บทที่ 4 ประโยชน์การนำพืชสมุนไพรไปใช้ในงานสาธารณสุข

การประยุกต์ใช้ในทางคลินิก

การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสมุนไพร

การใช้สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างปลอดภัยในผู้ป่วยโรคตับและไต

คลินิกแผนไทย

คัดเลือกยาสมุนไพรแทนยาแผนปัจจุบัน

ระวังข่าวปลอม!!! ดังนี้

ต้นอังกาบหนูรักษาโรคมะเร็งได้

อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของพลูคาวหรือคาวตอง ต้านเชื้อไวรัสโควิด-19

เปลือกต้นและแก่นของตะโกนาสามารถรักษาดรคมะเร็งได้

น้ำสมุนไพร Air-Herbe รักษาอาการปวด เจ็บ เสียดกระดูก

น้ำสามเกลอ ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดในหัวใจ

น้ำปั่นใบไม้สดไม่ผ่านความร้อนรักษามะเร็ง

น้ำมะตูมดื่มก่อนนอน ความจำดีขึ้น

ใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ฆ่ามะเร็งในคน

จิบน้ำขมิ้นชันป้องกันมะเร็.

สมุนไพรที่เป็นข่างดัง

บอน

บอนออดิบกินได้

บอนโหราห้ามกิน

ลักษณะ : ใบสีเขียวอ่อน ใบขนาดเล็กและบาง ก้านใบสีขาวห่างริมขอบใบ ลำต้นสีเขียวอ่อน มีแป้งเคลือบ

ลักษณะ : ใบสีเขียวเข้ม ใบขนาดใหญ่และหนา ก้านใบสีเข้มติดชิดขอบใบ ลำต้นสีเขียวเข้ม

หนานเฉาเหว่ย(ป่าช้าเหงา)

สรรพคุณ

ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต

มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปกป้องตับ (แต่หากเป็นโรคตับ ไม่แนะนำให้ทาน)ปกป้องไต (หาก GFR หรือค่าการทำงานของไตต่ำกว่า 60 ไม่แนะนำให้ทาน)

กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแก้ปวด ลดอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อปรสิต

เพิ่มคุณภาพของสเปิร์มคนพื้นบ้านทานเพื่อแก้ไขมาลาเรีย

ปริมาณที่ควรทาน

1.ทานเป็นอาหาร นำใบมารองกระทงห่อหมกแทนใบยอ หรือยำดอกขจรใส่ดอกป่าช้าเหงา

2.ทานเป็นยา

ต้มกิน ใบเท่าฝ่ามือ 3 ใบต้มกับน้ำ 1 ลิตรต้มพอเดือด 3-5 นาทีดื่ม 250 มิลลิลิตร ก่อนอาหารเช้าวันละ 1 ครั้งตอนตื่นนอน กินบ้างหยุดบ้างไม่แนะนำให้กินทุกวันหรือกินต่อเนื่อง เพราะเป็นยาเย็น(จากการใช้ของคนไทใหญ่และทางใต้ มักกินไม่เกินวันละ 5 ใบ)

กินใบสด ถ้าใบใหญ่เท่าฝ่ามือวันละ 1 ใบ กินบ้างหยุดบ้าง เช่น กินวันเว้นวัน ถ้าจะกินทุกวันแนะนำวันละ 1-2 ใบเล็กๆ ติดต่อกันไม่เกิน 1 เดือนอาจเว้น 1 เดือนแล้วเริ่มกินใหม่

ข้อควรระวัง

ห้ามใช้ในคนไข้กินยาละลายลิ่มเลือดชื่อวาร์ฟาริน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยา

ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์

ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตบกพร่อง (ค่าการทำงานของไต GFR น้อยกว่า 60 ไม่ควรทาน)

ไม่ควรทานเป็นยาในผู้ที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาในเลือด ควบคุมความดันโลหิตได้ดีอยู่แล้ว

ระวังการใช้ในผู้ป่วยเลือดจาง เนื่องจากบางรายงานพบฤทธิ์ทำให้เม็อเลือดแดงแตก

หากมีอาการหน้ามืด เหนื่อยมากขึ้น เหงื่อออก ใจสั้น อ่อนแรง ควรหยุดทานแล้วปรึกษาแพทย์ทันที

ข้อควรทราบก่อนทาน

สมุนไพรไม่ได้ทำให้โรคดังกล่าวหาย ห้ามหยุดยาแผนปัจจุบัน ห้ามขาดการรักษา ผู้ป่วยควรสังเกตอาการผิดปกติ

พบว่าให้ผลลดความดันและน้ำตาวได้เร็ว และลดได้มากในผู้ป่วยบางราย แต่บางรายก็ไม่พบผลดังกล่าว

พบพิษต่ออัณฑะในหนูเพศผู้ เมื่อใช้ติดต่อกัน 5-6 วันระวังการใช้ติดต่อกันนานหรือเข้มข้นในชายวัยเจริญพันธุ์

งานวิจัย

KAIZEN

คือ การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

กระบวนการ

3.เน้นจากล่างขึ้นบน

4.ทำง่ายแต่คิดเยอะ

2.ทีละนิดไม่หยุด

5.ต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ

1.จากง่ายไปยาก

กลยุทธิ์

ลด

เปลี่ยน

เลิก

เลิกการทำงานที่ไมมี Standard

ลดความหลากหลายของแบบฟอร์ม

ลดความหลากหลายของสถานที่เก็บเอกสาร

เปลี่ยนวิธีการเก็บเอกสาร

เปลี่ยนกระบวนการทำงานใหม่

เปลี่ยนวิธีจัดเรียงเอกสาร

เปลี่ยนวิธีการลงบันทึกวันที่

มี 3 ระดับ

ระดับ 2 ร่วมมือกันปรับปรุง

ระดับ 3 ช่วยกันพัฒนาข้ามฝ่าย

ระดับ 1 ปรับปรุงงานตัวเอง

การเก็บผลงาน

2.เก็บทุกเดือน

3.เก็บทุกปี

1.เก็บทุกวัน

R2R = Routine to Research

รางจืด

ประวัติ

ชาวบ้านจะกินน้ำคั้นใบหรือรากรางจืดก่อนที่จะไปแข่งพนันดื่ทเหล้า เพราะทำให้ไม่เมา

รับประทานของแสลงแล้วปวดท้อง ท้องเสีย ที่เรียกว่าผิดสำแดงก็จะใช้รางจืด

ใช้ล้างพิษในร่างกาย แก้อาการแพ้ ผื่นคัน และโรคผิวหนัง เช่น เริม

กินสารพิษก็ใช้รางจืดแก้พิษได้

พ.ศ.2521

นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้ผสมผงรากรางจืดกับน้ำยาสตริกนิน พบว่าหนูไม่เป็นอะไร แสดงว่าผงรากรางจืดสามารถดูดซับสารพิษชนิดนี้ไว้ได้ ซึ่งถ้ารับประทานผงรากรางจืดก่อนกินน้ำยาสตริกนินจะไม่ได้ผล

พ.ศ.2523

อาจารย์พาณี เตชะเสน และคณะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ใช้น้ำคั้นใบรางจืดป้อนหนูทดลองที่กินยาฆ่าแมลง "โฟลิดอล" พบว่าแก้พิษได้ ลดอัตราการตายลงจาก 56% เหลือเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งแบบฉีดไม่ได้ผล

พ.ศ.2551

สุชาสินี คงกระพันธ์ ได้ใช้สารสกัดแห้งใบรางจืดป้อนหนูทดลองที่ได้รับยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟต ชื่อมาราธอน พบว่าช่วยชีวิตได้ 30 %

พ.ศ.2553

จิตบรรจง ตั้งปอง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พบว่าสารประกอบในใบรางจืดช่วยป้องกันการตายของเซลล์ประสาทของหนูทดลองที่ได้รับพิษจากสารตะกั่ว จึงสามารถป้องกันการสูญเสียการเรียนรู้และความจำได้อย่างมีนัยสำคัญ

พ.ศ.2554

รายงานวิทยานิพนธมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าสารสกัดแห้งของน้ำใบรางจืด ลดความเป็นพิษของตับจากแอลกอฮอล์ได้

