Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เนื่องจากผู้ป่วยและครอบครัวเป็นคนในชุมชนที่พยาบาลรู้จักดีว่า…
เนื่องจากผู้ป่วยและครอบครัวเป็นคนในชุมชนที่พยาบาลรู้จักดีว่า ภรรยาผู้ป่วยเป็นคนปากร้าย ก้าวร้าว ชอบโวยวาย กลัวว่าจะมีปัญหาร้องเรียนภายหลังพยาบาลคิดแล้วจึงตามใจภรรยาผู้ป่วย แต่ได้ให้แพทย์เวรชี้แจงอาการที่เป็นว่ามีโอกาสที่เส้นเลือดในสมองอาจแตกได้ แต่ภรรยายังยืนกรานปฏิเสธการรักษาต่อที่โรงพยาบาลประจําจังหวัด แพทย์จึงให้ภรรยาผู้ป่วยเขียนหนังสือแสดงความจํานงปฏิเสธการส่งต่อไปรักษา
ต่อมาเวลาประมาณ 19.30 น. วันเดียวกันผู้ป่วยถูกนําตัวส่งโรงพยาบาลอีกครั้งด้วยด้วยอาการหมดสติความดันโลหิต 170/70 mmHg.Pupil ตอบสนองต่อแสงช้า dilate ทั้งสองข้าง จึงให้IV fluidใส่ท่อทางเดินหายใจ ให้ออกซิเจนทาง ambu bag คาสายสวนปัสสาวะไว้และนําส่งโรงพยาบาลประจําจังหวัดทันที ผู้ป่วย on bird’s respirator อยู่ 3 วันถึงแก่ความตาย
-
แพทย์จึงเขียนใบส่งต่อไปโรงพยาบาลประจําจังหวัด ผู้ป่วยร้องเอะอะภรรยาผู้ป่วยจึงบอกกับพยาบาลว่าสามีไม่ต้องการไป คิดอาการที่เกิดคงไม่เป็นไร ไปถึงโรงพยาบาลประจําจังหวัดเอะอะอย่างนี้อายเขาเคยเป็นอย่างนี้แล้ว หลับตื่นมากก็หาย
โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง เวลาประมาณ 17.00 น ภรรยานําสามีมาส่งห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยอายุประมาณ 50 ปี มีสภาพสับสน เอะอะ เปะปะ ผลักไส มีกลิ่นสุราตามตัว แพทย์ห้องฉุกเฉินประเมินสภาพแล้วพบ ว่า มีความดันโลหิตสูงมาก 190/90 mmHg. pulse pressure กว้าง pupil ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้างปกติ สงสัยวาอาจมีเลือดออกในสมอง
-
-
-
-
-
ทั้งนี้เมื่อจะทำการรักษาการรักษาพยาบาลบุคลากรทางการแพทย์ต้องบันทึกเหตุดังกล่าวตาม (๑) หรือ (๒) ไว้ในเวชระเบียนเสมอ
-
ด้วยพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘ กำหนดแนวทางปฏิบัติในการให้ข้อมูลและการให้ความยินยอมดังนี้
ข้อ ๑๑ บุคลากรทางการแพทย์ไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยหรือผู้กระทำการแทนผู้ป่วย (๑) ผู้ป่วยอยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตและมีความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างรีบด่วน (๒) ผู้ป่วยไม่อยู่ในฐานะที่จะรับทราบข้อมูลได้เช่นไม่มีสติสัมปชัญญะเป็นต้นและไม่สามารถติดต่อบุคคลตามข้อ ๖ (๒) ได้
ข้อ ๑๒ เมื่อผู้ป่วยหรือผู้กระทำการแทนได้รับทราบข้อมูลการรักษาพยาบาลแล้วโรงพยาบาลจะต้องให้ผู้ป่วยตัดสินใจว่าจะรับบริการรักษาพยาบาลหรือไม่ทุกกรณี
การยินยอมรับบริการหรือไม่ยินยอมรับบริการต้องมีหลักฐานแสดงเป็นหนังสือในกรณีผู้ป่วยไม่ยอมลงลายมือชื่อในหนังสือยินยอมหรือปฏิเสธการรักษาพยาบาลให้บันทึกไว้ในเวชระเบียนด้วย หนังสือแสดงการรับทราบข้อมูลและการยินยอมของผู้ป่วยหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้ป่วยให้เป็นไปตามแบบท้ายหลักเกณฑ์นี้ ในกรณีโรงพยาบาลประสงค์จะออกหนังสือแสดงการรับทราบข้อมูลและการยินยอมของผู้ป่วยเองก็ให้ทำได้ แต่ต้องมีสาระสำคัญไม่น้อยกว่าที่กำหนดในแบบท้ายหลักเกณฑ์นี้
ด้วยพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘ กำหนดแนวทางปฏิบัติในการให้ข้อมูลและการให้ความยินยอมดังนี้
จากข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2550 หมวด 2 การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ส่วนที่ 1 การปฏิบัติต่อผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการ ข้อ 12 ผู้ประกอบวิชาชีพ ต้องไม่ประกอบวิชาชีพโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยและความสิ้นเปลืองของผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการ
ให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและญาติ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะใช้บริการหรือไม่เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือกรณีรีบด่วนหรือจำเป็น กรณีที่ผู้ป่วยหรือญาติปฏิเสธการรักษาต้องแน่ใจว่าได้อธิบายผลเสียของการปฏิเสธการรักษาให้ผู้ป่วยและญาติได้เข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว ชี้แจงและอธิบายให้ผู้ใช้บริการทราบถึงความจ าเป็นที่ต้องย้าย หรือส่งต่อผู้ใช้บริการไปยังสถานบริการอื่น ๆ เพื่อการตัดสินใจยินยอมหรือไม่ยินยอม
ในกรณีนี้แพทย์และพยาบาลให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตถือเป็นจริยธรรมแห่งวิชาชีพขั้นพื้นฐาน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพจะต้องรีบดำเนินการโดยทันที เมื่อตนอยู่ในฐานะที่จะให้ความช่วยเหลือได้ การช่วยเหลือในลักษณะเช่นนี้นับเป็นความจำเป็นในการช่วยชีวิต แม้ว่าจะไม่ได้รับการร้องขอจากผู้ป่วย ซึ่งบ่อยครั้งก็ไม่อยู่ในสภาพมีสติพอที่จะร้องขอได้ ถือว่าเป็นการกระทำโดยความจำเป็น ไม่มีความผิด แต่ถ้าในกรณีที่แพทย์และพยาบาลปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือนับว่าเป็นการละเมิดข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2526 หมวด 3 ข้อ 10 และอาจผิดกฎหมายอาญา มาตรา 374 ด้วย
มาตรา ๘ ในการบริการสาธารณสุขบุคลากรด้านสาธารณสุขต้องแจ้งข้อมูลด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการให้ผู้รับบริการทราบอย่างเพียงพอที่ผู้รับบริการจะใช้ประกอบการตัดสินใจในการรับหรือไม่รับบริการใดและในกรณีที่ผู้รับบริการปฏิเสธไม่รับบริการใด จะให้บริการนั้นมิได้
ในกรณีนี้พยาบาลทราบถึงนิสัยภรรยาของผู้ป่วยจึงตามใจที่จะไม่รับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่ได้ให้แพทย์ชี้แจงอาการข้างต้นถึงโอกาสที่เสี่ยงอันตราย จรรยาบรรณวิชาชีพตามประกาศของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พ.ศ. 2546 ข้อที่ 1 พยาบาลรับผิดชอบต่อประชาชนผู้ต้องการการพยาบาล และบริการสุขภาพพยาบาลรับผิดชอบต่อประชาชนผู้ต้องการการพยาบาล และบริการสุขภาพทั้งต่อปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน และระดับประเทศ ในการสร้างเสริมสุขภาพการป้องกันความเจ็บป่วย การฟื้นฟูสุขภาพและการบรรเทาความทุกข์ทรมาน
กรณีนี้ภรรยาของผู้ป่วยปฎิเสธการรักษาและการส่งตัวไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยแพทย์ให้ภรรยาผู้ป่วยเขียนหนังสือแสดงความจํานงปฏิเสธการส่งต่อไปรักษา ในเวลาต่อมาผู้ป่วยได้เสียชีวิตลงแพทย์และพยาบาลจึงไม่มีความผิดเพราะได้รับการตัดสินใจจากภรรยาแล้ว
ด้วยพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘ กำหนดแนวทางปฏิบัติในการให้ข้อมูลและการให้ความยินยอมดังนี้
จากข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พศ 2550 หมวด 2 การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ส่วนที่ 1 การปฏิบัติต่อผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการ ข้อ 12 ผู้ประกอบวิชาชีพ ต้องไม่ประกอบวิชาชีพโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยและความสิ้นเปลืองของผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการ
ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อน พยาบาลยควรให้การรักษาโดยสังเกตอาการ ติดตามการรักษา เพื่อประเมินการควบคุมความดันอย่างสม่ำเสมอและติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ แนะนำ ส่งเสริม และดูแลสุขภาพโดยทั่วไป เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง หรือถ้ามีความดันโลหิตสูงก็มีความรู้เพียงพอที่จะปฏิบัติตนให้ถูกต้องเหมาะสม
-
-
รุ่งรัตน พิมพา. (2563). การให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาลของผู้เยาว์ในประเทศไทย. วารสารบัณฑิตศึกษานิติศาสตร์, 13(2), 199-200.
-
-
-