Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้งานและบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ - Coggle Diagram
การใช้งานและบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์
2.1 คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
2.1.1 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
1.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ มาจากรากศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า “Computer” หมายถึง เครื่อง
คำนวณที่มีส่วนประกอบเครื่องกลไกหรือไฟฟ้า ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวณ
อิเล็กทรอนิกส์ที่สามรถทำงานคำนวณผลลัพธ์และเปรียบเทียบค่าตามชุดของคำสั่งด้วยความเร็วสูง
แบบต่อเนื่องและอัตโนมัติ
1.2 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์โดยปกติการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ
5 ส่วนด้วยกัน คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) บุคลากร (Peopleware) ข้อมูลและ
สารสนเทศ (Data/Information) และกระบวนการทำงาน (Procedure)
2.1.2 วงจรการประมวลผลข้อมูลและการทำงานของคอมพิวเตอร์
2.1 วงจรการประมวลผลข้อมูลขั้นตอนการประมวลผลข้อมูล ที่นำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการประมวลผลข้อมูล
โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ การนำข้อมูลเข้า (Input Data)การประมวลผล (Processing)
และการนำเสนอข้อมูล (Output Data) ซึ่งทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ต้องทำงานต่อเนื่องกัน สามารถเรียกขั้นตอนวิธีนี้ว่า "วงจรการประมวลผล (Data Processing Cycle)
2.2 ระบบปฏิบัติการ Windows 10
2.2.1 ระบบปฏิบัติการ Windows 10 รู้จักระบบปฏิบัติการ Windows 10
ระบบปฏิบัติการล่าสุดจากไมโครซอฟท์คือ Windows 10 เป็นระบบปฏิบัติการล้ำสมัยหน้าตาสไตล์เมโทร (Metro Style) ที่ผสมผสานระหว่างความใหม่ของระบบปฏิบัติการWindows
8.1 และความคุ้นเคยในรูปแบบเดสก์ท็อปเดิมเข้าไว้ด้วยกัน ครอบคลุมการทำงานในทุกอุปกรณ์ ที่ใช้
ระบบปฏิบัติการ Windows ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ต วินโดวส์โฟน รวมไป
จนถึง เครื่องเล่นเกมส์คอนโซล Xbox
2.2.2 ความต้องการทรัพยากรของระบบปฏิบัติการ Windows 10 ก่อนทำการติดตั้ง Windows 10 ควรศึกษาความต้องการระบบตามข้อกำหนดพื้นฐาน
บนเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือแท็บเล็ตเพื่อความสมบูรณ์ในการใช้งานแบบไม่ติดขัด ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีการแยกรุ่นเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานในแต่ละรูปแบบรวมไปถึงให้เหมาะสมกับแต่ละอุปกรณ์ด้วย โดยจะมีแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก๋ Windows
10 Home, , Windows 10 Pro, Windows 10 Enterprise, Windows 10 Education, Windows 10 Mobile และ Windows 10 Mobile Enterprise
2.2.4 การตั้งค่าแอพพื้นฐานใน Windows 10ใน Windows 10 นั้น มีการกำหนดค่าแอพพื้นฐาน (Default) สำหรับแต่ละหมวดหมู่ของการกระทำในระบบ จะมีขั้นตอนการตั้งค่าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจจะด้วยเรื่องความผิดพลาดของโปรแกรมหรือความตั้งใจของไมโครซอฟท์ก็ตาม แต่ตัวอย่างหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปคือ การตั้งค่าแอพพื้นฐานสำหรับเว็บบราวเซอร์ของเครื่องผู้ใช้จะไม่สามารถไปตั้งค่าในแอพพลิเคชั่นนั้น ๆ ได้ตามปกติวิธีการเปลี่ยน Default app (แอพพื้นฐาน) อย่างถูกต้องของWindows 10มีวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
1) เข้าสู่เมนู Settings หรือการตั้งค่า ซึ่งทำได้ 3 วิธีคือคลิกที่ส่วน Settings ในปุ่มคำสั่ง Start Menu หรือค้นหาจาก Cortana หรือใช้คีย์ลัด Winkey + I
2) จากนั้นในหน้าจอ Settings ให้เราเลือกที่ System และระบบจะแสดงหน้าจอ
3) ให้เลือกที่คำสั่ง Default apps จากนั้นระบบแสดงหมวดหมู่ของการกระทำ (Action)ที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้แอพใดเป็นแอพพื้นฐาน
2.2.3 การใช้งานบน Desktop
แสดง Desktop Icons บนเดสก์ท็อป Windows 10ไมโครซอฟท์ได้ซ่อนการตั้งค่าไอคอนเดสก์ท็อปบน Windows 10 เอาไว้ลึกมาก
โดยเฉพาะในการติดตั้งโปรแกรมครั้งแรก ซึ่งมีไอคอนสำคัญที่ผู้ใช้ Windows ต้องใช้งานบ่อย ๆ มีอยู่
5 ไอคอน คือ Computer, User’s Files, Network, Recycle Bin และ Control Panelดังนั้นผู้ใช้
สามารถแสดง Desktop Icons บนเดสก์ท็อป Windows 10 ได้ดังนี้
1) คลิกปุ่มคำสั่ง Start > Settings > Personalization จากนั้นให้คลิกเลือก
Themes > Desktop icon settings
2) บนหน้าต่าง Desktop Icon Settings ให้คลิกเลือกไอคอนที่ต้องการให้แสดง
บนหน้าเดสก์ท็อปตามความต้องการ เสร็จแล้วคลิกปุ่มคำสั่ง OK
2.3 ปฏิบัติปรับแต่ง Windows 10
2.3.1 ปรับแต่งภาพพื้นหลังบนหน้าจอ Windows 10 เป็นลูกเล่นอย่างหนึ่งของผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์คือ การเปลี่ยนภาพพื้นหลังหรือที่เรียกว่าBackground ให้เป็นภาพอื่น ๆ นอกเหนือจากภาพพื้นฐานที่ทางไมโครซอฟท์จัดมาให้เพื่อเป็นการตกแต่งและสร้างบรรยากาศการใช้งานให้มากขึ้นตามสไตล์ของแต่ละคนผู้ใช้สามารถทำตามขั้นตอนการ
เปลี่ยนภาพพื้นหลังของ Windows 10 ดังนี้
1 คลิกขวาบนหน้าเดสก์ท็อป แล้วคลิกเลือกปุ่มคำสั่ง Personalize
.2 ตรงแท็บ Background สามารถเลือกภาพพื้นหลังแบบอื่น ๆ หรือจะกดคลิกปุ่มคำสั่ง Browse เพื่อเลือกภาพอื่น ๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำเป็นภาพพื้นหลังได้เช่นเดียวกัน
3 เลือก Chose a fit (เลือกการแสดงภาพ) เพื่อเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าจอได้แก่ Fill และ Span (ขยายภาพจนเต็มหน้าจอ) Stretch (ขยายภาพจนเต็มหน้าจอด้วยสัดส่วนที่เหมาะสม) Fit (ขยายภาพแนวตั้งพอดีกึ่งกลางจอ) Center (แสดงภาพกึ่งกลางตามขนาดจรงของภาพและในตัวอย่างเป็นการเลือกแบบ Tile (นำภาพขนาดเล็กมาเรียงต่อกัน))
2.3.2 ปรับแต่งหน้าจอ Windows 10 ด้วย Theme Theme (ธีม) คือ รูปแบบสำเร็จรูปสำหรับการปรับเปลี่ยนหน้าจอ ซึ่งมีในทุก ๆ รุ่นของWindows สำหรับ Windows 10 ก็มีเช่นเดิม และมีความหลากหลายมากกว่ารุ่นก่อน ๆ การเปลี่ยนธีมจะครอบคลุมถึงการเปลี่ยนฉากหลังหรือ Wallpaper ด้วย ดังนั้น ถ้าผู้ใช้เริ่มเบื่อกับหน้าจอเดิม ๆ
หรือต้องการความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ให้ทำการเปลี่ยนธีมหน้าจอได้ดังนี้
2.1 คลิกขวาบนหน้าเดสก์ท็อป แล้วคลิกเลือกปุ่มคำสั่ง Personalize
2.2 เลือก Theme > คลิกเลือกรูปแบบธีมที่ต้องการ ในตัวอย่างนี้เลือกเป็น Flowers
2.3 ผลลัพธ์ธีม Flowers
2.3.3 ปรับแสดงขนาดไอคอนลักษณะต่าง ๆ
วิธีการเปลี่ยนขนาดไอคอนใน Windows 10 สำหรับผู้ใช้ที่ต้องให้ไอคอนมีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อการใช้งานที่มองเห็นบนหน้าจอได้ง่าย ช่วยให้คลิกเปิดโปรแกรม หรือ Touchscreen เปิดได้ง่าย แม้แต่ต้องการให้ไอคอนมีขนาดที่เล็กลง เพื่อไม่ให้เต็มหน้าจอ Desktop มากหนัก โดยในWindows 10 นั้นสามารถปรับเปลี่ยนขนาดไอคอนได้ง่าย ดังนี้
.1 ที่หน้าจอ Desktop ให้คลิกขวาบนพื้นที่ว่าง
.2 คลิกเลือกปุ่มคำสั่ง View จากนั้นให้เลือกขนาด Large icons, Medium iconsหรือ Small icons
3 ก็จะได้ขนาดไอคอนใหญ่หรือเล็กตามต้องการ หรืออีกวิธีก็คือให้กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้แล้วทำการเลื่อน Scrollbar ที่เม้าส์ขึ้นลงก็ได้เช่นกัน
2.3.4 ปรับแต่งภาพ Lock Screen ใน Windows 10 การเปลี่ยนภาพ Lock Screen ผู้ใช้สามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้
1 คลิกขวาบริเวณพื้นที่ว่างบน Desktop แล้วทำการเลือก Personalize
4 จากนั้นทำการเลือกรูปภาพที่ต้องการเป็นอันเสร็จสิ้นการเปลี่ยนรูป Lock Screen
2 จะปรากฎหน้า Settings ให้ทำการเลือกหัวข้อ Lock Screen
3 ที่หัวข้อ Background ผู้ใช้จะสามารถเลือกรูปแบบของภาพ Lock Screen ได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ Windows Spotlight , Picture และ Slideshow
2.4 การจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ของ Windows 10
2.4.1การเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์ของ Windows 10 ผู้ใช้ที่ทำงานกับ Windows 10 นอกจากมีการใช้งานพื้นฐาน เปิด/ปิดโปรแกรมที่ติดตั้งภายใต้Windows แล้วการจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันเนื่องจากการติดตั้งโปรแกรม การเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการบันทึกงานต่าง ๆ จำเป็นต้องจัดเก็บลงใน Hard Disk (ฮาร์ดดิสก์) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้นในฐานะผู้ใช้ก็ต้องมีการบริหารจัดการไฟล์เหล่านั้น
2.4.2 แสดงไฟล์และโฟลเดอร์
1 Details pane (แสดงรายละเอียดของไฟล์)
เป็นการแสดงรายละเอียดไฟล์เอกสารที่เก็บไว้ เช่น สร้างโดยใคร เอกสารอยู่ในกลุ่มใด และมีแท็กติดเอกสารอะไรบ้าง ที่สามารถเปิดดูได้ เป็นต้น โดยคลิกเปิด Details pane ขึ้นมาเพื่อดูหรือแก้ไขรายละเอียด
2 Preview pane (แสดงตัวอย่างเอกสาร)ผู้ใช้สมารถคลิกเลือกไฟล์เพื่อดูตัวอย่างเอกสารก่อนที่จะเปิดใช้งานได้ ด้วยการคลิกเปิดตัวเลือก Preview pane จะแสดงเนื้อหาในเอกสาร เช่น รูปภาพ เนื้อหา หรือสไลด์ของ
PowerPoint จะแสดงเอฟเฟ็กต์การเคลื่อนไหวได้ด้วย
.3 จัดแบ่งตาม Group by (กลุ่มไฟล์)
หากในแต่ละโฟลเดอร์มีไฟล์จำนวนมากจัดเก็บอยู่ สามารถสั่งให้จัดกลุ่มไฟล์เป็นหมวดหมู่ได้ โดยคลิกเลือกจากปุ่ม Group by แล้วเลือกการแบ่งกลุ่มต่างๆ เช่น Size (ขนาด) และAuthors (ชื่อผู้สร้าง) เป็นต้น ตัวเลือกการจัดเรียงไฟล์และโฟลเดอร์ในหน้าต่างวินโดว์มีให้เลือกหลายแบบ
.4 Sort by (จัดเรียงไฟล์) หากไฟล์ในโฟลเดอร์มีจำนวนมาก บางครั้งผู้ใช้จำเป็นต้องจัดเรียงให้เป็นระเบียบ
เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงค้นหา หรือเรียกใช้งานได้ง่าย โดยให้คลิกเลือกที่ปุ่ม Sort by แล้วเลือกการจัดเรียง เช่น Name (เรียงชื่อ) และ Size (เรียงตามขนาดของไฟล์) เป็นต้น หรือคลิกเลือกปุ่มคำสั่งAscending (เรียงจากน้อยไปหามาก) และ Descending(เรียงจากมากไปหาน้อย)
2.4.3 สร้างโฟลเดอร์ใหม่
โฟลเดอร์เป็นแหล่งที่ใช้สำหรับเก็บไฟล์หรือข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งในแต่ละโฟลเดอร์จะสามารถเก็บไฟล์และข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด เพื่อจัดเก็บไฟล์ข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นหาภายหลัง ผู้ใช้จำเป็นต้องเข้าใจวิธีสร้างโฟลเดอร์ใหม่ โดยการแบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า Folder (โฟลเดอร์) เพื่อแยกออกเป็นห้องย่อย ๆ เพื่อแยกไฟล์ข้อมูล แยกโปรแกรม หรือ
เอาไว้แยกหมวดหมู่ไฟล์ตามลักษณะข้อมูลได้
1 คลิกปุ่ม New Folder จะได้ New Folder เพิ่มขึ้นมา
.2 พิมพ์ตั้งชื่อโฟลเดอร์ตัวอย่าง “บทที่ 2” แล้วกดปุ่ม ENTER หากผู้ใช้ตั้งการแก้ไขหรือเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ ให้กดแป้นพิมพ์ “F2” จากนั้นทำการแก้ไข แล้วกดปุ่มENTER
3 ดับเบิลคลิกเปิดโฟลเดอร์ ตัวอย่าง “บทที่ 2” ขึ้นมาจะไม่มีข้อมูลปรากฎ
2.4.4 คัดลอกไฟล์และโฟลเดอร์ที่ต้องการได้ไฟล์และโฟลเดอร์ที่มีอยู่สามารถ Copy (คัดลอก) ชุดสําเนาเอกสารได้ ผู้ใช้จะคัดลอกไฟล์จากอุปกรณ์ต่าง ๆ มาลงเครื่องคอมพิวเตอร์คัดลอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปลงไดรว์อุปกรณ์ หรือจะก็คัดลอกภายในโฟลเดอร์เดียวกันและต่างโฟลเดอร์ได้ลักษณะ ๆ เหมือนกัน โดยกําหนดต้น
ทางและปลายทางที่ต่างกันเท่านั้น ซึ่งต้องใช้2 คําสั่ง ร่วมกันเสมอ คือ Copy และ Paste (วาง) มีขั้นตอนดังนี้
1 เปิดไปยังไดรว์หรือโฟลเดอร์ของไฟล์ที่จะ Copy
2 คลิกเลือกไฟล์ (เลือก 1 ไฟล์) โดยกดปุ่มแป้นพิมพ์ [Shift] ค้าง แล้วคลิกเลือก
หลาย ๆไฟล์ติดกันได้ หรือกดปุ่มแป้นพิมพ์[Ctrl] ค้าง แล้วคลิกเลือกไฟล์หลาย ๆ ไฟล์ ที่ไม่ติดกันหรือคลิกลาก คลุมเลือกหลายไฟล์ที่ต้องการก็ได้เช่นเดียวกัน
3 คลิกเปิดไปยังโฟลเดอร์ปลายทางที่จะวาง แล้วคลิกปุ่ม Paste
2.4.5 ลบไฟล์และโฟลเดอร์ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ผู้ใช้ไม่ต้องการใช้งานแล้ว สามารถลบทิ้งออกจากเครื่องได้ โดยใช้คําสั่ง Delete (ลบ) แต่การลบในระบบ Windows นั้น โปรแกรมจะลบไฟล์จากที่เก็บไปไว้ที่โฟลเดอร์ชื่อ Recycle Bin (รีไซเคิลบิน) ก่อน เพื่อป้องกันการใช้คําสั่งผิด ซึ่งสามารถเปิด Recycle Bin แล้ว
นําเอาไฟล์ที่ลบกลับคืนมา (Restore) ได้ หรือจะตามไปลบทิ้งแบบถาวรก็ได้เช่นกัน มีขั้นตอนดังนี้
.1 คลิกเลือกไฟล์ที่จะลบ
3 หลังจากลบไฟล์ไปแล้ว ผู้ใช้ต้องการกู้ไฟล์กลับคืนมา ก็ให้เปิด Recycle Bin
.2 คลิกปุ่ม Delete เลือกการลบ เช่น Recycle (เอาคืนได้) หรือคลิกเลือกปุ่มPermanently delete (ลบแบบถาวร) หรือหากต้องการลบไฟล์แบบถาวรง่าย ๆ อีกวิธีหนึ่งคือ เลือกไฟล์ แล้วกดปุ่ม [Delete) ที่แป้นพิมพ์ เพื่อลบไปไว้ที่ Recycle Bin หรือกดปุ่ม Shift+[Delete) เพื่อลบออกถาวร (เอาคืนไม่ได้)
4 คลิกไฟล์ที่ลบ กดปุ่ม Restore เพื่อเอาไฟล์กลับคืนมาใช้ต่อ
2.4.6 บีบอัดไฟล์และโฟลเดอร์
ืการบีบอัดไฟล์ หรือที่เรียกว่าการซิปไฟล์ เป็นการรวบรวมไฟล์และลดขนาดของไฟล์ให้เล็กลง เพื่อนำไฟล์นั้นไปใช้งานต่อ เช่น แนบไฟล์ไปกับอีกอีเมล หรือบันทึกลงแผ่นดีวีดีแฟลชไดรว์เป็นต้น โดยปกตินิยมใช้โปรแกรม WinZip หรือ WinRAR ในการสร้างซิปไฟล์ แต่ใน Windows 10จะซิปไฟล์ได้ง่าย ๆ จากปุ่ม Zip บนแท็บ Share ดังนี้
1 เลือกไฟล์จะทำการบีบอัดไฟล์
2 คลิกปุ่ม Zip บนแท็บ Share
3 จะได้ไอคอนที่บีบอัดไฟล์แล้ว ดังภาพที่ 2.36
.4 หากต้องการ Extract (การขยายไฟล์ซิป) ให้คลิกไฟล์ซิปที่ต้องการขยายออก
.5 คลิกปุ่ม Extract all (การขยายไฟล์ซิปทั้งหมด)
6 ตั้งชื่อโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ จากนั้น คลิกปุ่ม Extract