินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ไมมีผลข้างเคียง หลังตั้งครรภ์จะคุมกำเนิดแบบเดิม
2.Belief
มารดาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ รับประทานอาหารและยาได้เอง
สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ด้วยตนเอง และสามารถให้นมบุตรได้ถูกวิธี
หลังคลอดบุตรจะอยู่ไฟเพราะเชื่อว่าจะทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็ว
3.Body condition
Day 0 : รับย้ายจาก LR ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี V/S ปกติ แรกรับไม่ซีด ไม่เวียนศรีษะ เต้านมปกติ น้ำนมไม่ไหล มดลูกหดรัดตัวดี แผลฝีเย็บไม่บวม pain score 1 คะแนน void ได้ ไม่มีไข้ ไม่มีหนาวสั่น
Day 1 : ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี สีหน้าสดชื่น V/S ปกติ pain score 0 คะแนน บุตรดูนมได้ดี เข้าเต้าถูกวิธี เต้านมไม่คดตึง
Day 2 : ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี สีหย้าสดชื่น V/S ปกติ pain score 0 คะแนน บุตรดูดนมได้ดี เข้าเต้าถูกวิธี เต้านมไม่คัดตึง
4.Body temperature and blood pressure
Day 0 : T 37.8 C PR 98 RR 18 BP 101/57 mmHg pain score 0 O2 sat 98%
Day 1: T 36.1 C PR 86 RR 18 BP 120/70 mmHg
pain score 0
Day 2 : T 36.3 C PR 78 RR 18 BP 120/70
pain score 0
5.Breast & lactation
ลักษณะเต้านม สมมาตรกันทั้ง 2 ข้าง หัวนมไม่บอดบุ๋ม เต้านมและลานนมไม่แข็ง
Day 0 : น้ำนมยังไม่ไหล จึงแนะนำเกี่ยวกับการนวดเต้า และสอนการเข้าเต้าอย่างถูกวิธี
Day 1 : น้ำนมเริ่มไหล บุตรดูดนมได้ดี เข้าเต้าได้ถูกวิธี
Day 2 : น้ำนมไหลมากขึ้น บุตรดูดนมได้ดี เข้าเต้าถูกวิธี
6.Belly & fundus
มดลูกหดรัดตัวดี กลมแข็ง ระดับยอดมดลูก 4 นิ้ว ปวดมดลูกเมื่อลูกดูดนม
7.Bladder
ปัสสาวะได้เอง วันละ 3 ครั้ง ไม่อุจจาระ ไม่มีปัญหาท้องผูก
8.Bleeding & lochia
Day 0 : น้ำคาวปลาสีแดง ไม่มีกลิ่น เปลี่ยน pad 4 ชิ้น
Day 1 : น้ำคาวปลาสีแดงจางลงจากวันแรก เปลี่ยน pad 4 ชิ้น
Day 2 : น้ำคาวปลาสีจางลง เปลี่ยน pad 3 ชิ้น
9.Bottom
แผลฝีเย็บปกติดี ไม่แดง ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่มีเลือดซึมหนองไหล แผลชิดสนิทกันดี ไมปวดแผลฝีเย็บ
10.Bowel movement
ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดี ไม่มีปัญหาท้องงผูก
11.Baby
ทารกเพศหญิง น้ำหนักแรกเกิด 3520 กรัม ส่วนสูง 53 ซม. apgar 9,10,10 ทารกไม่มีความผิดปกติ ศีรษะไม่มี caput succedaneum , cephalhematoma ไม่มี cleft lip cleft palate ไม่มี facial nerve plasy แขนขาปกติ หลังไม่มี spina bifida
12.Blues
มารดาสามารถปรับตัวเข้าหาทารกได้ สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ สนใจทารกดี ไม่มีความเครียดและความกังวล
13.Bonding & attachment
มารดามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทารก สามีมาเยี่ยมทุกวันและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทารก บุตรคนแรกมีปฏิสัมพันธ์ดี ให้นมบุตรทุก 2-3 ชม.
