Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินภาวะสุขภาพและการพยาบาลแม่หลังคลอด “ เตียง 6 ” นศพต.พุธิตา…
การประเมินภาวะสุขภาพและการพยาบาลแม่หลังคลอด
“ เตียง 6 ”
นศพต.พุธิตา ดวงบุญประเสริฐ
เลขที่ 46
พยาธิสภาพของ
มารดาหลังคลอด
ด้านร่างกาย
มดลูก
หลังคลอดพบมดลูกลมแข็ง ลอยตัวเหนือระดับสะดือด้านขวา ระดับยอดมดลูกจะลดลง 0.5 - 1 นิ้ว/วัน
มดลูกจะเข้าอู่ 2 สัปดาห์หลังคลอด คลำไม่พบทางหน้าท้อง
น้ำคาวปลา
Lochia Lubra สีแดงสด 1-3 วันแรก
Lochia Serosa สีแดงจาง ชมพู วันที่ 4-9
Lochia Alba เป็นมูกออก สีเหลือง วันที่ 10 เป็นต้นไป
เต้านม
หลังคลอด HM. Progesterone และ Estrogen ลดลง ทำให้มีการหลั่ง Prolactin กระตุ้นให้มีการสร้างน้ำนม
ระยะของน้ำนม
2 Transitional Milk 4-14 วันหลังคลอด น้ำนมช่วงเปลี่ยนผ่าน เริ่มเปลี่ยนจากหัวน้ำนมเป็นน้ำนมแม่
3 Mature Milk หลังคลอด สัปดาห์ที่ 2 เป็นต้นไป น้ำนมประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ช่วยในการเจริญเติบโตของทารก
1 Colostrum 1-3 วันแรก มีสีเหลือง เป็นน้ำนมที่ดีที่สุด สารภูมิคุ้มกันสูง
ต่อมไร้ท่อ
ฮอร์โมนต่างๆ จะเริ่มกลับมาปกติใน 12 wk.
6 - 7 สัปดาห์หลังคลอด ฮอร์โมน FHS และ LH จาก Pituitary gland จะหลั่ง ทำให้เริ่มกลับมามีประจำเดือน
ด้านจิตใจ
ระยะที่ 2 Takinghold phase
3-10 วันหลังคลอด มารดาเริ่มปรับตัวกับบทบาท สนใจที่จะให้นมลูก อุ้มลูกเวลาร้องไห้
ระยะที่ 3 Letting go phase
2 สัปดาห์หลังคลอด มีการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่การเป็นมารดา สามารถที่จะดูแลตนเองและบุตรได้มากขึ้น
ระยะที่ 1 Takingin phase
มารดาอ่อนเพลีย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมและลูก หลับมาก
สนับสนุนให้พักผ่อน ช่วยเหลือกิจกรรมบนเตียง
การประเมินมารดาหลังคลอดตามหลัก 13B
6.Bladder
ปัสสาวะได้เอง ตั้งแต่วันแรกหลังคลอด
7.Bleeding & Lochia
Day 1
น้ำคาวปลามีสีแดงจาง ไม่มีกลิ่นเหม็น
Day 2
น้ำคาวปลามีสีแดงจางลง เปื้อน pad เล็กน้อย
Day 0
น้ำคาวปลาสีแดงสด
5.Belly & Fundus
มดลูกหดรัดตัวดี ไม่มีอาการปวดเมื่อคลึงมดลูก
ระดับยอดมดลูก Day 0 = 4, Day 1 = 4 นิ้ว, Day 2 = 3 นิ้ว
9.Bowel movement
ยังไม่ถ่ายตั้งแต่หลังคลอด
4.Breast & Lactation
Day 0
ลักษณะหัวนม ลานนม และเต้านมทั้งสองข้างปกติ น้ำนมไหล +1
Day 1
เต้านมคัดตึงเล็กน้อย น้ำนมไหล +1 แนะนำให้แม่กระตุ้นให้ลูกดูดนม
Day 2
เนื่องจากนมค้างเต้า ทำให้เต้านมคัดตึงทั้ง2ข้าง น้ำนมไหล+1 ให้การพยาบาลประคบอุ่น และนวด เต้านมคัดตึงลดลง น้ำนมไหลดีขึ้น ทำการแนะให้กระตุ้นลูกดูดนม ไม่ให้นมค้างเต้า ประเมิน Latch score = 5
8.Botton
ฝีเย็บไม่แดง บวมเล็กน้อย ไม่เขียวช้ำ ไม่มีเลือดซึม แผลชิดสนิทดี ไม่มี tear ถึงทวาร
3.Body temperature & Blood pressure
5/11/63
T = 36.7 C
PR = 96 bit/min
RR = 18 bit/min
BP = 108/69 mmHg
PS = 1
10.Blues
มารดาสามารถปรับตัวเข้าหาทารกได้ สนใจทารกเป็นอย่างดี ไม่มีความเครียดและความกังวล
2.Body condition : ภาวะทั่วไป
Day 1
ผู้ป่วยมีสีหน้าดีขึ้น ไม่ซีด ไม่ปวดมดลูก
แต่ยังมีอาการปวดแผลฝีเย็บ แผลฝีเย็บบวมเล็กน้อย
Day 2
ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่น แผลฝีเย็บบวมเล็กน้อย
มีปวดแผลฝีเย็บ มีเต้านมคัดตึง
Day 0
รับย้ายจาก LR ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีซีด
ไม่มีเวียนศีรษะ สีหน้าอ่อนเพลียนอนอยู่บนเตียง
11.Baby
ทารกเพศหญิง 2700 กรัม ความยาว 49 ซม. Apgar = 9,10,10 No problem at birth
12.Bonding & Attachment
มารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกดี
บิดามาเยี่ยมมารดาและทารกทุกวัน
1.Background
ข้อมูลส่วนตัว
มารดาหลังคลอดชาวพม่า เตียง 6 มภร.15/2 อายุ 28 ปี ศาสนาพุทธ จบการศึกษาระดับ ป.6 อาชีพพนักงานร้านอาหาร รายได้เฉลี่ย 15,000 บาท/เดือน ไม่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาศัยอยู่อพาร์ตเมนต์ชั้นที่ 2 ใช้บันไดในการขึ้นลง
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
G1P0 Gestation age 38 wk. 2 day by date ANC ครั้งแรก GA 17 wk ANC ทั้งหมด 9 ครั้ง low risk
ผลโลหิตวิทยา 20/10/63
VDRL = Non reactive
HBsAg = Negative
Anti HIV = Negative
อาการสำคัญ
คุณแม่หลังคลอด NL คลอดเวลา 10.41 น.
รับย้ายจากห้องคลอด
ประวัติการเจ็บป่วย
อดีต
มารดาไม่มีโรคประจำตัว
ปฏิเสธการแพ้ยา/แพ้อาหาร
ปฏิเสธประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
ปฏิเสธการใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ ในครอบครัว
ปัจจุบัน
รับย้ายคนไข้ N/L จากห้องคลอด คลอดเวลา 10.41 น.
แรกรับที่ PP (3/11/63) เวลา 14.15 น. Vital signs ปกติ
T = 36.9 c, P = 104 bpm, R = 18 bpm, BP = 102/78 mmHg
13.Belief model
มารดาบอกว่า จะรอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน
จะกลับไปอยู่ไฟหลังคลอดที่บ้านเกิด
จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนถึง 6 เดือน
แนะนำการปฏิบัติตัว
เมื่อกลับบ้าน
การดูแลตนเอง
การนอนหลับผักผ่อน
ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด
การออกกำลังกายและการใช้ชีวิต
หลังคลอดไม่ควรยกของหนัก ไม่ควรขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
หลังคลอด 6 wk สามารถทำงานบ้านเบาๆได้
สามารถออกกำลังกายเบาๆได้ แนะนำให้ออกกำลังกาย
ท่าบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (kegel's exercise)
โดยการขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน อย่างน้อย 300-500 ครั้ง/วัน
หากคุณแม่จะอยู่ไฟ ต้องรอมดลูกเข้าอู่ก่อน
อาจจะทำหลังจากมาตรวจหลังคลอด ที่หมอนัด 6 wk หลังคลอด
การดูแลและการทำความสะอาด
ร่างกาย
รักษาความสะอาดร่างกาย อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง
ห้าม! แช่ในอ่าง แม่น้ำลำคลอง อาจทำให้ติดเชื้อได้
อวัยวะสืบพันธุ์
ห้าม!ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยสบู่และน้ำสะอาด ล้างจากหน้าไปหลัง ไม่ล้างย้อนไปมา อาจทำให้ติดเชื้อ
อาจพบปมไหมบริเวณแผลฝีเย็บ ไม่ควรแกะหรือดึง ไหมเป็นไหมละลาย สามารถละลายเองได้
เต้านม
หากมีอาการคัดตึงเต้านม ให้ประคบอุ่น และนวดเต้านม แนะนำให้นมทารกบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง ให้ทารกกินนมให้หมดเต้า สลับซ้ายขวา ไม่ให้ค้างเต้า
เน้นย้ำเรื่องการมาพบแพทย์ตามนัด 6 wk.หลังคลอด
เพศสัมพันธ์
งดการมีเพศสัมพันธ์ในระยะหลังคลอด
อย่างน้อย 6 wk. หลังคลอด
เนื่องจากปากมดลูกยังไม่ปิด อาจเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
การทานอาหาร
ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารจำพวก เนื้อ นม ไข่ ที่มีโปรตีนสูง
จะช่วยซ่อมแซมร่างกาย ทดแทนพลังงาน และส่งเสริมน้ำนม
ทานผักผลไม้ที่ป้องกันการท้องผูก และเสริมสร้างน้ำนม
ผักที่แนะนำ
หัวปลี ตำลึง ขิง กุยช่าย ฟักทอง เม็ดขนุนต้มสุก ผักโขม คะน้า แครอท ใบกะเพรา กระเทียม
ผลไม้
ผลไม้ ที่แนะนำมะละกอ ลูกพีช บลูเบอร์รี่ กล้วย ละมุด แคนตาลูป อินทผลัม อะโวคะโด ลูกพรุน ส้ม แตงโม
ข้อควรระวัง ไม่ควรทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวและก่อให้เกิดกรดเยอะ เพราะอาจทำให้น้ำนมแม่มีรสชาติเปลี่ยนไป ทำให้ทารกไม่ยอมกินนม หรือเกิดอาการหงุดหงิด อาเจียนตอนกินนม อาจทำให้ทารกมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้
ให้ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ อย่างน้อย 8-10 แก้ว/วัน
หลีกเลี่ยง/ห้าม
อาหารรสจัด อาหารหมักดอง ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ ผ่านน้ำนมไปสู่ลูกได้ อาจทำให้ทารกมีอาการคลื่นไส้อาเจียน จนถึงลำไส้อักเสบได้
ห้ามรับประทานยาดอง ยาขับเลือด ยาขับน้ำคาวปลา ยาสตรีต่างๆ เพราะอาจทำให้เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติได้
อาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ทันที
มารดา
มีเลือดสดๆ ออกทางช่องคลอด
แผลฝีเย็บ อักเสบ บวมแดง
น้ำคาวปลา สีผิดปกติเช่น เหลือง เขียว มีกลิ่นเหม็น
ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่ามัว
เต้านมอักเสบ บวมแดง มีก้อน เจ็บ ร้อน
แสบขัดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะลำบาก มีสีขุ่น หรือมีเลือดปน
ปวดท้องรุนแรง
ระดับยอดมดลูกไม่ลดลง หลังคลอด 2 wk.ไปแล้วยังคลำมดลูกพบอยู่
ทารก
ทารกไม่ดูดนม หรือดูดนมแล้วมีอาการอาเจียนพุ่งทุกครั้งที่ดูดนม
สะดือมีหนอง กลิ่นเหม็น
ไข้สูง ร้องกวน ไม่ดูดนม เช็ดตัวลดไข้ไม่หาย
อุจจาระเหลวปนน้ำ มีมูกเลือดปน ท้องอืดร่วมกับไม่ถ่ายอุจจาระ
เขียว ขณะกินนมหรือร้อง หายใจหอบ รอบปากเขียวคล้ำ
ตาแฉะบวมแดง หูมีน้ำไหลออกมา มีบวมแดง ปากเป็นฝ้า มีเลือดออก มีตุ่มหนองบริเวณผิวหนังหรือมีจุดเลือดออก
มีอาการตัวเหลือง
การคุมกำเนิดที่เหมาะสมสำหรับมารดารายนี้
ยาคุมกำเนิดแบบกิน
แนะนำให้กินยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ที่มี Progesterone ขนาดน้อย (minipill) เพราะยาตัวนี้ไม่ผ่านทางน้ำนม จะไม่มีผลต่อน้ำนมและทารก อาจจะคุมร่วมกับการใช้ถุงยางก็ได้
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด
มีแบบชนิด 1เดือน และ 3เดือน ไม่มีผลต่อน้ำนม ช่วยในเรื่องการลืมกินยาคุม
เริ่มฉีดครั้งแรกในตอนที่มาตรวจ 6 wk หลังคลอดได้เลย
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง
มีเข็มคุม 3ปี และ 5ปี ไม่มีผลต่อน้ำนม คุมได้นานกว่า
เริ่มฝังครั้งแรกในตอนที่มาตรวจ 6 wk หลังคลอดได้เลย หากต้องการมีบุตร ให้นำออก ประจำเดือนจะเริ่มมาปกติ
การดูแลบุตร
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ประโยชน์ของนมแม่ต่อลูก
สารอาหารครบถ้วน
ย่อยง่าย ท้องไม่ผูก
มีภูมิต้านทาน
ส่งเสริมความผูกพัน
ประโยชน์ของการให้นม
ช่วยการหดรัดตัวของมดลูก มดลูกเข้าอู่เร็ว
ป้องกันการเกิด มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่
คุมกำเนิดธรรมชาติได้ เพราะ HM.Prolactin สูง ยับยั้งการตกไข่
หลักการให้นมลูก 4 ด.
ดูดบ่อย
ให้ทารกดูดนมแม่บ่อยๆ อย่างน้อยให้กินทุก 2-3 ชั่วโมง หรือตามที่ทารกต้องการ
ดูดถูกวิธี
ท่าอุ้มลูกให้นมถูกต้อง และลูกต้องดูดลึกๆปากครอบลานนม คางชิดเต้านมแม่
ดูดไว
หลังคลอดออกมา ให้ลูกเข้าเต้าดูดนมแม่ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่ต้องรอน้ำนมแม่มา
ดูดเกลี้ยงเต้า
ให้ลูกดูดนมแม่ให้นาน จนถึงน้ำนมส่วนหลังที่มีไขมันนมแม่ มีส่วนช่วยในเรื่องพัฒนาการสมอง สายตาและการเจริญเติบโต การดูดเกลี้ยงเต้าจะทำให้ร่างกายแม่สร้างน้ำนมใหม่ขึ้นมา น้ำนมไม่อุดตัน ป้องกันน้ำนมแม่ลดลง
แนะนำ
ให้นำทารกมาตรวจสุขภาพ
และรับวัคซีนตามนัดทุกครั้ง
การอาบน้ำทารก ควรใช้น้ำอุ่นในการอาบ
ไม่ควรอาบขณะที่ร่างกายทารกอุณหภูมิต่ำ
ระวังน้ำเข้าตา จมูก ปาก หูทารก
ไม่ควรอาบน้ำจนเกินไป เพราะการควบคุมอุณหภูมิร่างกายของทารกยังทำงานไม่ดี อาจทำให้อุณหภูมิต่ำ มีปลายมือปลายเท้าและริมฝีปากเขียวคล้ำ ถึงหยุดหายใจได้
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
4.มีภาวะไม่สุขสบายเนื่องจากคัดตึงเต้านม
ข้อมูลสนับสนุน
Day2 มารดามีเต้านมคัดตึงทั้ง 2 ข้าง
น้ำนมไหล 1+ บ่นปวดเต้านม
วัตถุประสงค์
บรรเทาอาการปวด
เต้านมคัดตึงลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินลักษณะเต้านม หัวนม ลานนม
2.อธิบายแนะนำถึงสามารถที่เต้านมคัดตึง เพราะลูกอาจกินได้ไม่เยอะ
ดูดนมไม่หมดเต้า
3.ประคบอุ่น โดยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบที่เต้านมทั้งสองข้าง พพร้อมกับนวดเต้านม
4.ดูแลบีบน้ำนมออกจากเต้าด้วยมือ ประเมินดูว่าเต้านมนิ่มคัดตึงน้อยลงน้ำนมไหลดีขึ้น
5.สาธิตและฝึกมารดาในการประคบเต้านม นวดนม และบีบนมด้วยตนเอง
6.แนะนำมารดาให้นมลูกบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง หรือบ่อยตามที่ลูกต้องการ ถ้าหากยังไม่หมดเต้า แนะนำให้มารดาปั๊มนมเก็บไว้ทุก 2 ชั่วโมง
7.ให้กำลังใจมารดา ประเมินความรู้มารดา ฝึกให้มารดาทำด้วยตนเอง
เกณฑ์การประเมิน
1.เต้านมนิ่มขึ้น คัดตึงน้อยลง 2.มารดาไม่ปวดเต้านม
การประเมินผล
หลังจากประคบอุ่นและนวดเต้านม เต้านมนิ่มขึ้น คัดตึงน้อยลง มารดาไม่ปวดเต้านม น้ำนมไหล 1+
3.มารดาเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังคลอด (Day 1-2)
กิจกรรมการพยาบาล
1.ติดตามและประเมิน V/S รวมถึงประเมิน pain score ทุก 4 ชั่วโมง
2.สังเกตและประเมินแผลฝีเย็บตามหลัก REEDA
3.สังเกตและประเมินลักษณะน้ำคาวปลา
4.แนะนำมารดาเรื่องการดูแลความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด ล้างจากหน้าไปหลัง
5.กระตุ้นให้ลุกเดินบ่อยๆ เพื่อช่วยให้เลือดไปเลี้ยงแผลได้ดีขึ้น
วัตถุประสงค์
ไม่มีการติดเชื้อในร่างกาย
การประเมินผล
ฝีเย็บปกติ ไม่แดง บวมเล็กน้อย ไม่มีdischarge แผลชิดติดกันดี น้ำคาวปลามีสีแดงจาง ปกติ จากการสอบถามมารดาทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ได้ถูกต้อง
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาคลอด NL มีแผลฝีเย็บ tare ระดับ 2 และมีแผลในโพรงมดลูก
เกณฑ์การประเมิน
1.ฝีเย็บปกติ ไม่มีบวม แดง ช้ำ ชิดติดดี 2.น้ำคาวปลาปกติ
3.มารดามีความรู้และปฏิบัติตนเกี่ยวกับการดูแลแผลฝีเย็บได้ถูกต้อง
มีภาวะติดเชื้อที่แผลฝีเย็บ (Day 3)
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยบอกว่าปวดแผลฝีเย็บมาก เหมือนวันแรกๆ pain score = 7
ผู้ป่วยบอกว่านั่งโดนแผลไม่ได้เลย เจ็บมาก
ผู้ป่วยมีสีหน้าท่าทาง เจ็บปวด
แผลฝีเย็บบวมแดง ปวดตามจังหวะ pulse
วัตถุประสงค์
ดูแลรักษาอาการติดเชื้อ
กิจกรรมพยาบาล
ประเมินแผลฝีเย็บและอาการปวด
แนะนำการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ ให้ล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาด จากหน้าไปหลัง เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมง หรือหลังขับถ่าย
ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ
leftose 2x3 oral pc แก้อักเสบ
picloxacillin 500 mg CAP 1x4 ก่อนอาหาร
ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
metronidazole 200 mg. tab 2x3 หลังอาหาร
ยาปฎิชีวนะต้านเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย
ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดระบายหนองออกจากแผลฝีเย็บ วันที่ 8/11/63
การประเมินผล
แผลฝีเย็บบวมแดง หลังให้ยาแก้ปวด อาการปวดลดลง
เกณฑ์การประเมิน
แผลฝีเย็บดีขึ้น
อาการปวดแผลฝีเย็บลดลง
1.มารดาเสี่ยงตกเลือดหลังคลอด (Day 0)
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาคลอด NL มีแผลที่ผีเย็บ และมีแผลในโพรงมดลูก
Blood loss จากการคลอด 200 ml
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดตกเลือดหลังคลอด
เกณฑ์การประเมิน
Vital signs อยู่ในเกณฑ์ปกติ
T = 36.5 - 37.4 c
PR = 60 - 100 bpm
RR = 16-22 bpm
BP = 90-120/60-80 mmHg
มดลูกหดรัดตัวดี
เลือดออกทางช่องคลอดไม่เกิน 500ml ใน 24 ชั่วโมง
แผลฝีเย็บดี ไม่มีเลือดออก ไม่มี hematoma
ไม่มีอาการแสดง คือ ตัวเย็น กระสับกระส่าย หน้ามืด เวียนหัว ใจสั่น เหงื่อออกมาก
กิจกรรมพยาบาล
1.ติดตามและประเมิน V/S ทุก 4 ชั่วโมง รวมถึงสังเกตอาการทั่วไป อาการผิดปกติของผู้ป่วย
ตรวจดูการหดรัดตัวของมดลูก คลึงมดลูกให้กลมแข็ง
ดูแลให้ผู้ป่วย void เพราะหากกระเพราะปัสสาวะเต็ม อาจขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูกได้
สังเกตและบันทึก ลักษณะ ปริมาณ เลือดที่ออกจากช่องคลอด และแผลฝีเย็บ
ประเมินแผลฝีเย็บตามหลัก REEDA ดูว่ามีเลือดออก มี hematoma หรือไม่
ดูแลให้ได้รับยาช่วยในการหดรัดตัวของมดลูก ป้องกันการตกเลือด Methergin 1 amp ตามแผลการรักษาของแพทย์
การประเมินผล
Vital signs ปกติ T = 36.9 c, P = 104 bpm, R = 18 bpm, BP = 102/78 mmHg
ผู้ป่วยอาการปกติ ไม่มีกระสับกระส่าย ไม่มีตัวเย็น
มดลูกหดรัดตัวดี มีBleeding per vagina 30 ml/24 hrs.
แผลฝีเย็บปกติ ไม่มีhematoma
2.มารดาเสี่ยงพลัดตกหกล้มจากการอ่อนเพลีย (Day 0)
ข้อมูลสนับสนุน
มารดา คลอด NL 10.41 น.
รับใหม่PP 14.15 น. มารดามีอาการอ่อนเพลียนอนพักอยู่บนเตียง
การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้ม
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุ
ไม่มีการพลัดตกหกล้ม
วัตถุประสงค์
ป้องกันการพลัดตกหกล้ม
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนอยู่บนเตียง ช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ
ประเมินอาการ หน้ามืด เวียนศีรษะ
แนะนำให้ผู้ป่วยใช้ออด
ยกไม้กั้นเตียงขึ้น หลังการพยาบาลทุกครั้ง