Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กลุ่มอาการปวดหลัง และปวดข้อ - Coggle Diagram
กลุ่มอาการปวดหลัง และปวดข้อ
ปวดหลัง
ซักประวัติ
• พบในวัยทํางาน• เกิดอาการเฉียบพลัน• มีอาการเนื่องจากใช้อิริยาบถที่ไม่ถูกสุขลักษณะมักปวดเมื่อยหลังการทํางานในท่าเดียวนานๆ/ขณะก้มยกของ/เอี้ยวตัวหยิบของ/ใส่รองเท้าส้นสูงมากเกินไป/นอนที่นอนนุ่มเกินไป/คนอ้วน/หญิงตั้งครรภ์
• ตรวจพบอาการปวดทั้งแผ่นหลัง โดยเฉพาะบริเวณกระเบนเหน็บ อาจมีอาการปวดร้าวไปถึงก้นได้แต่ไม่มีอาการร้าวไปต้นขา• มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง มีจุดกดเจ็บชัดเจน• อาจปวดตลอดเวลาหรือปวดเฉพาะในบางท่าการไอจาม บิดตัวทําให้ปวดมากขึ้น• พบการจํากัดของการเคลื่อนไหวแต่ไม่พบความผิดปกติทางระบบประสาท
ปวดกล้ามเนื้อหลัง/เคล็ดยอกBack muscle sprain/strain
ให้ยาแก้ปวด• paracetamol (500mg.) 2tab prn q 4-6hr./• Ibuprofen (200/400mg.) 1 tab tid.pc.• methyl salicylate นวด / Hotcompressionส่งต่อหากอาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์หรือเป็นๆหายๆเรื้อรัง
ซักประวัติ
• ปวดหลังแบบเฉียบพลัน เกิดในวัยทํางานโดยมีประวัติยกหรือลากของหนักก่อนมีอาการปวดหลัง• ปวดหลังแบบเรื้อรัในผู้สูงอายุจากการเสื่อมหมอนรองกระดูกเคลื่อนออกมากดเบียดเส้นประสาท• มีอาการปวดหลังร้าวลงขาข้างใด
ข้างหนึ่ง• อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเมื่อไอหรือจาม /ขณะที่อยู่ในท่านั่ง
• อาการปวดเสียวร้าวลงไปตามแนวเส้นประสาท(root pain หรือ sciatica)• อาจมีอาการชาตาม dermatome ของnerve root ที่ถูกกด• อาจมีอาการอ่อนแรงของขาและ/หรือเท้า• การตรวจพบว่า Straight leg raising test(SLRT) ให้ผลบวก
หมอนรองกระดูกส่วนหลังเคลื่อน (Herniatednucleus pulposus HNP)
•ในรายที่มีอาการเฉียบพลันและปวดรุนแรงให้ผู้ป่วยนอนพักในท่านอนหงายบนที่นอนแข็งตลอดเวลา 1-2 วันแรก•Ibuprofen (200/400mg.) 1 tab tid.pc.ควรส่งต่อใน 24 ชั่วโมงเพื่อการวินิจฉัยเพิ่มเติม
ซักประวัติ
• ปวดหลังแบบเรื้อรังในผู้สูงอายุจากการเสื่อมหมอนรองกระดูกการอักเสบของข้อต่อ การหลวมและเคลื่อนของกระดูกสันหลัง• เป็นมากเมื่อเริ่มลุกจากท่านั่งหรือท่านอนออกเดินไปสักพักอาการจะดีขึ้น• ถ้าเดินหรือยืนนานๆจะเริ่มปวดหลังอีก
• ผู้ป่วยมักปวดมากขึ้น เมื่อให้ผู้ป่วยแอ่นหลังและตรวจร่างกายทางระบบประสาทมักปกติ
ข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อม(degeneration diseaseof spine)
•Ibuprofen (200/400mg.) 1 tab tid.pc.ควรส่งต่อใน 24 ชั่วโมงเพื่อการวินิจฉัยเพิ่มเติม
ซักประวัติ
• พบได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปและพบมากในคนอายุมากกว่า 60 ปี• ปวดหลังแบบเรื้อรัง• มีประวัติเคยมีพยาธิสภาพของกระดูกสันหลังสันหลัง•มีอาการปวดหลังและร้าวมาที่ขาขณะวิ่ง ยืนนานๆหรือเดินไกล ๆ•มีอาการเสียวแปลบและชาบริเวณแก้มก้นถึงน่องหรือปลายเท้า เท้าอ่อนแรงควบคุมการขับถ่ายไม่ได้หรืออาจมีการเดินโคลงเคลงผิดปกติ