พ.ศ.2548

พรเพ็ญ เปรมโยธิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าสารสกัดน้ำรางจืด ลดความเป็นพิษของตับจากแอลกอฮอล์ได้ ทั้งในหลอดทดลองและในหนูทดลอง

สารสกัดน้ำใบรางจืด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วย

ความเป็นพิษ

ป้อนติดต่อกัน 28 วัน ไม่พบอาการผิดปกติ แต่น้ำหนัก ตับ ไต สูงกว่ากลุมควบคุม ค่าชีวเคมีที่เกี่ยวกับไตสูงขึ้น และ AST สูงขึ้น จึงควรใช้อย่างระมัดระวังและไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

ป้อนหนูทดลองครั้งเดียวทั้งขนาดปกติและขนาดสูง ไม่พบความผิดปกติ

ทดลองในคน

กุมภาพันธ์ 2551 มีข่าวเรื่องน้ำคั้นใบรางจืดช่วยชีวิตผู้ป่วยอาการหนักมากจากพิษแมงดาทะเล ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แสดงว่ารางจืดมีสรรพคุณในการกำจัดพิษในร่างกายตามที่ตำรายาไทยระบุไว้

นพ.ปัญญา อิทธิธรรม ทดลองเก็บข้อมูลการใช้สมุนไพรรางจืดในเกษตรกรซึ่งสัมผัสสารฆ่าแมลง ในกลุ่มไม่ปลอดภัย กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มปลอดภัย

โดยตรวจจากระดับเอนไซม์ในร่างกายที่เพิ่มขึ้นเมื่อได้รับสารพิษนี้ พบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติรัหว่างกลุ่มที่กินและไม่กินสารสกัดน้ำรางจืด แต่ยังสรุปไม่ได้ชัดเจน เพราะมีปัจจัยที่แตกต่างของพื้นฐานร่างกายอื่นๆ เช่น ความแข็งแรง อายุ เป็นต้น

สมุนไพรมะเร็ง

แกงไทยต้านมะเร็ง

แกงป่า ต้านมะเร็งได้ 45%

แกงเหลือง ต้านมะเร็งได้ 25% และมีการตายผิดธรรมชาตมากที่สุด

แกงส้ม ต้านมะเร็งได้ 45%

ต้มยำ ต้านมะเร็งได้ 30%

แกงเลียง ต้านมะเร็งได้ 45% และมีการตายผิดธรรมชาติน้อยที่สุด

ตรีผลา

ประกอบด้วยมะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก อัตราส่วน 1:1:1

กระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ช่วยยับยั้งและฆ่าเซลล์มะเร็งได้ หรือเกิดเซลล์มะเร็งขึ้นมาแล้วก็จะมีผลให้เซลล์มะเร็งโตช้า

ข้อควรระวัง เป็นยาระบายอ่อนๆหากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสีย

วิธีการกิน

แคปซูล

ยาต้ม

หากเข้มข้นเกินไปให้เติมน้ำสุกเพิ่มได้

ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น

ดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า-กลางวัน-เย็น

สมอพิเภก 100 กรัม สมอไทย 200 กรัม มะขามป้อม 400 กรัม ต้มเคี่ยวน้ำที่ต้มตัวยาจาก 3 ส่วนให้เหลือ 1 ส่วน

ครั้งละ 3 แคปซูล เช้า-กลางวัน-เย็น นาน 1 เดือน

ขนาด 250 มิลลิกรัม

สมุนไพรที่ต้องระวังในผู้ป่วยที่มีการทำงานไตบกพร่อง

ชะเอมเทศ

ดอกจำปา

เทียนดำ

ยาดำสะตุ

การบูร

ชาชงหรือสมุนไพรขับปัสสาวะ

ไม่ช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น เช่น หญ้าหนวดแมว, กระเจี๊ยบ และว่านหางม้า(หญ้าถอดปล้อง)

ข้อควรระวัง เพิ่มการขับโซเดียมและน้ำ แต่ไม่ขับโพแทสเซียม, ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งมีผลทำให้เกิดไตวายเฉียบพลัน, ไม่แนะนำให้ดื่มน้ำแทน

รางจืด

ไม่สามารถขับสารพิษในคนไข้โรคไตได้ หากต้องการใช้เพื่อขับพิษจากยาฆ่าแมลงแนะนําให้ใช้เป็นระยะเวลาสั้นๆ เมื่อต้องไปสัมผัสกับยาฆ่าแมลงเท่าน

รางจืดใช้ขับพิษจากยาฆ่าแมลง

ใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้ serum creatinine

เถาวัลย์เปรียง

สำหรับแก้ปวด มีการออกฤทธิ์เหมือน COX-2 inh. แต่มีฤทธิ์น้อยกว่า มีรายงานในคนทำให้ไตวายเฉียบพลัน

หญ้าไผ่น้ำ

มีรายงานในผู้ป่วย CKD ทําให้เกิด AKI

ปอบิด

มีรายงานในคนและผู้ป่วย CKD ทําให้การทํางานของไตแย่ลงมีกลไกการเกิดพิษเหมือนกับ aristolochic acid

มะขามแขก

เมื่อใช้ในขนาดสูงหรือเป็นเวลานาน มีรายงานในคนทําให้เกิดตับและไตวายเฉียบพลัน

มะเฟือง

ขนาด ½-15 ลูก สามารถทําให้เกิด AKI

น้ำลูกยอ/น้ำโนนิ

ทําให้เกิด Hyperkalemia

พลูคาวและโสม

รักษาโรคไตไม่ได้

ไต

สมุนไพร Detox

ไม่สามารถใช้ในคนไข้โรคไต เพราะอาจทําให้สูญเสียนํ้ำในร่างกายมากเกินไป ทําให้เกิดไตวายเฉียบพลัน เช่น ตรีผลา มะนาวโห่

ตับ

ยาหอม

ใช้เกินขนาดทําให้ตับวายได้

มะระขี้นก

Hepatitis in rats

บอระเพ็ด

ขนาดสูงเป็นพิษต่อตับ ห้ามกินทุกวัน

นวดไทย

นวดประคบสมุนไพร = แก้ปวดเมื่อย ลดอักเสบ ช่วยไหลเวียนเลือดได้ดี

อบสมุนไพร

การอยู่ไฟ = ตัวช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอด

การพอกเข่า = แก้ปวดเข่า

ถุงอบสมุนไพรคอ = ช่วยคลายปวดเมื่อย เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ หมอนรองคอ

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522

มาตรา 4

มาตรา 22

การโฆษณาต้องไม้ใช้ข้อความที่ไม่เป็นความต่อผู้บริโภค

3.ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความปลอดภัย ได้รับความเป็นธรรม

4.ผู้บริโภคมีสิทธิจะได้รับพิจารณาและชดเชยความเสียหาย

2.ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือก

1.ผู้บริโภคมีสิทธิจะได้รับข่าวสารที่ถูกต้องและเพียงพอ

งานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

นโยบายรัฐ

ปัญหาของชุมชน

การเข้าถึงกัญชา

เสียงตามสายในชุมชน

งานอบรม

หลักการวินิจฉัยปัญหาสุขภาพชุมชน

2.การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา

3.การวินิจฉัยปัญหาสุขภาพในชุมชน

1.ข้อมูลที่ใช้ในการวินิจฉัยปัญหาสุขภาพชุมชน

ปัญหาสำคัญที่สุดในชุมชน

ปัญหาไม่มีที่ทำกิน 21.5%

ปัญหาความไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ 3.5%

ปัญหาความยากจน 36.5%

ปัญหาความขัดแย้งในชุมชน 2.5%

ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบ 49.8%

ปัญหากลุ่มอิทธิพล 1.2%

ปัญหายาเสพติด 84.5%

ปัญหาการว่างงาน 90.5%

ข้อความที่ถือว่าไม่เป็นธรรม

2.ข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรืออ้างอิงรายงานทางวิชาการ สถิติอันไม่เป็นความจริง

3.ข้อความที่สนับสนุนให้มรการกระทำผิดกฏหมายและศีลธรรม

1.ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินจริง

4.ข้อความที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน

5.ข้อความอย่างอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง