Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Pt.เตียง 3 G1P0 Severe Pre-eclampsia นศพต.พัชรี เชนรัมย์ เลขที่ 43 -…
Pt.เตียง 3
G1P0
Severe Pre-eclampsia
นศพต.พัชรี เชนรัมย์ เลขที่ 43
การประเมินตามหลัก 13 B
Bladder
Day 0 : Retain Foley catheter ปัสสาวะ flow ดี สีเหลืองใส ไม่มีตะกอน urine 1800 ml
Day 1 : หลัง off foley ผู้ป่วย void ได้ปกติ ไม่มีแสบขัด
Bleeding and Lochia
Day 0 : Blood loss 200 ml Bleeding per vagina 20 ml น้ำคาวปลาสีแดง ไม่มีกลิ่นเหม็น
Day 1 : น้ำคาวปลาสีแดงจางลง ไม่มีกลิ่นเหม็น ประมาณ 30 ml.
: Bell and Fundus
มดลูกหดตัดตัวดี คลำพบก้อนกลมแข็งชัดเจน ระดับยอดมดลูก 4 นิ้ว
Bottom
ประเมินแผลฝีเย็บ ตามหลัก REEDA
Redness : แผลไม่มี
Edema : แผลบวมเล็กน้อย
Echymosis : แผลไม่ช้ำ
Discharge : แผลไม่มี bleed ซึม
Appoximation : แผลไม่แยก เย็บเสมอกัน
Breast and lactation
ลักษณะเต้านมสมมาตรกันทั้ง 2 ข้าง ไม่บอด ไม่บุ๋ม ไม่มีหัวนมสั้น
Day 0 : น้ำนมยังไม่ไหล ไม่มีตึงเต้านม
Day 1 : น้ำนมยังไม่ไหล มีตึงเต้านมเล็กน้อย ไม่เจ็บเต้านม
Day 2 : น้ำนมไหล 2+ ลูกดูดนมได้ดี เข้าเต้าได้ถูกต้อง อมถึงลานนม
Bowel movement
มารดาไม่มีท้องอืด เริ่มขับถ่าย Day 1 วันละ 1 ครั้ง
3.Body temperature and blood pressure
ก่อนหลอดบุตร : BT 36.4 °C BP 122/83 mmHg. เวลา 12.45 น.
หลังคลอดบุตร : BT 37.6 °C BP 131/71 > 143/96 > 149/92 > 158/94 mmHg.
ก่อนได้รับ MgSO4 : BP 137/84 mmHg. หายใจปกติ 18 ครั้ง/นาที
ระหว่างให้ MgSO4 : BP 89-123/54-79 mmHg. หายใจปกติ 18 ครั้ง/นาที
หลังได้รับ MgSO4 : BP 115/60 mmHg. หายใจปกติ 18 ครั้ง/นาที
ปัจจุบัน : BT 36-36.7 °C Pulse 62-108 ครั้ง/นาที RR 18 ครั้ง/นาที BP 93-111/56-83 mmHg. O2 sat 98-99%
Blues
Day 0 : มารดาอ่อนเพลียมาก หลับเป็นส่วนใหญ่
Day 1 : มารดาสนใจลูกมากขึ้น เลี้ยงดูลูกมากขึ้น
Body condition
Day 0 : รับย้ายมาจาก LR ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีอ่อนเพลีย เวียนศรีษะเล็กน้อย Pain score 2 คะแนน สามารถรับประทานอาหารและยาได้ retain foley catheter ปัสสาวะลักษณะปกติ สีเหลือง ใส ไม่มีตะกอน ไม่มีท้องอืด
Day 1 : ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาก ไม่มีเวียนศรีษะ ปวดแผลเล็กน้อย เต้านมตึงเล็กน้อย น้ำนมยังไม่ไหล
Day 2 ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาก ไม่มีเวียนศรีษะ ปวดแผลเล็กน้อย เต้านมตึงมากขึ้น น้ำนมไหลดีระดับ +2
Baby
ทารกเพศชาย หนัก 3190 g Apgar score 9,10,10 หายใจปกติ ร้องเสียงดังดี ดูดนมได้ดี
Bellef
ความเชื่อ
มารดาเลี้ยงดูบุตรเอง จะให้นมบุตรเอง เชื่อเรื่องทานอาหารเสริมอาหารสร้างน้ำนม ไม่อยู่ไฟ
Bonding and attachment
หลังคลอดบุตรครอบครัวมาเยี่ยมทุกวัน
คอยป้อนนมดูแลบุตรเป็นอย่างดี
Backgroud
ข้อมูลส่วนตัว
มารดาหลังคลอด เตียง 3 มภร.15/2 อายุ 25 ปี ศาสนา พุทธ จบการศึกษา ป.ตรี
ไม่ได้ประกอบอาชีพ ไม่มีรายได้
:red_cross: ปฏิเสธการเจ็บป่วย
:red_cross: ปฏิเสธการเจ็บป่วยในครอบครัว
:red_cross: ปฏิเสธการใช้สารเสพติด,การแพ้ยาและแพ้อาหาร
รับไว้ในรพ. 9/10/63
G1P0 GA 38+3 wk by U/S ไม่ทำหมัน
เวลาเจ็บครรภ์ 06.00 น.MA 21.1 น.