•อาการปวดตึงทุเลาลงเวลาก้มตัวไปข้างหน้า•ปวดมากขึ้นเมื่อแอ่นตัวไปข้างหลัง/เดินลงเนิน•อาจมีอาการชาที่หลังเท้าหรือน่อง•Patella reflex และ Ankle reflex ลดลง•นิ้วหัวแม่เท้าอ่อนแรงและมีอาการชา•การตรวจ SLRT มักให้ผลลบ• กรณีตรวจพบกล้ามเนื้อลีบหรืออ่อนแรงมีอาการชา ควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะไม่ได้
โพรงกระดูกสันหลังแคบ(Spinal stenosis)
Cauda equina syndrome
ซักประวัติ
• พบในชาย มากกว่าหญิง• อายุน้อยกว่า 40 ปี• มีอาการหลังฝืดแข็งในตอนเช้าเป็นเวลานานกว่า 30 นาที• อาการปวดดีขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว แต่จะแย่ลงเมื่ออยู่นิ่ง• ปวดนานเกินกว่า 3 เดือน• มีประวัติปวดหลังในครอบครัว
• ตรวจพบอาการปวดทั้งแผ่นหลัง ผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ• มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง อาจพบการบิดเบี้ยวของโครงสร้างกระดูกสันหลัง• มีการจํากัดการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังส่วนเอวทั้งด้านหน้าและด้านข้าง• อาจพบการขยายตัวของทรวงอกลดลง• พบการจํากัดของการเคลื่อนไหวแต่ไม่พบความผิดปกติทางระบบประสาท• พบมีไข้และอาการแสดงของการอักเสบ• ค่า ESR/CRP สูงขึ้น
โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด(Ankylosing spondylitis)
ให้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID เพื่อลดอาการปวดและอักเสบเช่น• Ibuprofen (200/400mg.) 1 tab tid.pc.• ให้ยากลุ่ม steroid เพื่อลดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน• ให้ยากดภูมิคุ้มกันการรักษาทางกายภาพบําบัด
ซักประวัติ
• มีอาการปวดบริเวณเอวหรือสีข้างอย่างเฉียบพลัน• มักปวดมากข้างใดข้างหนึ่ง• มีอาการปวดร้าวบริเวณขาหนีบ• มีไข้สูงหนาวสั่นเป็นพักๆ• ปัสสาวะแสบขัดขุ่นและมีปัสสาวะบ่อย
• ไข้สูง 39 – 40 OC• CVA tenderness• ผล UA: ผิดปกติ• ปัสสาวะมีลักษณะขุ่นบางครั้งเป็นหนองข้น• หน้าท้องอาจมีกดเจ็บหรือมีท้องแข็งเล็กน้อย
กรวยไตอักเสบ(Acute Pyelonephritis)
แนะนําดื่มน้ํามากๆถ้าอาการไม่รุนแรง• ให้ยาลดไข้ paracetamol (500mg.) 2tabprn q 4-6 hr.• ยาปฏิชีวนะ Amoxycillin (500mg) 1 cap ทุก 8 ชม./Clotrimazole 2 tab bid ทุก 12 ชม.ควรส่งต่อหากอาการไม่ดีขึ้นหลังการรักษา 3 วัน
อาการปวดข้อ(joint pain)
