การป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล

วิธีการแพร่กระจายเชื้อ มี 3 วิธี

การแพร่กระจายเชื้อโดยละอองฝอยน้ำมูกน้ำลาย (Droplet transmission)

การแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ (Airborne transmission)

การแพร่กระจายเชื้อโดยการสัมผัส (Contact transmission )

การสัมผัส
ทางตรง (Direct contact transmission )

การสัมผัสทางอ้อม (Indirect contact transmission )

การป้องกัน

ล้างมือให้สะอาด ถูกวิธี

สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายให้เหมาะสม

จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย

การป้องกันการแพร่เชื้อ

การล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ (hand washing)

การทำความสะอาดมือด้วยผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์(alcohol-based
product)

สวมถุงมือเพื่อป้องกันมือของเรามิให้เปรอะเลอะกับสิ่งต่าง ๆ รวมถึงการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคจากสิ่งแวดล้อม

เสื้อกาวน์แขนยาวที่คลุมตั้งแต่อกถึงขา ซึ่งใช้ป้องกันร่างกายตลอดจน
เสือผ้าของบุคลากรทางการแพทย์
ไม่ให้เปรอะเปื้อนเลือด สารน้ำของผู้ป่วย หรือป้องกันการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคจากสิ่งต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อม

หน้ากากอนามัยที่สวมปิ บริเวณปากและจมูก (face mask) แบบเดียวกับที่ใช้ในห้องผ่าตัด (surgical mask)
ซึ่งในที่นี ้จะไม่รวมถึงหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบ N95 ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้

ผู้ป่วยเป็นโรคที่แพร่กระจายได้ทางอากาศ (airborne transmission)

มีห้องแยกสำหรับโรคที่ติดเชื้อผ่านอากาศโดยเฉพาะ (airborne infection isolation room หรือ
AIIR) และผู้ป่วยรายนั้นสงสัยวัณโรคปอด หรือมีประวัติเคยเป็นวัณโรคปอด

กรณีผูป้่วยนอก

กรณีผูป้่วยใน

วัคซีนป้องกันโรค

โรคติดเชื้อบางโรคสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนบุคลากรทางการแพทย์ควรมีภูมิต้านทานต่อเชือดังต่อไปนี้hepatitis B
virus, varicella virus, mumps, measles, rubella, ไข้หวัดใหญ่ซึ่งหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว จะยังไม่มีภูมิต้านทาน
เกิดขึ้นเพียงพอที่จะป้องกันเชื้อนั้น ๆ ได้ในทันที จะต้องรอสักระยะ(อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์)

การปฎิบัติเพื่อป้องกันมิให้เชื้อจุลชีพจากผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อหรือผู้ที่มีเชื้ออยู่แต่ไม่มีปรากฎอาการแพร่ไปสู่ผู้ป่วยคนอื่นสู่บุคลากรหรือญาติผู้ป่วย การป้องกันการแพร่กระจายเชื้ออาจทำได้หลายวิธี