Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปงานประวัติการศึกษาไทย - Coggle Diagram
สรุปงานประวัติการศึกษาไทย
การปฏิรูปการศึกษาไทยในสมัยราชกาลที่ 5
พ.ศ. 2424 ปรับปรุงโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบให้เป็นโรงเรียนนายทหารมหาดเล็ก ต่อมาได้กลายเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2427 กำหนดหลักสูตรชั้นประโยคหนึ่ง โดยอนุโลมตามแบบเรียนหลวงหกเล่ม นับเป็นปีแรกที่จัดให้มีการสอบไล่วิชาสามัญ และมีการกำหนดหลักสูตรชั้นประโยคสอง ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เกี่ยวกับวิชาสามัญศึกษา หมายถึง ความรู้ต่าง ๆ ที่ต้องการใช้สำหรับเสมียนในราชการพลเรือนตามกระทรวงต่าง ๆ จัดตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรขึ้นตามวัดในกรุงเทพมหานครหลายแห่ง และแห่งแรก คือ โรงเรียนมหรรณพาราม
พ.ศ. 2430 ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งกรมศึกษาธิการโดนโอนโรงเรียนที่สังกัดกรมทหารมหาดเล็กมาทั้งหมด ให้กรมหมื่นดำรงราชานุภาพเป็นผู้บัญชาการอีกตำแหน่งหนึ่ง
พ.ศ. 2432 รวมกรมศึกษาธิการเข้าไปอยู่ในบังคับบัญชาของกรมธรรมการ ตั้งโรงเรียนแพทย์ขึ้น เรียกว่า โรงเรียนแพทยากร ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำหน้าโรงพยาบาลศิริราช ใช้เป็นที่สอนวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน
พ.ศ. 2459 จัดตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2423 จัดตั้งโรงเรียนสุนันทาลัยในพระบรมมหาราชวังเป็นโรงเรียนสตรี
พ.ศ. 2435 ประกาศตั้งกระทรวงธรรมการ มีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เป็นเสนาบดี มีหน้าที่ในการจัดการศึกษา การพยาบาล พิพิธภัณฑ์และศาสนา จัดตั้งโรงเรียนมูลศึกษาขึ้นในวัดทั่วไปทั้งในกรุงเทพมหานครและหัวเมือง โดยประสงค์จะขยายการศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยให้แพร่หลายเป็นแบบแผนยิ่งขึ้น และตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูเป็นแห่งแรกที่ตำบลโรงเลี้ยงเด็ก ต่อมาย้ายไปอยู่ที่วัดเทพศิรินทราวาส
ความเป็นมาของการศึกษาไทย
ตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้นมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น การศึกษาของไทย จะอาศัยวัดในการเล่าเรียนหนังสือ โดยผู้เรียนจะเป็นผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงสิ่งที่ต้องเรียนรู้มีแค่การเป็นแม่บ้านอยู่เรือนเท่านั้น สมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการติดต่อกับชาติตะวันตก ทำให้รัชกาลที่ 4 โปรงเกล้าฯให้จ้างนางแอนนาเลียวโนแวนส์ สตรีชาวอังกฤษมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้แก่พระราชโอรส และพระราชธิดา โดยตั้งโรงเรียนขึ้นในพระบรมมหาราชวัง
ประวัติศาสตร์การศึกษาไทยก่อนการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ประวัติศาสตร์การศึกษาไทยก่อนการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542วิวัฒนาการในการจัดการศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีดังนี้
• พ.ศ. 2453 ประกาศตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือน • พ.ศ. 2459 ประกาศยกฐานะโรงเรียนข้าราชการพลเรือนขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย • พ.ศ. 2454 ตั้งกองลูกเสือรือเสือป่าขึ้น
• พ.ศ. 2459 จัดตั้งกองลูกเสือหญิงเรียกว่า เนตรนารี และอนุกาชาดโรงเรียนสตรีวังหลัง
พ.ศ. 2456 และฉบับแก้ไข พ.ศ. 2458 มุ่งให้ประชาชนมีความรู้ทางด้านการทํามาหาเลี้ยงชีพตามอัตภาพของตน
• พ.ศ. 2461 มีการปรับปรุงและขยายฝึกหัดครูขึ้นโดยโอนกลับมาขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ
• พ.ศ. 2464 ปรับปรุงโครงการศึกษาชาติ โดยวางโครงการศึกษาขึ้นใหม่ทํามาหาเลี้ยงชีพนอกเหนือจากการรับราชการ วิวัฒนาการในการจัดการศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
• พ.ศ. 2469 เปลี่ยนชื่อกระทรวงธรรมการ
พ.ศ. 2473 ยกเลิกการเก็บเงินศึกษาพลีคนละ 1-3บาท จากผู้ชายทุกคนที่มีอายุระหว่าง 16-60ปี
• พ.ศ. 2474 ปรับปรุงกระทรวงธรรมการเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ําของประเทศโดยยุบกรมสามัญศึกษาในตอนนั้น • ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการควบคุมแบบเรียน
การศึกษาสมัยการปกครองระบอบรัฐธรรมนูญ(พ.ศ.2475ปัจจุบัน) ประกาศคณธราษฎรฉบับที่ 1 กําหนดหลักการของผู้บริหารชุดใหม่ไว้ 6 ประการ คือ เอกราช ความปลอดภภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ และการจะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร เป้าหมายของการศึกษาในสมัยคณธราษฎรคือการผลิตพลเมือง ให้รู้ถึงสิทธิและทําหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
การศึกษายุคพิบูลสงคราม 2 พ.ศ. 2494 กําหนดให้จัดการศึกษาเป็นสี่ส่วนให้สมดุลกัน คือ จริยศึกษา พลศึกษา พุทธิศึกษา และหัตถศึกษา และยังกําหนดแนวการจัดการศึกษาที่เปรียบเสมือนแนวนโยบายแห่งรัฐ สําหรับการศึกษา
พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. 2464 กําหนดเด็กทั่วประเทศต้องเข้าโรงเรียน รัชกาลที่ 6 พยายาม ผลักดัน “พระราชบัญญัติประถมศึกษา” เพื่อขยายการศึกษาให้ทั้งประเทศ
การควบคุมโรงเรียนราษฎร์ มีจุดกําเนิดจากโรงเรียนสอนศาสนาของตะวันตก และยังไม่มีมาตรการใดใน การควบคุม แต่ต่อมามี พ.ร.บ. โรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2461 ในสมัรัชกาลที่ 6
ประวัติศาสตร์การศึกษาไทยหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่ชาติ พ.ศ. 2542 - ปัจจุบัน
ระบบการศึกษา มีการจัดระบบการศึกษาชั้นประถมศึกษา 6 ปี การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี และการศึกษาตอนปลาย 3 ปี หรือระบบ 6-3-3 นอกจากนี้การศึกษาไทยยังจัดการศึกษาออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กําหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของ
การศึกษา การวัด และการประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสําเร็จการศึกษาที่แน่นอน การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกําหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการ จัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัด และประเมินผล ซึ่งเงื่อนไขสําคัญของการสําเร็จ การศึกษา โดยเนื้อหา และหลักสูตรจะขึ้นอยู่สภาพปัญหา และความต้องการของบุคคล แต่ละกลุ่ม
การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพความพร้อม และโอกาสโดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม หรือแหล่งความรู้อื่น ๆ การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ
• การศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วยการศึกษา
ซึ่งจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษา
• การศึกษาระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็นสองระดับ
คือ ระดับต่ํากว่าปริญญา และระดับปริญญา