พบบ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย พบช่วงอายุ 20-50 ปี มีอาการเริ่มด้วยอ่อนเพลียเบื่ออาหารปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและกระดูก มีข้อฝืดขัดตอนเช้านานกว่า 1 ชั่วโมง มีการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุข้อ ตรวจร่างกายมีอาการข้ออักเสบของข้อขนาดใหญ่ 2-10 ข้อหรือข้อขนาดเล็กตั้งแต่1- 3 ข้อขึ้นไป มีค่า rheumatoid factor สูงขึ้นและ ค่าการอักเสบคือค่า CRP หรือ ESR ผิดปกติ ระยะเวลาที่มีข้ออักเสบนานกว่า 6 สัปดาห์ มักมีอาการอักเสบที่ข้อโคนนิ้วมือและเท้า (metacarpal joints/MCP และ metatarsal joints/MTP) ข้อกลางของนิ้วมือและเท้า(proximal interphalangeal joints)
อาการข้ออักเสบแบบสมมาตร (symmetrical polyarthritis) พบปุ่มรูมาตอยด์บริเวณใกล้ข้อ bony prominence หรือ extensor surface ของแขนขา (ไม่พบในผู้ป่วยที่มีอาการระยะแรก) อาการอื่นนอกระบบข้อ (extra-articular manifestation) : ปุ่มรูมาตอยด์ภาวะซีดเรื้อรังอาการตาแห้งและกระจกตาอักเสบ (keratoconjunctivitis ) อาจเกิดตุ่มนูนที่เยื่อบุตาขาวและตาขาวอักเสบ(scleritis) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เยื่อหุ้มปอดอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เส้นประสาทถูกกดทับ เกิดจากเยื่อหุ้มข้อที่บวมอักเสบ เช่น เส้นประสาท median เกิด Carpal tunnel syndrome
Rheumatoid arthritis
ขณะข้ออักเสบห้ามบีบนวด ห้ามประคบอุ่น 24 ชั่วโมงแรกประคบเย็นลดปวดได้ ให้ยาแก้ปวด paracetamol (500mg.) 2 tab prn q 4-6 hr. ยาต้านการอักเสบ Ibuprofen (400mg.) 1 tab tid.pc. แนะนําบริหารข้อเพื่อป้องกันข้อยึดติดและผิดรูป ส่งต่อภายใน 1 สัปดาห์ถ้าอาการไม่ดีขึ้น
พบได้บ่อยในเพศหญิงอายุ 30-60 ปี หรือพบในผู้ที่ทํางานใช้มือมาก เช่น ต้องยกหรือหิ้วของหนักจับหรือกดอุปกรณ์ที่มีการสั่นสะเทือนมากๆบ่อยๆเป็นระยะเวลานานๆหรือใช้แรงกํามือบีบนิ้วและเคลื่อนไหวข้อมือมากๆ
อาการอาจเริ่มจากชาๆ ที่ปลายนิ้วกลางของมือ งอเหยียดไม่คล่องเป็นๆหายๆ ระยะแรกมีอาการระยะสั้นๆพอเลิกใช้มือก็ค่อยยังชั่วและหายไป ต่อมาอาการรุนแรงขึ้นมีอาการปวดที่ปลายนิ้วมือ แล้วไม่มีความรู้สึกหรือนิ้วอ่อนแรง อาจมีอาการปวดร้าวไปที่แขนหรือหัวไหล่ อาการมักเป็นมากตอนกลางคืนหรือตอนเช้ามืดหรือในช่วงที่ทํางานหนักซ้ำ ๆในท่านั้นนานๆ บางครั้งอาจปวดจนทําให้ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อห้อยมือหรือสะบัดมืออาการจะทุเลาลง
เส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น (Carpal tunnel syndrome)
หากอาการเพียงเล็กน้อยให้ยาแก้ปวด NSAID แนะนําปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้มือประคบเย็นเมื่อมีอาการบวมอาการดีขึ้นให้บริหารข้อมือส่งต่อแพทย์หากอาการเรื้อรังเพื่อทําการผ่าตัดพังผืดที่บีบรัดเส้นประสาทจะช่วยให้อาการทุเลาลงใน
ซํักประวัติ
โรคเกาต์พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ร้อยละ 90 ของผู้ป่วยโรคเก๊าท์เป็นเพศชายอายุระหว่าง 30 ถึง 60 ปี และมีประวัติ ครอบครัวเป็นโรคส่วนในเพศหญิงพบในวัยหลังหมดประจําเดือน ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ กรรมพันธุ์การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและเพียวรีนสูง มีประวัติดื่มเหล้าและเบียร์จัด เป็นโรคไตเสื่อม
ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน (acute gouty arthritis)
ระยะสงบ (intercritical gout) คือ ระยะที่ไม่มีข้ออักเสบหรือหายจากข้ออักเสบซึ่งเป็นช่วงระหว่างการอักเสบในแต่ละครั้ง
โรคเกาต์(Gouty arthritis)
ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ Ibuprofen (400mg.) 1 tab tid.pc. แนะนําดื่มน้ํามากๆ 2,500 ถึง 3,000 ซีml.ถ้าไม่มีข้อจํากัดจากภาวะไตเสื่อ
ระยะเรื้อรังที่มีก้อนโทฟี(chronic tophaceous gout) พบข้ออักเสบหลายข้อแบบเรื้อรังร่วมกับพบก้อนที่เกิดจากการสะสมของผลึกยูเรตตามเนื้อเยื่อต่างๆ
ซํักประวัติ
พบในผู้สูงอายุความสูงอายุทําให้มีการสร้างกระดูกอ่อนน้อยกว่าการทําลาย การใช้ข้อหักโหมมาก มักเป็นที่ข้อที่ต้องใช้งานหรือรับน้ําหนัก เช่น ข้อเข่า ข้อสะโพก กระดูกสันหลัง ข้อโคนนิ้วหัวแม่เท้า นิ้วหัวแม่มือส่วนต้น ข้อโคนนิ้วหัวแม่มือ- พบในเพศหญิงและเพศชายใกล้เคียงกัน แต่ในเพศหญิงพบโรคข้อเสื่อมของนิ้วมือกับข้อเข่ามาก ในเพศชายพบมากที่ข้อสะโพก โรคอ้วนทําให้ข้อต่อรับน้ําหนักมากเกินไป อาจเกิดข้อเสื่อมบริเวณเข่าและสะโพก
ตรวจดูพบข้อต่อมีขนาดใหญ่ขึ้น(joint enlargement) บางครั้งคําได้ปุ่มกระดูกงอก คลําพบเสียงกรอบแกรบบริเวณข้อ (joint crepitation) บริเวณข้อที่เสื่อม มีอาการข้อขัดเวลางอหรือเหยียดข้อ ข้อฝืดเวลาเหยียดใหม่ๆ สักพักอาการจะดีขึ้นนั่งยอง ๆแล้วลุกลําบาก อาการทุเลาเมื่อได้พัก ปวดข้อแบบตื้อๆ มักเกิดตอนเช้าตรู่หรือตอนเย็น เกิดภายหลังจากการใช้ข้ออาจพบกล้ามเนื้อรอบข้อฝ่อลีบเนื่องจากไม่ได้ใช้งาน
โรคข้อเสื่อม(Osteoarthritis)
เกิดจากการเสื่อมตามอายุทําให้ผิวข้อกระดูกสันหลังมีหินปูนหรือปุ่มงอก (osteophyte) รวมกับหมอนรองกระดูกมีการเสื่อมและบางตัวลงทําให้ช่องว่างระหว่างข้อต่อแคบลง นั่งทํางานด้วยอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องนานๆ ผู้ที่มีประวัติบาดเจ็บบริเวณคอมาก่อน
ผู้ป่วยมักมาด้วยอาการปวดคอ เดินลําบากก้าวขาไม่สะดวก อาจมีอาการเกร็งยืนไม่มั่นคง หกล้มง่ายต้องเดินกางขามากกว่าปกติมีอาการชาหรืออ่อนแรงของมือ เมื่อก้มหรือเงยศีรษะอาจมีความรู้สึกร้าวเหมือนไฟฟ้าช็อต
ระยะแรกตรวจไม่พบสิ่งปกติผิดปกติชัดเจน ต่อมาพบว่ากล้ามเนื้อแขนและมือฝ่อลีบลง อ่อนแรงมีอาการชา รีเฟล็กซ์ บริเวณข้อศอกและข้อมือน้อยกว่าปกติอาการรุนแรงหรือปล่อยไว้นานอาจพบการฝ่อตัวและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบริเวณแขนและมือหากมีการกดทับของไขสันหลังอาจมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อขากล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักและกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง
กระดูกคอเสื่อม/กระดูกคองอกกดรากประสาท (cervical spondylosis)
• รักษาอาการปวดโดยให้ยา Ibuprofen (400mg.) 1 tab tid.pc.• การใช้ความร้อนประคบ• นัดติดตามอาการ 1 สัปดาห์ ส่งต่อเมื่ออาการไม่ดีขึ้น
พบบ่อยในผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป เนื่องจากผิวข้อจะเสื่อมสภาพรวมถึงเยื่อหุ้มข้อเส้นเอ็นรอบข้อ และกระดูกที่ประกอบเป็นข้อ
มีอาการปวดร่วมกับอาการขัดที่ข้อ
หากไม่รับการรักษาข้อสะโพกเสื่อม กระดูกอ่อนที่รองข้อสึกกร่อน
เกิดกระดูกงอกรอบๆ ข้อ
โรคข้อสะโพกเสื่อม(osteoarthritis of hip)
ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต 2. ลดน้ำหนักตัว เพื่อลดแรงกดบนข้อ 3. นอนหลับให้เพียงพอ ออกกําลังกายเบาๆที่ไม่กระแทกลงบนข้ออย่างสม่ำเสมอ 4.การประคบร้อน ประคบเย็นที่บริเวณข้อสะโพก จะช่วยบรรเทาอาการปวด อาการติดขัดของ ข้อสะโพก 5. หากมีอาการปวดให้ยาParacetamol/Ibuprofen
อาการปวดสะโพกปวดร้าวไปที่ขาหนีบ ก้นหรือเข่า หากอาการปวดรุนแรงจนต้องอยู่นิ่งๆ ไม่สามารถหมุนหรือเหยียดข้อสะโพกได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ควบคุมข้อสะโพกอ่อนแอ
เกิดอาการปวดรุนแรง เมื่อกระดูกเสียดสีกันและขาจะสั้นลงได้
โรคข้อเสื่อมของมือมักพบในวัยกลางคน หญิงวัยหมดประจําเดือน ในระยะแรกจะมีอาการปวด บวมร้อน และชาตามข้อเป็นๆหายๆ 2-3 ปีอาการปวดจะทุเลาลงได้เอง
เป็นกระดูกแข็งบวมขึ้นด้านposterolateral ของข้อนิ้วมือส่วนปลาย (Heberden’s node) หรือ ข้อนิ้วมือส่วนต้น(Bouchard’s node)โรคข้อเสื่อมของมือมีลักษณะเด่นคือจะมี multiple Heberden’s nodes แต่อาจไม่มี node ก็ได้ มักจะเป็นคล้ายกันทั้งสองข้าง มีอาการครั้งละไม่กี่ข้อ
โรคข้อเสื่อมของมือ (osteoarthritis of hand)
Splints เพื่อลดอาการปวด โดยเฉพาะข้อเสื่อมบริเวณโคนนิ้วโป้ง ซึ่งอาจใส่ตลอดเวลาหรือใส่เฉพาะเวลาปวด การแช่น้ําอุ่นการออกําลังประกอบด้วยการทํา ROM และ strengthening exercise
คือโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อมของข้อเข่า โดยเฉพาะบริเวณกระดูกอ่อนผิวข้อ พบการทําลายของกระดูกอ่อนผิวข้ออย่างช้าๆและอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างรวมถึงกระดูกบริเวณใกล้เคียงหนาตัวขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำาในข้อ ทําให้คุณสมบัติการหล่อลื่นข้อลดลง จึงเกิดการเสียดสีเวลาเคลื่อนไหวและทําให้การทํางานของข้อเข่าผิดปกติไป
อาการปวด มีลักษณะปวดแบบตื้อๆไปบริเวณข้อไม่สามารถระบุตําแหน่งได้ชัดเจนมักเป็นเรื้อรังและเป็นมากขึ้นเมื่อใช้งานหรือลงน้ําหนักบริเวณข้ออาการทุเลาลงเมื่อพักการใช้งาน
อาการข้อฝืด(stiffness) พบได้บ่อยมักพบตอนเช้าและไม่เกิน 30 นาที
โรคข้อเข่าเสื่อม (osteoarthritis of knee)
Paracetamol (500mg.) 2tab prn q 4-6 hr.
Ibuprofen (400mg.) 1 tab tid.pc.
นัดติดตามอาการ 1 สัปดาห์ ส่งต่อเมื่ออาการไม่ดีขึ้น
ข้อบวมและผิดรูป อาจพบขาโก่ง(bow leg, varus )หรือขาฉิ่ง(knock knee, valgus)
ข้อที่บวมเป็นการบวมจากกระดูกงอกโปนบริเวณข้อ
พบเสียงกรอบแกรบ (crepitus) ในข้อเข่าขณะเคลื่อนไหว
การเคลื่อนไหวและการทํางานของข้อลดลง ผู้ป่วยเดินไม่สะดวก
เกิดได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ข้อที่พบบ่อยคือข้อเท้า (ankle sprain) เกิดจากการเดินสะดุดหกล้มข้อเท้าพลิกหรือบิดงอ นอกจากนี้ยังพบได้ที่ข้อเข่าข้อไหล่ข้อมือและข้อนิ้ว ทําให้เอ็นหรือกล้ามเนื้อที่ยึดอยู่รอบข้อต่อมีการฉีกขาด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบวมทันทีหลังได้รับบาดเจ็บ จะเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อเคลื่อนไหวข้อหรือถูกกดสัมผัส หากรุนแรงอาจส่งผลให้มีการฉีกขาดของเอ็นและสูญเสียความมั่นคงของข้อ
ตรวจพบลักษณะข้อบวมแดงร้อนอาจพบรอยเขียวคล้ำหรือพกช้ำเนื่องจากมีการฉีกขาดของหลอดเลือดฝอยร่วมด้วย
ข้อเคล็ดข้อแพลง (sprain)
ในระยะ 48 ชั่วโมงแรก ประคบด้วยน้ําแข็งหรือน้ําเย็นทันทีเพื่อลดอาการบวมและปวด ทําทุก3-4 ชั่วโมง
ใช้ elastic bandage พันรอบข้อเพื่อดึงลดการใช้ข้อและยกข้อที่แพลงให้สูง เช่น สอดหมอนรองใต้ข้อเวลานอนหรือยกข้อสูงในท่านั่งไม่ห้อยขา
ระยะหลัง 48 ชั่วโมงประคบด้วยน้ําอุ่นจัดหรือแช่น้ําอุ่นครั้งละ
15-30 นาทีวันละ 2-3 ครั้งเพื่อลดการอักเสบ
ถ้าปวดให้ยาแก้ปวดParacetamol หรือ Ibuprofen
พิจารณาส่งต่อถ้าอาการปวดหรือบวมมากขึ้นหรืออาการ
ไม่ดีภายใน 1 สัปดาห์
โรคนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยในวัยกลางคนผู้สูงอายุนักกีฬาหรือผู้ที่ทํากิจกรรมในท่าเดิมซ้ำๆเป็นประจํา ทําให้เกิดการบาดเจ็บที่อาจเล็กน้อยแต่เป็นเวลานานๆจึงมีอาการปวดเรื้อรัง เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่เป็นเรื้อรัง ทําให้การทํางานและการเคลื่อนไหวไม่ถนัด ที่พบบ่อยตามตําแหน่งของการอักเสบของเอ็นบริเวณต่างๆ
เส้นเอ็นอักเสบปลอกหุ้มข้ออักเสบ (tendinitis /tendosynovitis)
เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณข้อศอก เกิดจากการใช้งานของกล้ามเนื้อ extensor carpiradialis brevis ซ้ํา ๆ หรือต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น การเขียนหนังสือ การหิ้วของหนัก ทําให้เกิดการฉีกขาดที่เส้นเอ็นกล้ามเนื้อทีละน้อยและเกิดการอักเสบเกิดขึ้น
ลักษณะของอาการปวดแบบ sharp pain ค่อยเป็นค่อยไปซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน โดยในตอนแรกอาจจะมีอาการปวดบริเวณข้อศอกด้านนอกเพียงเล็กน้อย หรือมีอาการเฉพาะเวลาทํางานที่ต้องใช้แรงมากๆ อาการปวดจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โรคข้อศอกนักเทนนิส (Tennis elbow)
เป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณไหล่ (rotator cuff tendinitis) เกิดจากการเสียดสีที่เอ็นรอบข้อหัวไหล่รวมถึงการสะดุดหรือชะงักท่าทางในขณะที่กําลังวาดมือขึ้นเหนือศีรษะ ส่งผลให้เส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บจากแรงสะท้อนกลับ ในขณะที่กีฬาที่ต้องออกแรงขว้างเป็นประจํา
อาการปวดมักเป็นแบบเจ็บ sharp pain มักปวดเวลากลางคืน อาการอาจมีทุเลาได้บ้างสลับกัน ไม่สามารถนอนตะแคงทับไหล่ข้างที่เจ็บได้ แต่หากเอ็นข้อไหล่เกิดฉีกขาดจากการกระแทกรุนแรงหรือการใช้งานหนักสะสม ผู้ป่วยจะมีภาวะอ่อนแรงเมื่อยกหรือหมุนหัวไหล่
โรคข้อไหล่นักว่ายน้ํา (Swimmer ‘s shoulder/Rotator cuff tendinitis)
เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือ เอ็นหนาตัวขึ้นและเกิดการกดเบียดเส้นเอ็นการบวมทําให้เกิดการเจ็บปวด จะมีอาการมากขึ้นเมื่อกํามือ จับ ยกของ หรือบิดข้อมือ พบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นได้ทุกอายุ ส่วนใหญ่จะเป็นในผู้หญิงอายุ 30-50 ปี พบบ่อยในนักกีฬานักดนตรี แม่บ้านทํางานบิดผ้าเปียก คนงานที่ใช้กรรไกรตัดลวด
อาการบวมบริเวณรอบๆ ปลายยื่นกระดูก radius ทําให้มองเห็นปลายยื่นได้ไม่ชัดเจน อาจคลําพบ
อาการบวมของปลอกหุ้มเอ็นและคลําพบอาการอุ่นบริเวณรอบๆ ตําแหน่งที่บวม
อาการปวดเมื่อเหยียดหรืองอนิ้วหัวแม่มือ อาจเกิดทีละน้อยหรือเกิดขึ้นทันทีและจะรู้สึกปวด
บริเวณข้อมือร้าวขึ้นไปที่แขน ให้ผู้ป่วยกางนิ้วโป้งขึ้น แล้วให้เกร็งนิ้วโป้ง
ต้านแรงกดจากผู้ตรวจที่พยายามกดนิ้วโป้งลง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมากที่ปุ่มกระดูกradius
โรคปลอกเอ็นหุ้มข้อมืออักเสบ (de Quervain’s tenovaginitis)
กดเจ็บ บริเวณรอบๆ ปลายยื่นกระดูก radius และกดเจ็บตามแนวของเอ็นหุ้มข้อมือ
อาการกดเจ็บอาจร้าวไปทางด้านหลังของนิ้วหัวแม่มือหรือร้าวไปยังบริเวณแขนท่อนล่างก็ได้
เป็นการอักเสบของเอ็นที่บังคับการงอนิ้วมือ ทําให้เมื่องอนิ้วแล้วเหยียดคืนตรงไม่ได้เนื่องจากมีการอักเสบบวมและเกิดการล็อคปลอกหุ้ม พบในผู้ที่มีประวัติการทํางานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมงและติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ผู้ที่ใช้มือกําของแข็งๆเป็นประจํา
ด้วยอาการปวดนิ้วบริเวณข้อโคนนิ้ว ขณะขยับหรืองอนิ้วมือจะมีอาการปวดมากขึ้น กดเจ็บบริเวณข้อโคนนิ้วเวลาขยับนิ้วหรือมีอาการข้อฝืดที่บริเวณข้อกลางนิ้ว ถ้าเป็นมากผู้ป่วยจะงอนิ้วลําบากและปวด อาจมีอาการติดล็อคของข้อกลางนิ้วอยู่ในท่างอ ไม่สามารถเหยียดออกได้ หากพยายามใช้แรงเหยียดนิ้วออก จะรู้สึกว่ามีการสะดุดของเอ็นและมีเสียงดังคลิ๊กหรือเสียงสะดุดของเอ็นขณะพยายามเหยียดนิ้วอาจคลําได้ก้อนแข็งของ เอ็นนิ้วมือบริเวณข้อโคนนิ้วทางฝ่ามือของนิ้วที่เป็นโรค
โรคนิ้วไกปืน/นิ้วล็อก(trigger Finger/ Digital flexor tenosynovitis)
หลักการรักษาในผู้ป่วยเส้นเอ็นอักเสบปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ
หยุดพักการใช้ข้อที่ปวด ใช้ elastic bandage พันพอแน่นเลดการเคลื่อนไหว
ในรายที่มีการบาดเจ็บเฉียบพลันใช้น้ำแข็งประคบทันทีและทําซ้ำทุก
2-3 ชั่วโมงจนพ้น48 ชั่วโมงจึงเปลี่ยนมาประคบน้ำอุ่นจัดอาจทาน
นวดด้วยยาหม่อง/ครีมนวด methysalicylate
ให้ยาแก้ปวดอักเสบ Ibuprofen (200-400mg.) 1 tab tid.pc.
นัดติดตามอาการ 1 สัปดาห์ ส่งต่อเมื่ออาการไม่ดีขึ้น ปวดรุนแรง ข้อบวมแดงร้อน
มีไข้หรือมีอาการนิ้วล็อค (ส่งต่อเพื่อการทํากายภาพบําบัด
เพื่ออาการปวดบวมของกล้ามเนื้อและเอ็น)
เมื่ออาการปวดลดลงให้ค่อยๆเคลื่อนไหว และบริหารข้อให้กลับคืนสู่สภาพปกติ
แนะนําการยืดกล้ามเนื้อกับเพิ่มความแข็งแรง
แนะนําการใส่อุปกรณ์รัดบริเวณต้นแขน (Tennis elbow cuff)ใน Tennis elbow หรือ
ใส่อุปกรณ์พยุงข้อมือใน de Quervain’s tenovaginitis ไว้เป็นเวลา 3-6 สัปดาห์
แนะนําการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ข้อไหล่ข้อศอกข้อมือ
ในรายที่เป็นเรื้อรังหรือเส้นเอ็นมีหินปูนเกาะมีการจํากัด
การเคลื่อนไหวต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด
เกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อและมีการหนาตัวของเยื่อหุ้มข้อเป็นพังผืดทําให้เกิดการเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้น้อยลง มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย มักเป็นกับแขนข้างที่ไม่ถนัดมากกว่าข้างที่ถนัดแต่มีโอกาสเป็นได้ทั้งสองข้าง พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุระหว่าง 40 ถึง 60 ปีผู้ที่เป็นโรคเบาหวานโรคต่อมไทรอยด์และโรคหัวใจมีโอกาสเกิดข้อไหล่ติดได้มากกว่าคนทั่วไป
ระยะปวด ผู้ป่วยจะค่อยๆมีอาการปวดและเป็นมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว มักปวดมากตอน
กลางคืนจนรบกวนการนอน พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อลดลง ระยะนี้กินเวลา 2 - 9 เดือน
ระยะข้อติด อาการปวดจะเริ่มลดลง พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ลดลงอย่างชัดเจนในทุกทิศทาง
อาจส่งผลต่อกิจวัตรประจําวันอย่างมากและระยะนี้กินเวลา 4 - 12 เดือน
ข้อไหล่ติด (Frozen shoulder)
เป้าหมายของการรักษาคือลดความเจ็บปวด เพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่และการกลับมาใช้งานของข้อไหล่ในการทํากิจวัตรประจําวัน เนื่องจากโรคข้อไหล่ติดเป็นสามารถหายเองได้การรักษาจึงเป็นแบบประคับประคองตามระยะของโรค
ระยะฟื้นตัว อาการปวดลดลง พิสัยการเคลื่อนไหวของ
ข้อไหล่จะค่อยๆดีขึ้น ในช่วง 5 เดือนถึง2 ปี