Normal labor 9 พ.ย. 63 เวลา 21.29 น เพศชาย 3190 g. Apgar 9,10,10
cord พันคอ 1 รอบ
Blood loss 200 ml. RML 2 degree tear
Present illness
1 day PTA เจ็บครรภ์ ท้องแข็ง ครั้งละ 3-5 นาที ทุก 5 นาที ไม่มีมูกเลือด ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีปัสสาวะแสบขัด ไม่มีท้องเสียถ่ายเหลว ลูกดิ้นดี
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
G1P0 ฝากครรภ์ที่รพ.ตร.
Total ANC 6 ครั้ง
ANC ครั้งแรก GA 26+3 wk by U/S
Seiology - all negative
TWG (42>55.4 kg.) เพิ่ม 13.4 kg. , BMI ก่อนการตั้งครรภ์ 17.07 kg/m2
มารดา Tharussemia trait (DCIP +).
สามี Hbtyping : suspected Hemozygus Hb E with alpha trait
พยาธิสรีระการเปลี่ยนแปลงของมารดาหลังคลอด
ระบบสืบพันธุ์
มดลูก Uterus
ลดลงประมาณ 0.5-1 นิ้ว/วัน
วันที่ 7 หลังคลอด จะอยู่กึ่งกลางระว่าง หัวหน่าวกับสะดือ
วันที่ 10 หลังคลอดจะอยู่ระดับหัวหน่าว
วันที่ 14 หลังคลอดจะคลำมดลูกไม่ได้แล้ว นน. 300 กรัม
6 wk. มดลูก นน. 50 กรัม เท่าก่อนตั้งครรภ์
เยื่อบุมดลูก Endometrial tissue
เยื่อบุบริเวณรกเกาะใช้เวลาหาย 6 wk.
เยื่อบุบริเวณที่ไม่มีรกเกาะใช้เวลาหาย 3 wk.
ปากมดลูก Cervix
ปากมดลูกที่ผ่านการคลอดแล้วจะไม่มีลักษณะกลม จะมีลักษณะเป็นวงรี
แผลฝีเย็บ Perineum
อาการเจ็บปวดแผลฝีเย็บหาย 1-2 wk.
แผลฝีเย็บหายใน 2-3 wk.
น้ำคาวปลา Lochia
Lochia rubra 1-3 วัน สีแดงมีกลิ่มคาวเลือด
Lochia serosa 4-9 วัน สีชมพูจางๆ
Lochia alba 10 วันขึ้นไป เ็นมูกสีเหลือง
Foul lochia คือ สีเหลืองเขียว มีกลิ่นเหม็น
ระบบต่อมไร้ท่อ
ลดต่ำลง
Estrogen
Progesterone
HCG,HPL
FHS และ LH จาก Pituitary gland จะหลั่งเมื่อ 6-7 wk.
หลังคลอดทำให้อาจมีประจำเดือนได้
Prolactin ในกระแสเลือดในระดับปกติถ้าดูดนมมารดา 1-3 ครั้ง/วัน
ถ้าดูดสม่ำเสมอ 6 ครั้ง/วัน จะสูงนานกว่า 1 ปี
แต่ถ้าไม่ดูดนมเลย จะลดต่ำลง 2 wk อยู่ในระดับปกติ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ปริมาณเลือดลดลง Pulse ช้า 60-70 ครั้ง/นาที
อาจเกิด Orthostatic Hypotension คือ ความดันต่ำในขณะเปลี่ยนท่า
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ต้องปัสสาวะได้ภายใน 6-8 ชม.หลังคลอด
แรงตึงตัวของกระเพาะปัสสาวะลดลง > ท่อปัสสาวะบาดเจ็บ > ปัสสาวะลำบาก > ปัสสาวะคั่งค้าง>100ml >>>ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
ระบบทางเดินอาหารและการเผาผลาญ
ท้องผูก
ผลของ progesterone ขณะตั้งครรภ์
สูญเสียน้ำ NPO,SSE
เจ็บแผลฝีเย็บ
จะถ่ายอุจจาระได้ปกติ วันที่ 2-3 หลังคลอด
Temp. สูง
Reactionary fever T ไม่เกิน 38 °C ใน 24 ชม. หลังคลอด
Milk fever ในช่วง 3-4 วัน
Temp. ต่ำ
Hypothermic reaction > Postpartum chill
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องลดลง
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กลับมาปกติใน 6 wk.
ระบบผิวหนัง
ผมร่วงเป็นหย่อมๆ Alopecia
พบ 4-20 wk. หลังคลอด
เกิดจาก Estrogen เพิ่มขณะการตั้งครรภ์ ทำให้ผมงอกช้า
2-3 วันหลังคลอด ผิวหนังกำจัดน้ำออกทางเหงื่อ
รอยดำที่ขาหนีบ รักแร้ ฝ้าที่หน้า ลานนม หัวนม linea nigra หายไปภายใน 6 wk.
Striae gravidarum เปลี่ยนเป็นสีเงิน คงอยู่ตลอดไป
Effective of retrogressive changes
อ่อนเพลียเนื่องจากสูญเสียพลังงาน
น้ำหนักลด หลังคลอดทันที 5-6 kg. >>> 1 wk. ลด 2-4 kg. >>> 6 wk. คงที่เท่าก่อนตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงจิตสังคม
ระยะพฤติกรรมพึ่งพา Taking-in phase
วันที่ 1-2 หลังคลอด
สนใจตนเองมากกว่าบุตร
ระยะพฤติกรรมระหว่างพึ่งพาและไม่พึ่งพา Taking-hold phase
วันที่ 3-10 หลังคลอด
หายอ่อนเพลีย สนใจบุตรมากขึ้น
ระยะพฤติกรรมพึ่งพาตนเอง Letting-go phase
หลังคลอด 10 วันไปแล้ว
รับผิดชอบบทบาทอย่างเต็มที่
Progressive changes
การมีประจำเดือน
ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมมารดา 7-9 wk. หลังคลอด
เลี้ยงลูกด้วยนมมารดา 9 เดือนหลังคลอด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ปัญหาที่ 1. มารดาเสี่ยงตกเลือดหลังคลอด
(Day 0)
ข้อมูลสนับสนุน
Blood loss ขณะคลอด 200 ml.
Bleeding per vagina 50 ml.
มารดามีแผลฝีเย็บ tear ระดับ 2
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ข้อมูลวันที่ 9/11/63 เวลา 13.57 น.)
Hb 9.4 g/dL
Hct 28.8 %
MCV 63.8 fL
MCH 20.8 pg
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
เกณฑ์การประเมิน
ปริมาณ Bleeding per vagina ลดลง 500 cc/24hr.
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
RR 12-22ครั้ง/นาที
PR 60-100ครั้ง/นาที
BP 90-120/60-80 mmHg.
มดลูกหดรัดตัวดี กลมแข็งอยู่ระดับสะดือ
ไม่มีอาการ หน้ามือ ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Hb 12.3-15.5 g/dL
Hct 36.8-46.6 %
MCV 79.9-97.6 fL
MCH 25.9-32.4 pg
กิจกรรมการพยาบาล
Record V/S ทุก 4 hr
สังเกตลักษณะ จำนวนเลือดที่ออกมาทางช่องคลอด เพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะตกเลือด
ประเมินแผลฝีเย็บว่ามีเลือดซึมออกมาหรือไม่
สังเกตระดับคสามรู้สึกตัวและอาการผิดปกติ เช่น หน้ามือ ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด เพื่อประเมินการตอบสนองของร่างกายต่อปริมาณเลือดที่ลดลงในระบบการไหลเวียนเลือด
5.คลึงมดลูกจนหดรัดตัวกลมแข็ง และกดไล่ก้อนเลือดที่อาจค้างอยู่ในมดลูก
ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง โดย Retain foley catheter เพื่อไม่ให้ขัดขวางกาารหดรัดตัวของมดลูก
ดูแลให้มารดาพักผ่อนบนเตียง เพื่อลดการใช้พลังงาน และระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ CBC Hb Hct MCV MCH ตามแผนการรักษา
การประเมินผล
ปริมาณ Bleeding per vagina 270 cc/24hr.
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
RR 18 ครั้ง/นาที
PR 62-84 ครั้ง/นาที
BP 99-149/65-92 mmHg.
มดลูกหดรัดตัวดี กลมแข็งอยู่ที่ 4 นิ้วเหนือหัวหน่าว
มีอาการเวียนศรีษะเล็กน้อย ไม่มีอาการ หน้ามือ ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (วันที่ 10/11/63 เวลา 00.05 น.)
Hb 11.0 g/dL
Hct 33.5 %
MCV 63.6 fL
MCH 20.9 pg
ปัญหาที่ 2. อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากภาวะ Severe-eclampsia
(Day 0)
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยบอกว่าวิงเวียนศรีษะเล็กน้อย
BP หลังคลอด 158/99 mmHg
อัตราการหายใจอยู้ในเกณฑืปกติ ไม่มีหายใจช้า.
ผลการตรวจ Urine protein 31.4 mg/dL (ค่าโปรตีนในปัสสาวะ 2+ )
ค่า Mg level อญุ่ในช่วง 1.6-2.6 mg/dL
วัตถุประสงค์
เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจาก Severe Pre-eclampsia
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยไม่มีอาการ ตาพร่ามัว ปวดศรีษะ จุกเสียดแน่นใต้ลิ้นปี่
ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ 90-120/60-80 mmHg.
ไม่พบโปรตีนในปัสสาวะ หรือพบน้อยกว่า 2+
กิจกรรมการพยาบาล
Record V/S ทุก 4 hr โดยเฉพาะค่า BP
สังเกตอาการแสดงนำของอาการชัก เช่น ตาพร่ามัว ปวดศรีษะ จุกเสียดแน่นใต้ลิ้นปี่ถ้าตรวจพบอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต้องรีบรางงานแพทย์
3.ดูแลให้พักผ่อนบนเตียงตลอดเวลา (Absolute bed rest) โดยปฏิบัติดังนี้
3.1 จัดสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศรอบข้างที่เอื้อต่อการพักผ่อน เช่น อุณหภูมิห้องแสงและเสียงไม่ให้รบกวนเพื่อให้สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ช่วยลดความดันโลหิตป้องกันการเกิดอาการชัก
3.2จัดหาสิ่งจำเป็นในกิจวัตรประจำวันให้อยู่ใกล้มือและปริมาณเพียงพอ เช่นแก้ว น้ำดื่ม กระดาษทิชชู เพื่อให้สามารถหยิบใช้ด้วยตนเองได้สะดวก
3.3 ดูแลความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พักผ่อนได้เต็มที่
3.4 ให้คำแนะนำและข้อความร่วมมือจากญาติในการเข้าเยี่ยม เพื่อลดการรบกวนเวลาพักผ่อน
3.5 วางแผนในการปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาลที่มีระบบ โดยปฏิบัติเท่าที่จำเป็นในระยะเวลาเดียวกัน เพื่อให้ได้พักผ่อนและลดการกระตุ้นจากการสัมผัส
ดูแลให้ได้รับยา 50% MgSO420gm. +5% D/W 460 ml. IV drip via infusion pump rate 50 ml./hr. (2 gm./hr.)
Record I/O
เตรียมยา 10% Calcium gluconat 10 gm
ติดตามผล Mg level ตามแผลการรักษาของแพทย์
การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการเวียนศรีษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นใต้ลิ้นปี่
อัตราการหายใจปกติ 18 ครั้ง/นาที
BP 99-137/65-84 mmHg
ตรวจโปรตีนในปัสสาวะ 2+
Magnesium 5.73 mg/dL (10/11/63)
ปัญหาข้อที่ 3. อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจาก MgSO4
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยได้รับ 50% MgSO4 20 gm. +5% D/W 460 ml. IV drip via infusion pump rate 50 ml/hr. (2 gm/hr)
ค่า Magnesium 5.08 mg/dL (10/11/63 เวลา 06.30 น.)
วัตถุประสงค์
เพื่อไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับ MgSO4
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยได้รับยาครบตามที่แพทย์ order
อัตราการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ มากกว่า 14 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ 90-120/60-80 mmHg.
ไม่มีอาการร้อนวูบวาบตามตัว อาการคลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่สะดวก
ปัสสาวะออก30 ml/hr สีเหลืองใสไม่มีตะกอน
Deep tendon reflex ปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
Record V/S ทุก 15 นาที 4 ครั้ง หลังจากนั้นทุก 1 hr โดยเฉพาะอัตราการหายใจ ควรไม่น้อยกว่า 14 ครั้ง/นาที
ประเมินผลข้างเคียงของยา เช่น อาการร้อนวูบวาบบริเวณที่ฉีด ร้อนวูบวาบตามตัว อาการคลื่นไส้ อาเจียน หายฝจไม่สะดวก
ประเมินปัสสาวะออกไม่น้อยกว่า 30 ml/hr เพราะยาจะถูกขับออกทางไต ถ้าไตทำงานผิดปกติทำให้เกิดการคั่งของยาในร่างกายได้
ประเมิน Deep tendon reflex
เตียมยา 10% Calcium gluconate 10 gm. ไว้ให้พร้อมฉีดเข้าหลอดเลือดดำช้าๆ ถ้าพบอาการหายใจและการทำงานของหัวใจถูกกดจาก MgSO4 เพราะเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อลาย
6.เตรียมอุปกรณ์ฟื้นคืนชีพให้พร้อม เพื่อช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อมีอาการชัก
การประเมินผล
ผู้ป่วยได้รับยาครบ 24 ชม. ตามที่แพทย์ได้ order ไว้
อัตราการหายใจระหว่างให้ยา 18 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิตระหว่าง 99-137/65-84 mmHg.
ระหว่างที่ให้ไม่มีอาการร้อนวูบวาบตามตัว ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หายใจสะดวกดี
ปัสสาวะออก 1800 ml
Deep tendon reflex ปกติ
ปัญหาที่ 4. มารดาเสี่ยงติดเชื้อหลังคลอด
(Day 1)
ข้อมูลสนับสนุน
มารดามีแผลฝีเย็บ tear ระดับ 2
มารดามีแผลที่โพรงมดลูก
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อที่แผลฝีเย็บและโพรงมมดลูก
เกณฑ์การประเมิน
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
มดลูกหดรัดตัวดี
ไม่มีหนองซึมที่แผลฝีเย็บ
น้ำคาวปลาไม่มีสีเหลือง เขียว ไม่มีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมการพยาบาล
ล้างมือก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
Record V/S ทุก 4 hr
ดูแลทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์อย่างน้อยทุก 3-4 hr และทุกครั้งหลังขับถ่าย ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ถูย้อนไปมา เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก2-3 ชม. หรือเมื่อรู้สึกชุ่ม
ประเมินและสังเกตลักษณะแผลฝีเย็บทุกวัน หากมีความผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน มีหนองต้องรายงานแทพย์ให้ทราบ
ประเมินน้ำคาวปลา สี กลิ่น หากพบมีสีเหลืองเขียว มีกลิ่นเหม็น ให้แจ้งแพทย์ให้ทราบ
6.ตรวจวัดระดับยอดมดลูกทุกวัน เพื่อประเมินการลดระดับของยอดมดลูก
7.ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย สุขลักษณะ จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด
ประเมินการคั่งของปัสสาวะ ถ้ามีอาการเจ็บแสบขัดหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ให้รีบแจ้งแพทย์
ดูแลแนะนำให้ได้รับอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ ธัญพืช ช่วยซ่อมแซมและส่งเสริมการหายของแผล
การประเมินผล
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
มดลูกหดรัดตัวได้ดี
แผลฝีเย็บบวมเล็กน้อย ไม่มีหนองซึม
น้ำคาวปลาสีแดงจางๆ ไม่มีกลิ่นเหม็น
คำแนะนำก่อนกลับบ้าน
การรับประทานอาหาร
แนะนำให้รับประทานครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีนพวกเนื้อ นม ไข่ เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้กลับสู่สภาพปกติได้เร็วขึ้น เน้นสมุนไพรขับน้ำนม เช่น หัวปลี น้ำขิง กะเพรา เป็นต้น เน้นอาหารที่เสริมธาตุเหล็ก เนื่องจากมารดาเป็นพาหะของ Tharussemia อาหารเช่น ตับ เลือด ผักใบเขียว ธัญพืช ถั่ว และทานควบคู่กับอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม มะละกอ จะช่วยในการดูดซึมได้ดีขึ้น ความเลี่ยง อาหารรสจัด หมักดอง ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ บุหรี่ เป็นต้น ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
การพักผ่อนและการนอนหลับ
8-10 ชม./วัน
ไม่เครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส
การดูแลแผลฝีเย็บ
ล้างทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด จากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ถูไปมา ไม่ต้องล้วง เพราะเสี่ยงติดเชื้อ
เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชม. ประเมินลักษณะของแผลฝีเย็บ ถ้ามีปวด บวม แดง ร้อน มีหนอง หรือแผลแยกแผลเปิด ให้มาพบแพทย์ทันที
การประเมินน้ำคาวปลา
ในช่วง 1-3 วันแรก มีสีแดง
4-9 วัน เริ่มมีสีชมพูจางๆ ปริมาณน้อยลง
10 วันขึ้นไป สีเหลือง
ถ้ามีสีเหลือง เขียว กลิ่นเหม็น ให้รีบพบแพทย์ทันที
การคลึงมดลูกให้กล้ามเนื้อกลมแข็ง
ปกติจะลดลง 0.5-1 นิ้ว/วัน
หาก 2 สัปดาห์ยังคลำได้ให้มาพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีการติดเชื้อที่มดลูกหรือมีภาวะมดลูกเข้าอู่ช้าได้
การยกของหนัก
อาจจะทำให้มดลูกเข้าอู่ช้า และเสี่ยงมดลูกหย่อนได้
ควรเลี่ยงการยกของหนัก 6 wk หลังคลอด
การออกกำลังกาย
Kegel's exercise คือการขมิบช่องคลอด 300-500 ครั้ง/วัน ช่วยให้ช่องคลอดกลับสู่สภาพปกติได้เร็วขึ้น
ควรงดมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 wk แรก
การมีประจำเดือน
เลี้ยงลูกด้วยมแม่ จะมาประมาณ 9 เดือน
ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะมาประมาณ 7-9 wk
การให้นมบุตรอย่างถูกวิธี
ดูดเร็ว ดูดบ่อย ทุก 2-3 ชม. หรือลูกร้องหิวนม ดูดให้เกลี้ยงเต้า ดูดถูกวิธี อมให้ถึงลานนม ให้นมอย่างเดียว 6 เดือน หลังจากนั้นเริ่มให้อาหารเสริมควบคู่
การดูแลบุตรอาบน้ำ การทำความสะอาดสะดือบุตร การเช็ดตาทำความสะอาด
เน้นย้ำให้มารดามาตามนัด หลัง 6 wk เพื่อเป็นการประเมินการกลับสู่สภาพปกติของร่างกาย และจะได้รับวัคซีนบาดทะยักเข็มที่ 3 ด้วย
การมาตามนัดของบุตร เพื่อให้ได้รับวัคซีนให้ครบและประเมินพัฒนาการของบุตร
อาการความผิดปกติของมารดาที่ควรมาพบแพทย์ทันที
แผลฝีเย็บ ปวด บวม แดง ร้อน มีหนองซึม แผลแยก
น้ำคาวปลาสีเหลืองเขียว กลิ่นเหม็น
ตาพร่ามัว ปวดศรีษะ จุกแน่นลิ้นปี่
เมื่อมีอาการเหล่านี้ควรรีบมาพบแพทย์ทันที
อาการความผิดปกติของบุตรที่ควรมาพบแพทย์ทันที
ตัวเหลือง
กินนม ร้อง หายใจหอบ แล้วตัวเขียว
มีไข้ ซึม ร้องไห้ ไม่ดูดนม
อาเจียนพุ่ง ท้องอืด + ท้องผูก
สะดือมีหนอง กลิ่นเหม็น เลือดออก
การคุมกำเนิด
ชนิดกิน เป็นฮอร์โมนเดี่ยว ไม่มีผลต่อน้ำนม
ชนิดฉีด คุมได้ 3 เดือน เป็นฮอร์โมนเดี่ยว ไม่มีผลต่อน้ำนม
ชนิดฝั่ง 1 หลอดได้ 3 ปี 2 หลอดได้ 5 ปี ไม่มีผลต่อน้ำนม