พยาธิสภาพ
1.ด้านร่างกาย
เต้านม
มารดาจะมีการสร้างน้ำนม โดยฮอร์โมน Prolactin ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ แต่ถูกกดไว้โดยฮอร์โมน Progesterone และ Estrogen เมื่อทารกคลอดฮอร์โมนดังกล่าวจะลดลง และมีฮอร์โมน Oxytocin ช่วยในการหลั่งของน้ำนม ทำให้มารดาหลังคลอดมีน้ำนมไหล
ชนิดของน้ำนม
1.Colostums 1-5 วันหลังคลอด มีสีเหลือง มีโปรตีนมาก มีภูมิคุ้มกัน IgA
2.Trasitional 7-10 วัน จนถึง 2 สัปดาห์ เป็นน้ำนมระยะปรับเปลี่ยน มีภูมิคุ้มกัน มีน้ำตาล ไขมัน วิตามินละลายในน้ำเพิ่มขึ้น
3.Mature milk น้ำนมแท้ สีขาว พบ 2 สัปดาห์หลังคลอด มีปริมาณมากที่สุด มีโปรตีน ไขมัน น้ำตาล วิตามิน และเกลือแร่
การประเมินแม่
Day 0 : น้ำนมยังไม่ไหล
Day 1 : น้ำนมเริ่มไหล ทารกสามารถดูดได้ อมลึกถึงลานนม
Day 2 : น้ำนมไหลดี ทารกอมได้ถึงลานนนม มารดาไม่มีเจ็บหัวนม หัวนมไม่แตก
มดลูก
หลังคลอด ลจะพบมดลูกกลมแข็ง ลอยเหนือสะดือทางด้านขวา หลังจากนั้นระดับยอดมดลูกจะลดต่ำลงมา วันละ 0.5- 1 นิ้ว โดย 10 วันหลังคลอด จะอยู่บริเวณหัวหน่าว ปละ2 สัปดาห์หลังคลอดจะคลำมดลูกไม่พบ
การประเมินแม่
Day 0 : ระดับยอดมดลูก 5 นิ้ว
Day 1 : ระดับยอดมดลูก 4 นิ้ว
Day 2 : ระดับยอดมดลูก 3.5 นิ้ว
น้ำคาวปลา
ชนิดของน้ำคาวปลา
1.Lochia rubra 1-3 วันหลังคลอด มีสีแดงเข้ม
2.Lochia serosa 4-9 วันหลังคลอด จะมีสีแดงจางลง หรือสีชมพู
3.Lochia alba 10วันหลังคลอด จะเป็นมูกสีเหลือง
หากน้ำคาวปลามีสีผิดปกติ หรือมีกลิ่นเหม็น ควรรีบมาพบแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดการติดเชือ
การประเมินแม่
Day 0 : มีน้ำคาวปลาสีแดงเข้ม
Day 1 : น้ำคาวปลาสีแดงเข้มแต่จางลงกว่าวันแรก
Day 2 : น้ำคาวปลาสีแดงจางลง
ปากมดลูก
หลังคลอดปากมดลูกจะนุ่มบาง ช่องคลอดกว้างขึ้น อ่อนนุ่ม มีรอยย่น
แนะนำมารดาให้ทำ Kegel's excercise เพื่อบริหารช่องคลอด
ต่อมไร้ท่อ
ฮอร์โมนจะกลับมาเป็นปกติใน 12 สัปดาห์ FHS และ LH จากpituitary gland จะหลั่งเมื่อ 6-7 สัปดาห์ หลังคลอด จะทำให้มีประจำเดือน แต่ในรายมี่ให้นมบุตร อาจจะมีประจำเดือนประมาณ 9 เดือนหลังคลอด
2.ด้านจิตใจ
ระยะที่ 1 Takingin phase 1-2 วันหลังคลอด
มารดาอ่อนเพลีย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม หลับมาก แนะนำให้พักผ่อน ช่วยเหลือกิจกรรมบนเตียง
ระยะที่ 2 Takinghold phase 3-10 วันหลังคลอด
มารดาหายอ่อนเพลีย ช่วยเหลือตนเองได้สนใจทารกมากขึ้น แนะการดูแลตัวเองและบุตร
ระยะที่ 3 Letting go phase 10 วันหลังคลอด
รับผิดชอบต่อบทบามตัวเองอย่างเต็มที่ ปรับความสัมพันธ์ระหว่างมารดาแลัสามี และสมาชิกในครอบครัว สามีภรรยาต้องพึ่งพาช่วยเหลือกัน