Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติ : จากภาครัฐสู่ชุมชน - Coggle Diagram
แนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติ : จากภาครัฐสู่ชุมชน
ความหมายของภัยพิบัติ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด อย่างเฉียบพลัน
เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อชุมชนสังคมเกิดความสูญเสียต่อ
ทรัพย์สิน
เศรษฐกิจ
บุคคล
สิ่งแวดล้อม
ประเภทของภัยพิบัติตามลักษณะการเกิดออกเป็น 2 ประเภท
ประเภทที่1 ภัยพิบัติจากธรรมชาติ
ประเภทที่ 2 ภัยพิบัติที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
แนวทางการบริหารและจัดการภัยพิบัติ
การช่วยเหลือประชาชน ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ มีหน่วยงานภาครัฐ ที่สร้างความร่วมมือและสร้างเครือข่ายใน 3 ระดับ ซึ่งได้แก่ สร้างความร่วมมือในระดับชุมชน ระดับเครือช่าย และระดับหน่วยงาน
เพื่อที่จะทำงานร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐ
เพื่อที่จะลดความเสี่ยงและการจัดการภาวะฉุกเฉฺิน
การจัดการภัยพิบัติของประเทศไทย
การนำแนวคิดหลักในการพัฒนาระบบป้องกัน
การเตรียมความพร้อม
การสร้างภูมิคุ้มกันโดยพัฒนาภูมิความรู้และเสริมสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน
แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบูรณาการการจัดการในภาวะฉุกเฉิน
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ที่1 การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
แนวหลักสากล คือ “รู้รับ-ปรับตัว-ฟื้นเร็วทั่ว-อย่างยั่งยืน”
การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
การจัดการในภาวะฉุกเฉิน ได้แก่ การเผชิญเหตุและการบรรเทาทุกข์
การฟื้นฟู คือ ฟื้นสภาพและการซ่อมสร้าง
การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ได้แก่ ป้องกันและลดผลกระทบ และการเตรียมความพร้อม
มาตราการบริหารจัดการภัยพิบัติจากภาครัฐ ระดับจังหวัด และระดับชุมชน
ระยะระหว่างเกิดภัยพิบัติ
มาตราการในการจัดการภาวะฉุกเฉิน เป็นการเตียมการที่จำเป็นให้สามารถเผชิญ และจัดการภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว
การจัดระบบการแพทย์และการสาธารณสุข
การจัดการศพ
การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลผู้ประสบภัย
การจัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์
การสนธิกำลังเข้าช่วยเหลือและควบคุมสถานการณ์
การเชื่อมโยงระบบติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงาน
การจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจระดับจังหวัด
ระยะหลังจากเกิดภัยพิบัติ
บรรเทาทุกข์ขั้นต้นแก่ผู้ประสบภัยโดยเร็ว ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
การบูรณะสิ่งสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่เสียหาย
การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นที่เสียหาย
การฟื้นฟูด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง
การจัดสภาพแวดล้อมให้กลับคืนสู่สภาพปกติ
การฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้ประสบภัย
การรายงานและติดตามประเมินผล
การให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ผู้ประสบภัย
ระยะก่อนเกิดภัยพิบัติ
การเตรียมการเผชิญภัยพิบัติต่างๆ ไว้ล่วงหน้าก่อนเกิดภัยเป็นการลดความรุนแรงและลดความสูญเสียจากภัยพิบัติที่มีต่อประชาชนในพื้นที่ให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
การเตรียมปัจจัยสี่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
การเตรียมสนับสนุนด้านทรัพยากรและพลังงาน
การฝึกซ้อมแผน
การเตรียมบุคลากรและการเสริมสร้างความพร้อม
พัฒนาระบบสื่อสาร
พัฒนาระบบการพยากรณ์และการแจ้งเตือนภัย
จัดทำแผน
ระดับความรุนแรงของภัยพิบัติ แบ่งได้ ดังนี้
ความรุนแรงระดับ 1 ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วไปหรือมีขนาดเล็ก
ความรุนแรงระดับ 2 ภัยพิบัติขนาดกลาง ผู้อำนวยการในระดับ 1 ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ผู้อำนวยการจังหวัดเข้าควบคุมสถานการณ์
ความรุนแรงระดับ 3 ภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบรุนแรงกว้างขวาง หรือภัยพิบัติที่จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรืออุปกรณ์พิเศษ เป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เสียหายเป็นบริเวณกว้างขวางหรือสถานการณ์ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
หลักการปฏิบัติและแนวทางการปฏิบัติในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับหน่วยทหาร
หลักการปฏิบัติ
กองอำนวยการปฏิบัติในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
แนวทางปฏิบัติ
การดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกับหน่วยทหาร จัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่างจังหวัดกับมณฑลทหารบก/จังหวัดทหารบก เกิดเหตุสาธารณภัยขึ้นให้ดำเนินการเป็นไปตามบันทึกข้อตกลงที่ทำขึ้น เมื่อมีการประกาศกฎอัยการศึก หรือประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน