Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case study PP จัดทำโดย นศพต.พรพิมล อ่านเขียน - Coggle Diagram
Case study
PP
จัดทำโดย
นศพต.พรพิมล อ่านเขียน
การประเมินตามหลัก 13B
1.Background :check:
ข้อมูลทั่วไป
อาชีพ : รับจ้าง
รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 32,000 บาท
การศึกษา : ปริญญาตรี
สภาพแวดล้อมของบ้าน : พักอาศัยบ้านตนเอง อาศัยชั้น 1
หญิงไทย อายุ 24 ปี
ประวัติการตั้งครรภ์
หญิงไทยหลังคลอด อายุ 24 ปี G1P0
คลอด Normal labor 39 wks. by U/S
ทารกเพศหญิง น้ำหนักแรกเกิด 2830 กรัม ความยาวลำตัว 49 เซนติเมตร
รับใหม่ PP วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563
รับไว้ในความดูแล วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563
การฝากครรภ์
ANC ที่ รพ.ตร. 10 ครั้ง (ครั้งแรกตอน 10+2wks)
มาตรวจตามนัด u/s พบ “Oligohydraminios” (AFI 4.98 cm)
(10/11/63)
ผู้ป่วยไม่มีอาการเจ็บครรภ์ ปากมดลูกเปิด 2 cm, eff 50% , station -1 , MI , FSH regular, ลูกดิ้นดี แต่แพทย์ให้ admit LR เพื่อ observe อาการ
ผล Lab CBC (09/11/63)
Neutrophils 79.6% (สูงกว่าปกติ) ค่าปกติ 48.1-71.2
Lymphocytes 15.5 (ต่ำกว่าปกติ) ค่าปกติ 21.1-42.7
ประวัติการเจ็บป่วย
ปฏิเสธการเจ็บป่วย ไม่มีการแพ้ยา แพ้อาหาร
2.Body condition :check:
day 0 : มารดาอ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่มีภาวะซีด สามารถให้นมบุตรได้
:พยาบาลช่วยเหลือกิจกรรมบนเตียงบางส่วน
13.Belief :check:
มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมบุตร
เลี้ยงลูกด้วยตนเอง
ไม่ได้อยู่ไฟหลังคลอด
ไม่ได้มีความเชื่อใด ๆ ในการเลี้ยงดูบุตร
Body temp & BP :check:
10/11/63
BP : 113/73 mmHg
T : 37.1 องศาเซลเซียส
PR : 88 ครั้งต่อนาที
RR : 18 ครั้งต่อนาที
PS : 1 คะแนนบริเวณแผลฝีเย็บ
Breast & lactation :check:
หัวนมไม่บอด หัวนมข้างซ้ายเริ่มแดง มีการแตกยองหัวนมเล็กน้อย ลานนมนุ่ม ไม่มีการคัดตึงเต้านม
น้ำนมข้างซ้ายไหลไม่ดี 1+
น้ำนมข้างขวาไหลดี 2+ เป็นน้ำนมชนิด colostrum
ทารกสามารถเข้าเต้าได้ เป็นเวลาประมาณ 30นาที
Belly & fundus :check:
หน้าท้องมี Striae gravidarum สีชมพู
หน้าท้องมี linea nigra
High fundus อยู่ที่ระดับ 4 นิ้วเหนือกระดูกหัวหน่าว
มดลูกหดรัดตัวดี คลึงแล้วกลมแข็ง
Bladder :check:
ไม่มีภาวะ Bladder full สามารถ void ได้เอง
Bleeding & Lochia :check:
day 0 : bleeding per vagina 290 ml in 8 hrs . น้ำคาวปลาสีแดงไม่มีกลิ่นเหม็น ชนิด lochia rubra
Bottom :check:
ไม่ได้ตัดฝีเย็บเพิ่ม
แผลฝีเย็บ 2 degree tear
REEDA : ไม่แดง ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่มีจ้ำเลือด ไม่มี discharge ซึม ไม่มีรอยแยกของแผล
แผลไม่ tear ถึงทวารหนัก
Bowel movement :check:
Day 0 : ยังไม่ถ่ายอุจจาระ ท้องอืดเล็กน้อย
Blues :check:
day 0 : มารดาอ่อนเพลียเล็กน้อย สนใจลูก สนใจการให้ BF กับทารก ให้ความร่วมมือในการรักษา ช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อย
12.Bonding & attachment :check:
มารดาสนใจในการให้นมทารก ให้ทารกนอนแนบชิดข้างลำตัวในขณะให้นม มีการสัมผัสลูบทารก อย่างต่อเนื่อง
ครอบครัวมาเยี่ยม มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลในครอบครัว
Baby :check:
ทารกผิวขาว ไม่ซีด ไม่มีลักษณะผิดปกติ บริเวณศีรษะ ใบหน้าไม่มีความผิดปกติใด ๆ
ทารกหายใจได้ด้วยตนเอง ไม่มี retraction
ผิวหนังมีความชุ่มชื่น ไม่มีบาดแผลใด ๆ
สะดือแห้งโคนแฉะเล็กน้อย
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล :pencil2:
ข้อที่ 1 เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอด (Day 0) :red_flag:
วัตถุประสงค์ :star:
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ซีด อ่อนเพลีย ไม่มีน้ำนมเลี้ยงบุตร เลือดไม่แข็งตัว
ข้อมูลสนับสนุน :star:
OD : มารดามีแผลฝีเย็บ tear ระดับ 2
: เสียเลือดขณะคลอด 200 ml
: มีแผลที่โพรงมดลูก
: bleeding per vagina 290 ml in 8 hrs.
เกณฑ์การประเมินผล :star:
สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ
BT : 36.5-37.4 องศาเซลเซียน(ใน24 ชม.แรก อาจสูงถึง 38 องศาเซลเซียสได้ Reactionary fever)
PR : 60-100 ครั้งต่อนาที
RR 12-22 ครั้ง/นาที
BP 90-120/60-80 mmHg
มดลูกหดรัดตัวดี กลมแข็งลอยระดับสะดือ
ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอดลดลง และไม่เกิน 500 ml in 24 hrs. ไม่พบลิ่มเลือดหรือก้อนเลือดขนาดใหญ่
ผลการตรวจ Lab CBC อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด เช่น ซีด อ่อนเพลีย น้ำนมไม่ไหล กระสับกระส่าย ใจสั่น ตัวเย็น หน้ามืด เหงือออกมาก
ไม่พบอาการขาดน้ำ
กิจกรรมการพยาบาล :star:
ประเมินและบันทึก V/S ทุก 4 hrs. โดยเฉพาะ BT เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
สังเกตและตรวจการหดรัดตัวของมดลูก โดยคลึงหน้าท้องบริเวณยอดมดลูกทุก 2-4 hrs. ในระยะ 24 hrs. แรกหลังคลอด คลึงอย่างนุ่นนวล เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวดีเป็นระยะ ๆ เส้นเลือดส่วนปลายปิด ลดการเสียเลือดได้
ถ้าตรวจพบว่า HF สูงกว่าปกติ เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะเต็ม ต้องดูแลให้ ถ่ายปัสสาวะทุก 4 ชั่วโมง
ถ้าตรวจพบว่ามดลูก หดรัดตัวไม่ดี ให้ใช้มือคลึงบริเวณยอดมดลูก เพื่อให้มดลูกหดรัดตัวดีขึ้น
สังเกตและบันทึกปริมาณการเสียเลือดเพิ่มภายหลังคลอด ดังนี้
ตรวจปริมาณและลักษณะเลือดที่ออกทางช่องคลอดออกมามากกว่าปกติ(Active Bleeding) หรือไม่
