Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Pathology of Kidney and Urinary bladder system, ไตวายในระยะที่ 1-3…
Pathology of Kidney and Urinary
bladder system
เนื้อไตชั้นใน (renal medulla): บริเวณที่เป็นสามเหลี่ยมที่คล้ายกลับแถบรังจะเห็นแนวท่อของหน่วยไต (renal tubule) ที่มารวมกันเปิดสู่ส่วนปลายของสามเหลี่ยม (papilla) ซึ่งจะสี เรียกว่า “renal pyramid”ขนส่งน้ าปัสสาวะเข้าสู่กรวยไต (renal pelvis)
หน่วยเล็กที่สุดของไต → การกรองปัสสาวะ
ไตแต่ละข้างประกอบด้วย 1.3 ล้าน nephron
อยู่ในส่วนชั้น cortex และ medulla
antidiuretic hormone/Vasopressin(ADH) กระตุ้นการดูดซึมน้ ากลับสู่กระแสเลือดบริเวณท่อรวม (collecting duct) ของหน่วยไต
ซึ่งช่วยรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย
Aldosterone เพิ่มการดูดกลับของ Na+ และเพิ่มการขับ K+ ที่ หลอดไต (distal renal tubules) ทำให้ Na+ เพิ่มขึ้นในกระแสเลือดและมี K+ มากขึ้นในปัสสาวะ
Function of urinary system
ผลิต active vitamin D เพื่อช่วยในการดูดซึม Ca2+ ที่ผนังลำไส้เล็ก
กรองและขับของเสียออกจากร่างกายทางปัสสาวะ
ควบคุมสมดุลกรดด่างของร่างกาย
สังเคราะห์ฮอร์โมนที่สำคัญในร่างกาย ได้แก่ erytropoitin, renin
Renal function test การตรวจดูสมรรถภาพการท างานของไตได้จากการตรวจเลือดและการตรวจปัสสาวะ ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วจะประกอบไปด้วยการตรวจ BUN, Creatinine และ eGFR เพื่อดูว่าไตสามารถทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดขับทิ้งปัสสาวะได้เป็นปกติหรือไม่
Blood urea nitrogen ระดับ BUN ในเลือดที่เพิ่มขึ้น สามารถแสดงภาวการณ์ทำงานของไตที่ลดลง และการเพิ่ม เมตาบอลิซึมของไนโตรเจนจากอาหาร เช่น รับประทานอาหารโปรตีนมากพยาธิสภาพที่ไต ที่มีผลให้ระดับ BUN สูงขึ้น ได้แก่ การขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงที่ไต
Serum creatinineเป็นสารที่กล้ามเนื้อสร้างขึ้นและขับออกทางเดินปัสสาวะในอัตราที่สม่ำเสมอประมาณวันละ 20-25 mg/kg ในผู้ชาย และวันละ 18-20 mg/kg ในผู้หญิง จึงเหลือระดับ Cr ในเลือด ในภาวะปกติประมาณ 0.6–1.5 mg/dl ในผู้ชาย และ 0.6-1.1 mg/dl ในผู้หญิง
Estimated glomerular filtration rate : eGFR การตรวจหาค่าอัตราการไหลของเลือดผ่านตัวกรองไตในหนึ่งนาที โดยเป็นค่าที่ได้จากการคำนวณCreatinine เพศ อายุ และเชื้อชาติของผู้รับกาตรวจแต่ละคน (ค่า Creatinine ยิ่งสูง
จะยิ่งท าให้ GFR มีค่าต่ า)
Pathology of Kidney
Hypernatremia ภาวะที่ร่างกายมีปริมาณโซเดียมในเลือดเกินค่ามาตรฐาน (Normal 135-145 mmol/L )
Cause:
ขาดน้ำ (dehydration)
สูญเสียน้ำ เช่น vomit, diarrhea, burn เป็นต้น
รับประทาน Na2+ เกิน
Effect: ความผิดปกติเหล่านี้ส่งผลท าให้เลือดที่ไหลเวียนผ่านไตมีความเข้มข้นสูง ไตจึงสร้างปัสสาวะมากขึ้น จากการเพิ่มความเข้มข้นของปัสสาวะ(osmotic diuresis)ทำให้ความเข้มข้นของเลือดสูงขึ้น จึงมักแสดงอาการขาดน้ า (dehydration) ร่วมด้วย
Hyponatremia ที่ร่างกายมีปริมาณโซเดียมในเลือดต่ำกว่าค่ามาตรฐาน (Normal 135-145 mmol/L )
Cause:
ลดการดูดซึมโซเดียมและคลอไรด์ ที่ thick ascending limb of Henle’s loop ทำให้ collecting ductดูดน้ำกลับภายใต้อิทธิพล ADH ลดลง
ภาวะไตวาย ภาวะโซเดียมในเลือดต่ าท าให้เกินอาการน้ าเกิน เช่น N/V ระดับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง เป็น
ต้น
มีการเพิ่มการสร้างและหลั่ง ADH
Hyperkalemia ภาวะที่มีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน (Normal 3.5-5.0 mmol/l)
Cause:
ความผิดปกติของหลอดเลือดฝอยในไตรวมบริเวณผิวนอกของไต
ภาวะไตวาย
ลด RBF หลอดเลือดฝอยส่วนต้นและห่วง Henle’s loop จึงปรับตัวดูดซึม Na2+ กลับมากขึ้น ทำให้ปริมาณสารที่ถูกกรองผ่านทางหลอดฝอยไตรวมบริเวณผิวไตด้านนอก
Hypokalemia•ภาวะที่มีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดต่ำเกินเกณฑ์มาตรฐาน (Normal 3.5-5.0)
การเพิ่มการท างานของระบบ RAAS
ภาวะ Ca2+ในเลือดสูง (hypercalcium) ท าให้เกิดการท าลายเซลล์เยื่อบุหลอดฝอยไต
Uremia อาการเป็นพิษในเลือดที่เกิดจากสาร อันได้แก่ Urea/Creatinine ตกค้างอยู่ในเลือดโดยเฉพาะอย่างยิง Urea อาการเป็นพิษดังกล่าวมักเป็นผลสืบเนื่องมาจากการป่วยเป็นโรคไตในขั้นร้ายแรง ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับ Urea ออกได้
Kidney failure ภาวะที่ไตเสียหน้าที่ในการขับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารออกจากกระแสเลือด จึงส่งผลให้เกิดการสูญเสียความสมดุลของสารน้้ำ electrolytes
ไตวายแบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ
1.ไตล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute renal failure) ทำให้มีการคั่งของของเสียในร่างกาย ส่งผลกระทบ ต่อระบบประสาท หัวใจ หายใจ น้ำและ electrolytes หากได้รับการรักษาทันท่วงที ไตก็จะสามารถ กลับมาทำหน้าที่ได้อย่างเดิม
อาการและอาการแสดง
•ปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ปัสสาวะเลย
•บวมที่ขาและเท้า
•เบื่ออาหาร
•คลื่นไส้ อาเจียน
•ปวดหลังบริเวณชายโครง
•รักษาตามสาเหตุ ร่วมกับ การฟอกไต
Complication: ภาวะแทรกซ้อน
• ภาวะน้ำท่วมปอด ภาวะไตวายเฉียบพลันสามารถส่งผลให้เกิดของเหลวส่วนเกินภายในร่างกายล้นเข้า ไปในช่องเยื่อหุ้มปอดท าให้หายใจล้ าบาก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
•เจ็บหน้าอก เมื่อร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ ของเสียจะคั่งอยู่ในกระแสเลือด หากของเสียเหล่านั้นเข้าสู่หัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจนท้าให้รู้สึกเจ็บหน้าอกได้
•กล้ามเนื้ออ่อนแรง ภาวะไตวายจะทำลายสมดุลของสารต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะ K+ ที่ ตกค้าง เพราะร่างกายไม่สามารถขับออกไปจากร่างกายได้ หากร่างกายมี K+ สะสมในเลือดมากเกินไป อาจกระทบต่อการท างานของกล้ามเนื้อทุกส่วน โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ และส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นได้
•ไตถูกท้าลายอย่างถาวร ในภาวะไตวายเฉียบพลัน ไตอาจยังไม่ถูกทำลาย แต่ถ้าได้รับการรักษาที่ ล่าช้าก็จะทำให้ไตถูกทำลายอย่างถาวรและกลายเป็นไตวายเรื้อรังได้
2.ไตล้มเหลวเรื้อรัง (Chronic renal failure) ไตล้มเหลวเรือรัง เป็นภาวะที่ไตสูญเสียหน้าที่อย่างช้าๆ และเป็นไปอย่างถาวร มีการท าลายเนื้อไต
ติดต่อกันเป็นเวลานานไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้
Cause:
โรคไต ที่พบบ่อยคือ การอักเสบที่ไตอย่างเรื้อรัง กรวยไตอักเสบ การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ
โรคของระบบอื่นที่มีผลต่อไต เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผลจากยา สารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง เห็ดพิษ หรือภาวะติดเชื้อ เป็นต้น
อาการและอาการแสดง อาการของไตวายเรื้อรังจะค่อย ๆ แสดงอาการออกมาเป็นระยะแบ่งออกเป็น 5 ระยะ คนปกติทั่วไปจะมีค่าประเมินการทำงานของไตอยู่ที่ 90-100 มิลลิลิตรต่อนาที (ml/min) โดยระยะของไตวาย
ระยะที่ 5 เป็นระยะสุดท้ายของภาวะไตวาย นอกจากอาการที่คล้ายกับระยะที่ 4 แล้ว อาจมีภาวะ โลหิตจางที่รุนแรงขึ้น และอาจมีการตรวจพบการเสียสมดุลของแคลเซียม ฟอสเฟต น ามาสู่ภาวะกระดูกบางและเปราะหักง่าย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้
ระยะที่ 4 อาการต่าง ๆ จะแสดงในระยะนี้ นอกจากค่าการทำงานของไตจะลดลงเหลือเพียง15-29 ml/minแล้ว ผู้ป่วยอาจจะมีอาการมึนงง เบื่ออาหาร น้ าหนักลด ผิวแห้งและคัน ปวดปัสสาวะบ่อยแต่ปริมาณ ปัสสาวะน้อยลง โลหิตจาง หรือรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวตลอดเวลา
ระยะที่ 2 เป็นระยะที่การทำงานของไตเริ่มลดลง แต่ยังไม่มีอาการใด ๆ แสดงให้เห็นนอกจากการตรวจค่าการทำงานของไตเช่นเดียวกัน ซึ่งค่าการทำงานของไตจะเหลือเพียง 60-89 ml/min
ระยะที่ 3 ในระยะนี้ ไม่มีอาการใด ๆ แสดงให้เห็น ค่าการทำงานของไต 30-59 ml/minนอกจากค่าการทำงานของไตที่ทำงานลดลงอย่างต่อเนื่อง
ระยะที่ 1 ในช่วงแรกของอาการไตวายเรื้อรัง จะไม่มีอาการแสดงให้เห็นชัดเจน แต่สามารถทราบได้ ด้วยวิธีการตรวจทางพยาธิวิทยา เช่น ค่า eGFR ซึ่งในะระยะแรก อยู่คงที่ประมาณ 90 ml/min ขึ้นไป แต่อาจพบอาการไตอักเสบ หรือพบภาวะโปรตีนรั่วออกมาปะปนในเลือด
หรือในปัสสาวะ
Complication: ภาวะแทรกซ้อน
โรคกระดูกพรุน เมื่อการทำงานของไตลดลงจากภาวะไตวายเรื้อรัง ฮอร์โมนที่ควบคุมปริมาณ Ca2+ ในกระดูกก็จะลดลงไปด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้เร็วกว่าคนปกติ
โรคโลหิตจาง นอกจากภาวะไตวายเรื้อรังจะทำให้มีของเสียตกค้างในกระแสเลือดมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ไตไม่สามารถผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงได้ เกิดภาวะโลหิตจาง
โรคหัวใจและหลอดเลือด ไตวายเรื้อรังจะส่งผลโดยตรงต่อระบบไหลเวียนเลือด และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบแข็งมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมองได้
Renal Failure
Continuous ambulatory peritoneal dialysis (CAPD): การทำ dialysis วิธีหนึ่งที่ผู้ป่วยทำด้วยตนเองที่บ้านได้ โดยใช้ผนังเยื่อบุช่องท้องเป็นตัวกรองของเสีย น้ำแลเกลือแร่
Renal transplantation: การผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไต เป็นวิธการรักษาที่ดีที่สุดเพราะสามารถสังเคราะห์วิตามินดี และฮอร์โมน Erythropoietin ได้ แต่ผู้ป่วยจะต้องมีชีวิตอยู่ได้โดยได้รับยากดภูมิคุ้มกันภายหลังผ่าตัดเพื่อป้องกันภาวะRejection ส่งผลให้ติดเชื้อ
Hemodialysis: การบำบัดไตโดยใช้เครื่องไตเทียมมาฟอกเลือดขจัดของเสียเพื่อรักษาสมดุลของ น้ำและกรดด่างในร่างกาย
Pathology of Kidney
Glucosuria การมีระดับน้ าตาลในเลือดสูงเกินระดับที่ไตสามารถกรองได้ > 160 mg/dl ในเลือดดำทำให้ปริมาณน้ำตาลผ่านการกรองมากเกินกว่าที่หลอดเลือดฝอยไตจะสามารถดูดกลับได้หมด เช่นเบาหวาน กลุ่มอาการ cushing syndrome
Ketonuria การตรวจพบคีโตนในปัสสาวะ > 20 mg/dl เนื่องจากการเผาผลาญพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตในร่างกายไม่สมบูรณ์ หรือไม่เพียงพอ จึงเกิดการใช้พลังงานจากไขมันและโปรตีนในร่างกายขึ้น พบใน ผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่อดอาหาร (Stravation) หรือผู้ที่รับประทานโปรตีน มากๆ (high protein diet) เมื่อปริมาณคีโตนเกินระดับที่ไตสามารถกรองไต→Ketonuria
Proteinuria Proteinuria: ภาวะที่มีโปรตีนในปัสสาวะมากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อวัน โดยปกติสามารถตรวจพบโปรตีนได้ ประมาณวันละ 40-80 mg
•Transient proteinuria: การพบโปรตีนในปัสสาวะชั่วคราว ในขณะที่ผู้ป่วยมีภาวะอื่นๆ อยู่ เช่น ไข้ หลังออกกำลังกาย
•Persistent proteinuria: การพบโปรตีนในปัสสาวะทุกครั้งที่มีการตรวจปัสสาวะ
Cause:สาเหตุ
•ระดับโปรตีนในพลาสมามาก: โดยเฉพาะโปรตีนโมเลกุลเล็กๆ โปรตีนจะผ่านการกรองของโกลเมอรูลัสได้มาก
•โปรตีนผ่านโกลเมอรูลัสเพิ่มขึ้น: โปรตีนจากกระแสเลือดสามารถกรองผ่าน Glomerulus เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงหรือท าลายเยื่อบุผนังหลอดเลือดฝอยไตหรือปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากกลไก
การอักเสบที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
•ลดการดูดกลับที่หลอดเลือดฝอยไต: มักเกิดจากการขาดเลือดมาหล่อเลี้ยงไต เช่น เสียเลือดมาก หรือความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรง
•Pathophysiology: เมื่อปริมาณเลือดลดลงเซลล์หลอดเลือดฝอยส่วนต้น ซึ่งต้องอาศัยออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดเพื่อสร้างพลังงานในการดึงโปรตีนจากสารที่ผ่านการกรองกลับสู่ร่างกายท างานได้ลดลงจึงสูญเสียโปรตีนออกมาทางปัสสาวะ
Polyuria ภาวะที่มีการขับถ่ายปัสสาวะมากกว่าวันละ 1,500 ml โดยไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำมาก
Cause:สาเหตุ
ไตวาย
ดื่มน้ำน้อยมาก
Hematuria ปัสสาวะเป็นเลือด คือ การมีเม็ดเลือดแดงปนออกมากับปัสสาวะ > 8000 cell/ml อาจเห็นชัดเป็นเลือดสดๆ (Gross hematuria) หรือเห็นเมื่อดูจากกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic hematuria)
Cause:สาเหตุ
มะเร็งในระบบทางเดินปัสสาวะ
การตายของ basement membrane ของ glomerulus ท าให้ RBC ถูกกรองผ่านมาทางปัสสาวะได้
มีการบาดเจ็บที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
เลือดที่ออกจะมีความสัมพันธ์กับตำแหน่งพยาธิสภาพ
เลือดออกชัดตลอดการถ่ายปัสสาวะ: Kidney, Ureter
เลือดออกตอนสุดท้ายของปัสสาวะ: Bladder, Urethra ส่วนหลัง
เลือดออกเมื่อถ่ายปัสสาวะตอนแรก: Urethra ส่วนหน้า
เลือดออกเมื่อถ่ายปัสสาวะตอนแรกและตอนหลัง: Urethra ส่วนหน้าและส่วนหลัง
Oliguria ภาวะปัสสาวะน้อยกว่าปกติ (< 20 ml/ hr) <400 ml/day ถ้า < 100 ml/day
Cause:สาเหตุ
1.ปัสสาวะมากจากการเพิ่มปริมาณน้ าในร่างกาย
ปัสสาวะมากจากการเพิ่มความเข้มข้นของปัสสาวะ เช่น น้ำตาล ยูเรีย
Voiding dysfunction
Dysuria ปัสสาวะลำบาก ปวดขณะถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย (frequency) และ อยากถ่ายปัสสาวะทันทีทันใด (urgency) อาการปวดมัก สัมพันธ์กับการบีบตัว ของกระเพาะปัสสาวะ
Cause:สาเหตุ
การอักเสบของท่อปัสสาวะ
ท่อปัสสาวะได้รับอันตราย
การอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ
อาจเกิดขึ้นชั่วคราวภายหลังร่วมเพศ
Retention of urine การที่มีปัสสาวะคั่งอยู่ใน กระเพาะปัสสาวะ ไม่สามารถทำให้กระเพาะปัสสาวะว่าง หรือภาวะที่ไม่มีการถ่ายปัสสาวะ ภายใน 8 - 10 ชั่วโมงของการถ่ายปัสสาวะครั้งสุดท้าย
Cause:สาเหตุ
ต่อมลูกหมากโต
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
การบวมบริเวณท่อปัสสาวะ
ระบบประสาทเสียหน้าที่ (เช่น ได้รับบาดเจ็บบริเวณไขสันหลัง)
เกิดชั่วคราวในผู้ป่วยหลังทำผ่าตัด ดมยาสลบ/ฉีดยาเข้าเส้นประสาทไข สันหลัง หญิงหลังคลอดบุตร
Nocturia อาการที่ตื่นในตอนกลางคืนเพื่อปัสสาวะมากกว่า 1 ครั้ง โดยเกิดจากร่างกายผลิต ปัสสาวะมากเกินไป หรือกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถรองรับน้ าปัสสาวะได้นานเพียงพอ
Cause:
การใช้ยา
การเจ็บป่วยหรือภาวะต่าง ๆ
อายุ
การตั้งครรภ์
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
Urinary incontinence สภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่: ภาวะที่มีปัสสาวะออกมาจากท่อปัสสาวะโดยไม่สามารถควบคุมได้มักพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยผู้ใหญ่เกือบร้อยละ 50 และมีเพียงร้อยละ 25 ถึง 61 เท่านั้นที่มาพบแพทย์ เนื่องจากผู้ที่มีอาการมักจะอาย ไม่มีความรู้เกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาหรือกลัวการผ่าตัด
การแบ่งประเภทของภาวะปัสสาวะเล็ด
ปัสสาวะเล็ดราด (overflow incontinence): ภาวะที่เกิดจากกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะสูญเสียความสามารถในการบีบตัว เช่น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีพยาธิสภาพของเส้นประสาท ที่มาเลี้ยงกระเพาะปัสสาวะ หรือเกิดจากการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (bladder outlet obstruction) เช่น ต่อมลูกหมากโตทำให้ภายหลังการปัสสาวะยังคงเหลือน้ำปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นจ านวนมากเมื่อไตผลิตน ้าปัสสาวะในอัตราคงที่
ปัสสาวะราด (urge incontinence): เป็นภาวะที่เมื่อผู้สูงอายุเกิดอาการปวดปัสสาวะอย่าง ทันทีทันใด จะมีปัสสาวะราดออก มาทันทีโดยไม่สามารถไปเข้าห้องน้ำได้ทัน เกิดขึ้นเนื่องจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ (OAB: over active bladder) คือ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวขึ้นมาเองทั้งที่ ปัสสาวะยังไม่เต็ม
ปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากภาวะหรือโรคทางกายที่ไม่ใช่ความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (functional incontinence): ภาวะที่เกิดจากความผิดปกติที่นอกเหนือจากสาเหตุที่ เกิดจากการควบคุมการถ่ายปัสสาวะไม่ได้ แต่เกิดจากมีปัญหาทางสมอง หรืออยู่ในภาวะที่ไม่ สามารถไปเข้าห้องน้ำได้ ได้แก่ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสติปัญญา (cognition)
ปัสสาวะเล็ดขณะออกแรง (stress incontinence): ภาวะที่มีปัสสาวะเล็ดออกมาขณะที่มีการ เพิ่มของความดันในช่องท้อง เช่น การเบ่ง, การจาม, การไอ, การหัวเราะ เป็นต้น โดยไม่มีการหดรัดตัว ของกระเพราะปัสสาวะร่วมด้วย ภาวะนี้เป็นภาวะปัสสาวะเล็ดชนิดที่พบได้มากที่สุดในผู้หญิงอายุน้อย และอุบัติการณ์เพิ่มสูงขึ้นในผู้หญิงช่วงอายุ 45-49 ปี
อาการและอาการแสดง
ไอ จาม ปัสสาวะเล็ด
ปัสสาวะไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว
ปวดปัสสาวะรุนแรงแล้วราดออกมา
ปัสสาวะเล็ดราดหลังการถ่ายปัสสาวะสุด
Rx:
pelvic floor exercise หรือ kegel exercise
การรักษาด้วยยา: การใช้ครีมเอสโตเจน ยากลุ่ม alfa-2 agonist และ duloxetine เป็นต้น
lifestyle intervention
การผ่าตัด: เป็นการรักษาที่ทำให้หายขาดได้ จะพิจารณาทำเมื่อการรักษาด้วยการรักษาข้างต้นไม่ได้ผล
Other of disease
in KUB
Horseshoe kidney การเชื่อมกันของไตสองข้างตั้งแต่กำเนิด โดยมากมักเป็นขั้วล่างเชื่อมกัน ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มักพบโดยบังเอิญในรายที่ท าการผ่าชันสูตรศพอาจทำให้เกิด การติดเชื้อได้บ่อยหรือทำให้เกิดนิ่วได้ง่าย อาจพบความผิดปกติอื่นร่วมได้เช่น double ureter
Renal cell carcinoma มะเร็งไต •พบในเพศชาย > หญิง (2:1) ปัจจัย การสูบบุหรี่ รังสีจากสาร Thoratrast โลหะหนัก เช่น แคดเมียม, ตะกั่ว
อาการและอาการแสดง ปัสสาวะเป็นเลือด ปวด ไข้ น้ำหนักลด •Paraneoplastic syndrome: anemia, erythrocytosis, thrombocytosis,hypertension, hypercalcemia, gynecomastia, Cushing’s syndrome,
Urinary tract infections การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ (UTI): การตอบสนองของการอักเสบของเยื่อบุ ผิวระบบทางเดินปัสสาวะต่อการบุกเข้าของแบคทีเรีย เนื่องจากเยื่อบุผิวระบบปัสสาวะทั้งหมดเชื่อมต่อกันทั้งหมด ทำให้ทั้งระบบของทางเดินปัสสาวะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อทั้งหมด
แบ่งตามตำแหน่งการติดเชื้อ
•ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (Lower urinary tract infection): ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อยโดยไม่มีไข้หนาวสั่น หรืออาการปวดหลังอาการเหล่านี้แสดงถึง cystitis, urethritis หรือ prostatitis
•ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน (Upper urinary tract infection) มีไข้ ปวดหลัง ปวดสีข้าง อาการ ทาง systemic, leukocytosis แสดงถึง acute pyelonephritis intrarenal abscess
แบ่งการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะตามสภาวะผู้ป่วย
Uncomplicated UTI: การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะแบบไม่ซับซ้อน คือ การติดเชื้อในผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรง
Complicated UTI: การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะแบบซับซ้อน คือ การติดเชื้อในผู้ป่วยที่อ่อนแอหรือมีโครงสร้าง
อาการและอาการแสดง
Dysuria
ปวดหลังใต้กระดูกซี่โครง
•ไข้สูง
Urinary bladder carcinoma มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เกิดจากการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผนังด้านใน ก่อนพบเป็นก้อนเนื้องอก ถ้าไม่มีการลุกลามผ่านชั้นเยื่อบุผนังด้านใน จัดว่าเป็นมะเร็งที่ไม่มีพฤติกรรมรุนแรง และส่วนใหญ่มักจะไม่ลุกลาม
อาการและอาการแสดง
อาการผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ: ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือปัสสาวะแสบขัด
ปัสสาวะปนเลือด
Kidney Stones นิ่วในไต: โรคที่เกิดจากแร่ธาตุแข็งชนิดต่าง ๆ ที่รวมตัวกันเป็นก้อน ก้อนนิ่วมีชนิด และขนาดที่แตกต่างกันไป โดยมักเกิดขึ้นบริเวณไต แต่พบได้ตลอดระบบทางเดิน ปัสสาวะ และมีโอกาสเกิดได้สูงหากปัสสาวะมีความเข้มข้นจนแร่ธาตุต่าง ๆ ตกตะกอนจับตัวเป็นนิ่ว หินปูนที่อยู่ในเนื้อไตแต่ไม่ได้อยู่ในกรวยไตหรือ calyces เรียกว่า “nephrocalcinosis” สามารถจำแนกได้เป็น 2 ชนิด ตามตำแหน่งที่พบในทางเดินปัสสาวะ ดังนี้
1.โรคนิ่วทางเดินปัสสาวะส่วนบน คือ นิ่วที่พบบริเวณ กลีบกรวยไต (renal calyces) กรวยไต (renal pelvis) และท่อไต (ureter)
โรคนิ่วทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง คือ นิ่วที่พบบริเวณ กระเพาะปัสสาวะ (bladder) และบริเวณท่อปัสสาวะ (urethra)
Cause:สาเหตุ
กรดยูริก พบประมาณ 10% ก้อนนิ่วชนิดที่พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หรือพบในผู้ป่วยโรคเกาท์หรือผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการเคมีบำบัด (Chemotherapy) โดยก้อนนิ่วจากกรดยูริกนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อปัสสาวะมีความเป็นกรดมากเกินไป
สตรูไวท์ พบประมาณ 14% เป็นนิ่วที่ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงที่มีการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะก้อนนิ่วชนิดนี้เป็นก้อนนิ่วที่เกิดจากการติดเชื้อที่ไต (Kidney Infection)และอาจมีขนาดใหญ่จนไปขัดขวางท าให้การขับปัสสาวะถูกปิดกั้น (Urinary Obstruction)
แคลเซียม ก้อนนิ่วจากแคลเซียมเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด พบประมาณ 75% และส่วนมากมักเป็นก้อนนิ่วจากแคลเซียมที่รวมกับออกซาเลต ซึ่งเป็นสารที่มักพบในอาหารและเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกัน
ซีสทีน พบประมาณ 1% นิ่วชนิดนี้พบได้ไม่บ่อย เกิดขึ้นได้ทั้งกับเพศชายและเพศหญิงที่มีความ ผิดปกติทางพันธุกรรมของซีสทีน ซึ่งเป็นกรดที่เกิดขึ้นในร่างกายโดยธรรมชาติ และรั่วจากไตมายัง ปัสสาวะ
อาการและอาการแสดง
มีอาการปวดบีบเป็นระยะ และปวดรุนแรงเป็นช่วง ๆ ที่บริเวณดังกล่าว
ปัสสาวะเป็นเลือด หรืออาจมีสีแดง ชมพู และน้ำตาล
ปวดบริเวณหลังหรือช่องท้องด้านล่างข้างใดข้างหนึ่ง อาจปวดร้าวลงไปถึงบริเวณขาหนีบ
ปัสสาวะแล้วเจ็บ
Rx:
นิ่ว ø < 5mm.:
•ดื่มน้ ามากๆ
ยาแก้ปวด: Ibuprofen, Naproxen
ยาขับนิ่ว: Alpha Blocker
Complication:ภาวะแทรกซ้อน
UTI
Kidney failure
Hematuria
Rhabdomyolysis ภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย: ภาวะที่กล้ามเนื้อลายส่วนที่เสียหายสลายตัวแล้วปล่อยสารที่อยู่ภายในเซลล์เข้าสู่กระแสเลือดจนอาจท าให้ไตวายได้
Cause:สาเหตุ
ความผิดปกติทางพันธุกรรมของกล้ามเนื้อ
การได้รับสารพิษ เช่น พิษงูกัด เป็นต้น
ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงกล้ามเนื้อขาดเลือด หรือตาย
อาการและอาการแสดง
ปวดกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ หลังส่วนล่าง หรือต้นขา
กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย
กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่บริเวณแขนขา และเคลื่อนไหวลำบาก
Rx:
รักษาด้วยการผ่าตัด: ความตึงหรือแรงกดที่ทำให้เกิดภาวะขาดการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อ
Intervention: การฟอกไต
รักษาด้วยยา: ยาไบคาร์บอเนตหรือยาขับปัสสาวะบางชนิดเพื่อช่วยให้ไตทำงานเป็นปกติ
ไตวายในระยะที่ 1-3 เป็นระยะไม่จ าเป็นต้องทำการรักษา
แต่จำเป็นที่จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจระบบ
การทำงานของไต เป็นระยะทุกๆ 3 เดือน
ไตวายในระยะที่ 4-5 เป็นระยะที่ไตท างานลดลงอย่างมาก จะต้องใช้การรักษาหลายๆ วิธีร่วมกัน เพื่อประคับประคองอาการให้อยู่ในระดับคงที่ เพื่อรอการผ่าตัดปลูกถ่ายไต อีกทั้งต้องมีการเฝ้าระวัง ภาวะบวมน้ำ ภาวะกระดูกเปราะบาง โรคโลหิตจาง และการติดเชื้อในไตร่วมด้วย