บันทึกปริมาณการเสียเลือดที่ออกภายหลังคลอด โดยสังเกตจากผ้าอนามัย ตรวจดูปริมาณเลือดที่ ออกทุก 2-4 hrs ในระยะ 24 ชั่วโมงแรก ต้องไม่เกิน 500ml และควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 hrs
สังเกตลักษณะแผลฝีเย็บว่ามีเลือดซึมหรือมีก้อนเลือดใต้ผิวหนัง (Hematoma) ผิดปกติหรือไม่
ประเมินและบันทึกการถ่ายปัสสาวะ ต้องให้มารดา void ได้เองใน 6-8 hrs หลังคลอด หลังจากนั้นดูแลให้ void ทุก 3-4 hrs. ในระยะ 24 hrs แรกหลังคลอด เพื่อป้องกันภาวะ bladder full รวมทั้งประเมินภาวะขาดน้ำจากการเสียเลือดได้
ประเมินและสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการตกเลือดหลังคลอด เช่น มารดาอ่อนเพลียมากขึ้น ซีด กระสับกระส่าย เวียนศีรษะ ใจสั่น ตัวเย็น มีเลือดออกมาก หรือปวดบริเวณแผลฝีเย็บมาก ถ้ามีอาการดังกล่าวให้รายงานให้พยาบาลทราบ
ดูแลให้มารดาพักผ่อนอยู่บนเตียง ลดการใช้พลังงาน ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ ถ้ามีเลือดออกมาก จัดให้นอนศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดสามารถไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสมองขาดเลือด
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ CBC Hct เพื่อประเมินภาวะซีด
การประเมินผล :star:
V/S ปกติ
BT องศาเซลเซียส
PR ครั้งต่อนาที
RR 18 ครั้งต่อนาที
BP 116/54 mmHg
มดลูกหดรัดตัวดี คลำได้เป็นก้อนกลมแข็ง ระดับ HF อยู่ที่ 4 นิ้วเหนือกระดูกหัวหน่าว
มีเลือดออกทางช่องคลอดชุ่มผ้าอนามัยไม่เกิน 1 ผืน/ชั่วโมง
ติดตามผลตรวจ Lab CBC
มารดาอ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่มีอาการกระสับกระส่าย
ไม่มีอาการขาดน้ำ
ข้อที่ 4 เสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังคลอดเนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูกและแผลฉีกขาดฝีเย็บ :red_flag:
(Day 1)
ข้อมูลสนับสนุน :star:
OD : มารดามีแผลจาการคลอดบุตร ที่โพรงมดลูก และแผลฉีกขาดที่ฝีเย็บ (tear ระดับ 2)
: มีเลือดสีแดงสดไหลออกจากช่องคลอด
วัตถุประสงค์ :star:
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อที่มดลูกและแผลฝีเย็บ
เกณฑ์การประเมินผล :star:
มดลูกหดรัดตัวดี
V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ
3.ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอดไม่เกิน 500 ml in 24 hrs. ไม่พบลิ่มเลือดหรือก้อนเลือดขนาดใหญ่
น้ำคาวปลาไม่มีความผิดปกติ
การประเมิน :star:
มดลูกหดรัดตัวดี คลำได้ก้อนกลมแข็ง
HF อยู่ที่ระดับ 4 นิ้ว
v/s อยู่ในเกณฑ์ปกติ
น้ำคาวปลาสีแดงจาง ๆ ไม่มีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมทางการพยาบาล :star:
1 . ล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธีก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกคร้ังและให้การพยาบาลโดยใช้หลักเทคนิคปลอดเชื้อ
ประเมิน V/S ทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย (ใน24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด อาจสูงถึง 38 องศาเซลเซียสได้ Reactionary fever)
ดูแลทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุอย่างน้อยทุก 3-4 ชั่วโมง และทุกครั้งหลังถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ และเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกชุ่ม
ประเมินและสังเกตลักษณะแผลฝีเย็บทุกวัน ถ้ามีอาการอักเสบ บวมแดง มีหนองไหล อาจเกิดการติดเชื้อได้ ต้องรายงานให้แพทย์รับทราบ
ประเมินและสังเกต จำนวน สี ลักษณะ กลิ่นของน้ำคาวปลา ถ้ามีความผิดปกติหรือมีกลิ่นเหม็นรายงานให้แพทย์รับทราบ
ตรวจวัดระดับยอดมดลูกทุกวันในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เพื่อประเมินการลดลงของระดับยอดมดลูกและการติดเชื้อที่โพรงมดลูกได้ และก่อนการตรวจให้มารดาถ่ายปัสสาวะก่อนทุกครั้ง
ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย สุขลักษณะ ความสะอาดของเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม รวมทั้งอุปกรณ์ของใช้ ให้มีความสะอาดและลดการปนเปื้อนจากเชื้อโรค
ประเมินการคั่งค้างของปัสสาวะ ถเามีอาการเจ็บปวดแสบเมื่อปัสสาวะถ่ายปัสสาวะบ่อยๆหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ให้รายงานแพทย์
ดูแลแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ผักและผลไม้ เพราะอาหารที่มีโปรตีน และวิตามินซีจะช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
ข้อที่ 3 มารดามีภาวะหัวนมแตก เนื่องจากขาดความรู้และประสบการณ์การให้นมบุตร :red_flag:
(Day 0)
ข้อมูลสนับสนุน :star:
SD : มารดาบอกว่า “เวลาลูกดูดนมข้างซ้าย เจ็บมาก”
: มารดาบอกว่า “ทารกเป็นลูกคนแรก ไม่เคยเลี้ยงดูเด็กมาก่อน”
OD : บริเวณหัวนมข้างซ้ายมีรอยแดง น้ำนมไหลออกน้อย ซึม ๆ
: ให้ทารกดูดนมข้างเดียว
วัตถุประสงค์ :star:
ภาวะหัวนมแตกลดลงและสามารถปฏิบัติถึงการให้นมบุตรได้อย่างเหมาะสม
เกณฑ์การประเมินผล :star:
หัวนมไม่แตกเพิ่มขึ้นจากเดิม
มีทักษะในการเลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สามารถอุ้มลูกเข้าเต้าได้ถูกวิธี การบีบนมออกจากเต้า
ทารกสามารถดูดนมได้ถูกวิธี
ไม่มีอาการเจ็บปวดขณะทารกดูดนม
น้ำนมไหลดีทั้ง 2 ข้าง
กิจกรรมทางการพยาบาล :star:
ประเมินเต้านมและหัวนมมารดาทุกครั้งก่อนให้นมบุตร เพื่อป้องกันภาวะเต้านมคัดตึง และภาวะหัวนมแตก
แนะนำให้บีบน้ำนมทาบริเวณที่หัวนมแตกแล้วปล่อยให้แห้งเอง แล้วค่อยใส่ยกทรง โดยใช้แผ่นซับน้ำนมหรือกระดาษนุ่มรองในยกทรง พร้อมทั้งแนะนำให้มารดาเปลี่ยนขนาดไซส์ของทรงยก เนื่องจากเต้านมมีการขยายขนาดเพิ่มมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการสวมใส่ทรงยกที่มีโครงเหล็ก
แนะนำให้ทารกดูดนมข้างที่มีปัญหาก่อน ข้างซ้ายที่น้ำนมไม่ค่อยไหล เนื่องจากเมื่อทารกเริ่มดูดนมช่วงแรกจะดูดแรงมากขึ้น จะทำให้ oxytocin reflex ทำงานได้ดี น้ำนมก็จะไหลดีขึ้น
แนะนำให้อุ้มลูกให้ถนัด ก่อนให้ลูกดูดนมแม่ เพราะการดูดนมแต่ละครั้ง ในระยะที่มีหัวนมแตก แม่จะเจ็บมาก ถ้าแม่อุ้มได้ถนัดและสบายจะทำให้สร้างความมั่นใจและความสุขสบายให้กับแม่ได้
สอนและช่วยจัดท่าอุ้มให้ลูกดูดนมแม่ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ดังนี้
ลำตัวชิดกับแม่
ลูกหันเข้าหาเต้านมแม่
ศีรษะและลำตัวลูกอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
ตัวลูกได้รับการประคองรองรับอย่างมั่นคง โดยมีมือแม่ หรือหมอนรองช้อนไว้
แนะนำท่าให้นมบุตรที่มารดาสามารถทำได้ ดังนี้
ท่าลูกนอนขวางบนตัก candle hold
ท่าลูกนอนขวางบนตักแบบประยุกต์ (Cross cradle hold)
ท่าอุ้มลูกฟุตบอล (Clutch hold/Football hold)
ท่านอนตะแคง (Side lying)
แนะนำขั้นตอน และวิธีสังเกตลูกเข้าเต้าได้ถูกวิธี ดังนี้
อมลานนมได้ลึก เห็นลานนมด้านบนมากกว่าด้านล่าง
ปากลูกอ้ากว้างแนบสนิทกับเต้านมแม่
ริมฝีปากล่างบานออกเหมือนปากปลา
คางลูกต้องแนบชิดเต้านมแม่
แนะนำให้สามีและญาติมีส่วนร่วมในการดูแลบุตรขณะให้นม เพื่อช่วยส่งเสริมสัมพันธภาพในครอบครัว
การประเมินผล :star:
ติดตามภาวะหัวนมแตก ต้องไม่แตกเพิ่มขึ้นจากเพิม
มารดาสามารถนำลูกเข้าเต้าได้ถูกวิธี
ทารกดูดนมได้ทั้งสอง
ขณะที่ลูกดูดนม มารดามีอาการเจ็บเต้านมลดลง
น้ำนมทั้งสองข้างไหลได้ดี
ข้อที่ 2 มาดารมีภาวะไม่สุขสบายจากการปวดแผลฝีเย็บและแผลที่โพรงมดลูกหลังคลอด :red_flag:
(Day 0)
วัตถุประสงค์ :fire:
บรรเทาความปวดลดลงและมีความสุขสบายมากขึ้น ช่วยเหลือตนเองและให้นมบุตรได้ดีขึ้น
ข้อมูลสนับสนุน :fire:
SD : มารดาบอกว่า “ปวดแผลที่ฝีเย็บ”
OD : ระดับความปวด pain score ที่แผลฝีเย็บและโพรงมดลูก = 3 คะแนน (02.00 น. 10/1/63)
: มารดาลุกนั่งลำบาก สีหน้าแสดงความเจ็บปวดเล็กน้อย
: มารดานอนให้นมบุตรขณะอยู่บนเตียง
: มารดาหลังคลอดมีแผลที่ฝีเย็บและโพรงมดลูก
เกณฑ์การประเมินผล :fire:
มารดามีระดับความปวดลดลง
สีหน้าสดชื่นขึ้น
เคลื่อนไหวร่างกาย ลุกนั่งได้สะดวก
สามารถนั่งให้นมบุตรได้
กิจกรรมทางการพยาบาล :fire:
ประเมินอาการปวด โดยสอบถามเกี่ยวกับอาการปวดมดลูก ปวดแผลฝีเย็บ และสังเกตลักษณะของแผลฝีเย็บว่ามีบวดแดงหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อที่แผล
อธิบายให้มารดาหลังคลอดเข้าใจว่าเป็นอาการปวดของหญิงหลังคลอดทุกราย เนื่องจากการหดรัดตัวของมดลูกตามธรรมชาติ เพื่อให้มดลูกเข้าสู่อุ้งเชิงกราน
จัดท่าให้สุขสบาย เมื่อมารดารู้สึกตัวดีจัดให้นอนท่าศีรษะสูง ชันเข่า เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัว ลดการดึงรั้งของแผล ช่วยให้อาการปวดทุเลาลงได้ พร้อมทั้งสอนท่าให้นมบุตรได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้มารดามีความสุขสบายในระหว่างให้นมบุตรได้
ช่วยเหลือกิจกรรมบางอย่างที่มารดาหลังคลอดยังไม่สามารถทำได้ ขณะอยู่บนเตียง เช่น ดูแลในการสวมใส่เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำ เปลี่ยนผ้าอนามัย เป็นต้น
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ุให้สะอาด และซับให้แห้ง เพื่อช่วยลดเชื้อโรค ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ไม่มีการติดเชื้อ ส่งเสริมให้เกิดความสุขสบายมากขึ้น
ดูแลให้ได้รับยาบรรเทาปวด Paracetamol (500mg) 1 เม็ด เมื่อจำเป็น ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อลดอาการเจ็บปวดและให้เกิดความสุขสบายมากขึ้น
ดูแลแนะนำให้มารดาออกกำลังกาย kegel’s exercise เพื่อส่งเสริมให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานมีความแข็งแรง ลดความตึงของแผล และลดอาการปวดของแผลฝีเย็บได้
แนะนำให้มารดาลุกนั่งให้ถูกวิธี ใช้หน้ามือประคองค่อย ๆ ลุก โดยใช้แขนยันไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย
ดูแลยกไม้กันเตียงขึ้นทุกครั้ง หลังให้การพยาบาล เพื่อป้องกันไม่ให้มารดาได้รับอันตรายขณะอยู่บนเตียง
ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล พูดคุยให้กำลังใจสม่ำเสมอ เพื่อลดความวิตกกังวล ช่วยให้มารดาผ่อนคลาย และบรรเทาความเจ็บปวดลดลง
การประเมินผล :fire: มารดาปวดแผลฝีเย็บและโพรงมดลูก pain score = 1 คะแนน สีหน้าสดชื่นขึ้น ลุกนั่งให้นมบุตรได้
พยาธิสภาพการเปลี่ยนแปลงทางสรีระของมารดาหลังคลอด
ระบบสืบพันธุ์ :no_entry:
ปากมดลูก (cervix)
หลังคลอดทันที : ลักษณะอ่อนนุ่ม มีรอยช้ำ มีรอยฉีกขาดของฝีเย็บ
1 wk : เริ่มกลับสู่สภาพเดิมเกือบสมบูรณ์
6 wk : เป็นรูปรียาว ไม่กลมเหมือนก่อนตั้งครรภ์
ช่องคลอดและพื้นเชิงกราน (Vagina & pelvic floor)
“ช่องคลอด”
3 wk : มีรอยนูน
6 wk : สมบูรณ์
ในช่วงให้นมบุตร อาจทำให้เกิดช่องคลอดแห้งได้ (Dyspareunia)
“พื้นเชิงกราน”
กล้ามเนื้อถูกยืดขยายมาก ส่งเสริมโดยการออกกำลังกาย kegel’s exercise :
ฝีเย็บ (Perineum)
อาการปวดลดลงภายใน 1-2 wk หลังคลอด
แผลฝีเย็บหายใน 2-3 wk หลังคลอด
น้ำคาวปลา (Lochia)
Lochia rubra : day 1-3 สีแดงสด กลิ่นคาวเลือด
Lochia serosa : day 4-9 สีชมพู เริ่มจางลง ปริมาณลดลง
Lochia Alba : day 10-14 สีเหลือง ครีม
Foul Lochia : น้ำคาวปลามีความผิดปกติ คือมีกลิ่นเหม็น
มดลูก (Uterus)
“ระดับยอดมดลูกจะลดลงวันละ 0.5-1 นิ้ว/วัน”
หลังคลอดทันที : กลมแข็งเหนือสะดือ
มากกว่า 24 hrs. : ระดับสะดือ เอียงมาด้านขวา (ด้านซ้ายมีcolon)
day 10 : อยู่บริเวณหัวหน่าว
2 wk หลังคลอด : คลำไม่พบก้อน
ระบบต่อมไร้ท่อ :no_entry:
Estrogen , Progesterone, HCG ,HPL มีปริมาณลดลง
FSH และ LH จะหลั่งเมื่อ 6-7 wkหลังคลอด ทำให้มีประจำเดือนได้
ระบบหัวใจและหลอดเลือด :no_entry:
Pulse ช้า 60-70 BPM
ระบบทางเดินปัสสาวะ :no_entry:
ปริมาณเลือดลดลง ระวังภาวะ Orthostatic hypotension
ต้อง void ได้เองภายใน 6-8 hrs.หลังคลออ
ระบบทางเดินอาหารและการเผาผลาญ :no_entry:
ผลจากprogesterone ขณะตั้งครภ์ ทำให้เกิดท้องผูก
ต้องถ่ายอุจจาระได้เองในวันที่ 2-3 วันหลังคลอด
หลังคลอดกระบวนการเผาผลาญเพิ่มขึ้น
reactionary fever : T ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส ใน 24 hrs.หลังคลอด
milk fever เกิด 3-4 วันหลังคลอด
ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก :no_entry:
ความตึงตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องลดลง
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กลับมาปกติใน 6 Wk
ระบบผิวหนัง :no_entry:
2-3 วันหลังคลอด เหงือออกมากขึ้น
ผลจาก estrogens เพิ่มขณะตั้งครรภ์ ทำให้ผมงอกช้า ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ (Alopecia)
-พบ 4-20 wks. หลังคลอด
ระบบผิวหนัง :no_entry:
Striae gravidarum เปลี่ยนเป็นสีเงิน อยู่ตลอดไป
รอยดำที่ขาหนีบ ลานนม หัวนม linea nigra หายภายใน 6 Wk
Effective of retrogressive changes :no_entry:
น้ำหนัก
หลังคลอดทันที : ลด 5-6 kg
1 wk : ลด 2-4 kg
6 wk : คงที่เท่ากับห่อนตั้งครรภ์
เต้านม
estrogen, progesterone ลดลง
Ant. Pituitary —> หลั่ง prolactin—> ผลิตน้ำนม
post. Pituitary —> หลั่ง oxytocin —> หลั่งน้ำนม และทำให้มดลูกหดรัดตัว
Progressive changes :no_entry:
การมีประจำเดือน
ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมมารดา —> มีใน 7-9 wk หลังคลอด
เลี้ยงลูกด้วยนมมารดา —> มีช่วง 9 m หลังคลอด
คำแนะนำก่อนกลับบ้าน :explode:
การพักผ่อนและการทำงาน :check:
นอนพักอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง
ไม่เครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส
ทำงานบ้านที่ไมต้องออกแรงมากได้ เช่น กวาดบ้าน ทำอาหาร
ไม่ควรยกของหนัก หรือใช้กำลังของกล้ามเนื้อหน้าท้องมาก อาจทำให้มดลูกเข้าอู่ช้าได้
การรักษาความสะอาด :check:
แนะนำให้เช็คทำความสะอาดอวัยวะเพศจากหน้าไปด้านหลัง ซับให้แห้ง
หลีกเลี่ยงการแช่อ่าง ว่ายน้ำ เนื่องจากปากมดลูกยังไม่ปิด ทำให้เป็นทางเข้าของเชื้อโรคได้
การรับประทานอาหาร :check:
เน้นอาหาร high protein มารดาที่ให้นมบุตร ควรได้รับพลังงานเพิ่ม 500 kcal
โปรตีนเพิ่ม 40 g แคลเซียมเพิ่ม 200 mg.
กระตุ้นดื่มน้ำบ่อย ๆ อย่างน้อย 2500-3000 ml/day
งดอาหารหมักดอง รสจัด แอลกอฮอล์
กระตุ้นน้ำนม เช่น หัวปลี ใบแมงลัก ขิง กุ่ยช่าย เป็นต้น
การมีเพศสัมพันธ์ :check:
ควรงดในช่วง 6 wks. หลังคลอดจนกว่าจะได้รับการตรวจหลังคลอดว่าไม่มีภาวะผิดปกติใด ๆ เพราะปากมดลูกยังไม่ปิด อาจติดเชื้อได้
การให้ดูแลเต้านมและดูแลบุตรดูดนมมารดา :check:
ในระยะ 2-3 วันแรก มีน้ำนมสีเหลือง (Colustrum) หลั่งออกมา จะมีสารอาหารครบถ้วน มีภูมิคุ้มกันเสริมสร้างร่ายกายในทารก มารดาควรให้นมบุตรในช่วงนี้
หลังคลอดวันที่ 3 มารดาจะรู้สึกคัดตึงเต้านม และอาจมีไข้ได้ (Milk fever) สามารถประคบร้อน บริเวณที่เต้านมคัดตึง และนวดคลึงจนเต้านมอ่อนนิ่มลง :
การบริหารร่างกาย :check:
แนะนำออกกำลังกาย kegel exercise หรือการขมิบช่องคลอด ช่วยให้กล้ามเนื้องช่องคลอดกลับมาสู้สภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ทำงานบ้านทั่วไปที่ไม่ต้องใช้แรงเยอะ
เลี่ยง ยกของหนัก ขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ
การมีประจำเดือน :check:
มารดาที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมบุตร จะมีประจำเดือนได้ในช่วง 7-9 wks.
มารดาเลี้ยงลูกด้วยนม จะไม่มีประจำเดือน จะกลับมามีอีกครั้งช่วง 9 m-1 y
การวางแผนครอบครัว :check:
แนะนำเรื่องการคุมกำเนิด
ยาคุมแบบกิน ต้องเป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยว รับประทานได้ในระยะให้นมบุตร แต่ต้องรับประทานให้ตรงเวลาทุกวัน
ยาคุมแบบฉีด คุมกำเนิดได้ 3 m ช่วยในเรื่องการลืมกินยาคุมกำเนิด ไม่มีผลกระทบในการสร้างน้ำนม
ยาคุมแบบฝั่ง คุมกำเนิดได้ 3-5 ปี ไม่มีผลกระทบต่อการสร้างน้ำนม
การทำหมันเปียก ทำภายใน 2-3 วันหลังคลอด เพราะง่ายต่อการผ่าตัด และมดลูกยังไม่เข้าสู้อุ้งเชิงกราน
การทำหมันแห้ง ทำภายใน 6 Wks.หลังคลอด หรือไม่เกี่ยวกับการคลอดบุตร
การดูแลบุตร :check:
การอาบน้ำทารก
ให้นมแม่อย่างเดียว อย่างน้อย 6 m หลังจากนั้นให้อาหารเสริมร่วมด้วยให้เหมาะสมตามช่วงวัย
การดูแลให้ได้รับวัคซีนตามช่วงวัยที่เหมาะสม
การส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัยที่เหมาะสม
อาการผิดปกติที่ควรมา รพ. :warning:
มีไข้สูง
น้ำคาวปลาสีแดง ไม่จางลง มีกลิ่นเหม็น จำนวนมากขึ้น
มีเลือดสด ๆ ออกทางช่องคลอด
หลังคลอด 2 Wks. ยังคลำพบก้อนทางหน้าท้อง
เต้านมอักเสบ กดเจ็บ แดง
ปัสสาวะบ่อย แสบขัด
ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
แผลฝีเย็บแยก บวมแดง มีหนอง