แนวทางการป้องกัน ควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

3. หอผู้ป่วยแยกโรค/ ห้องแยกโรคและการทําความสะอาด/การทําลายเชื้อในห้องผู้ป่วย คุณลักษณะและองค์ประกอบของห้อง/หอผู้ป่วย
    1.การทําความสะอาดมือ

เป็นแนวทางปฏิบัติพื้นฐานที่บุคลากรทุกสาขา และทุกระดับควรทราบ และยึดเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อ การป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัส การล้างมือด้วยน้ําแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.1 การล้างมือด้วยน้ํากับสบู่ธรรมดา ( Plain/non - antimicrobial soap) ช่วยขจัด สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง เหงื่อไคล ไขมัน สารอินทรีย์ และเชื้อจุลชีพออกจากมือ

1.2 การล้างมือด้วยน้ํากับสบู่ยาฆ่าเชื้อ (Antiseptic soaps) เช่น 7.5% Povidone iodine, 4% chlorhexidinegluconate, Triclosan เป็นต้น การล้างมือด้วยน้ํากับสบู่ยาฆ่าเชื้อ จะขจัด สิ่งสกปรกและเชื้อจุลชีพออกจากมือ

ควรประกอบด้วย 7 ขั้นตอน

  1. ฟอกฝ่ามือด้านข้าง
  2. ฟอกง่ามนิ้มมือด้านหน้า
  3. ฟอกหลังมือและง่ามนิ้วมือด้านหลัง
  4. ฟอกนิ้วและข้อนิ้วมือด้านหลัง
  5. ฟอกนิ้วหัวแม่มือ
  6. ฟอกปลายนิ้วและเล็บ
  7. ฟอกรอบข้อมือ
2. การใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล (Personal protective equipment )

แนะนําการใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย (PPE) ดังนี้

  1. ในกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ การพื้นชีพ การใส่ท่อช่วยหายใจ การดูดเสมหะ หรือการดูแล ผู้ป่วยที่มีปอดอักเสบ หรือมีอาการไอมากให้ใช้อุปกรณ์ทั้ง 4 ชิ้น (N - 95 mask N – 100 / P 100 หรือสูงกว่า รวมทั้งสวมGoggle หรือFace Shieldถุงมือและเสื้อคลุมแขนยาว(gown) หมวกคลุมผมใช้ในกรณีที่ กิจกรรมนั้นก่อให้เกิดฝอยละอองขนาดเล็ก (aerosol) หรือผู้ป่วยมีอาการไอมาก
  2. บุคลากรทางการแพทย์ใส่surgicalmaskหรือN95รวมทั้งสวมถุงมือ,Goggleและเสื้อคลุม แขนยาว (gown) กรณีที่ไม่ได้ทําหัตถการที่จะก่อให้เกิดฝอยละอองขนาดเล็ก (aerosol) ในการดูแลผู้ป่วย
  • ห้องแยกผู้ป่วยควรเป็นห้อง Airborne infection isolation room (AIIR) ซึ่งมีห้องน้ําในตัวและมีคุณสมบัติทางวิศวกรรม และสถาปัตยกรรม ตามข้อกําหนดของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
  • หากเป็นหอผู้ป่วยรวมแยกโรคหรือ Cohort room ควรเป็นห้องที่มีการจัดการอากาศและมี ทิศทางของอากาศผ่านจากบุคลากรสู่ผู้ป่วยแล้วปล่อยออกภายนอก ระยะห่างระหว่างเตียงมากกว่า 1 เมตร หากจะมีม่านควรเลือกวัสดุที่เช็ดทําความสะอาดง่าย
  • เป็นห้องที่สามารถให้การดูแลผู้ป่วยในภาวะวิกฤตได้ คือมี Oxygen , suction , air – pipeline เครื่องตรวจวัดสัญญาณชีพ
  • มีอ่างล้างมือ / น้ํายาล้างมือแห้งใน ห้องผู้ป่วยและห้อง anteroom
  • มีอุปกรณ์ประจําห้องได้แก่ ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดความดันโลหิต ชุดให้ออกซิเจน ไม้กดลิ้น ไฟฉาย
    sharp container ถังผ้าเปื้อน ถังขยะ ชนิดใช้เท้าเปิด
  • อุปกรณ์ที่สํารองไว้ใน anteroom ได้แก่ เครื่องป้องกันร่างกาย ได้แก่ หน้ากาก N 95 , surgical mask, disposable gloves , gown แว่นป้องกันตา กระจังหน้า หมวก ผ้าพลาสติก/ผ้ายางกัน เปื้อน
การทําความสะอาดห้องแยกโรค/หอผู้ป่วยแยกโรค 
  • ทําความสะอาดห้องเป็นประจําอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเน้นพื้นผิวแนวระนาบ (horizontal Surface) โดยเฉพาะบริเวณใกล้ผู้ป่วย อุปกรณ์ที่ผู้ป่วยจับต้องบ่อย ๆ ด้วย 70 % Alcohol เช็ด ห้องน้ําให้ใช้ น้ําผสมผงซักฟอกทําความสะอาดตามปกติ ส่วนเครื่องใช้สําหรับทําความสะอาดให้แยกใช้เฉพาะห้องนั้น ไม่ปะปนที่ใช้สําหรับบริเวณอื่น
  • หากมีเลือดหรือสารคัดหลั่งเปรอะเปื้อนชัดเจนให้เช็ดออกให้มากที่สุดด้วยกระดาษชําระแล้ว ใช้ 70 % Alcohol เช็ด หรือ 0.5% โซเดียมไฮโปคลอไรต์ ราดทิ้งไว้ 15 นาที แล้วจึงเช็ดถูด้วยน้ํายาผสม ผงซักฟอกทําความสะอาดตามปกติ
  • การทําความสะอาดเมื่อจําหน่ายผู้ป่วย (Terminal cleaning) ในกรณีของห้อง AIIR ซึ่งมีการ ถ่ายเทอากาศมากกว่าหรือเท่ากับ 12 ACH ให้เริ่มทําความสะอาดหลังจําหน่ายผู้ป่วยประมาณ 35 นาที โดยขณะที่ทําความสะอาดยังคงเปิดระบบไว้ตลอดตั้งแต่จําหน่ายผู้ป่วย ขณะทําความสะอาดและหลังทําความ สะอาดอย่างน้อยอีก 35 นาที จึงจะรับผู้ป่วยรายต่อไปได้
4. การทําความสะอาดผ้าที่ใช้กับผู้ป่วยข้อปฏิบัติสำหรับบุคลากรงานบริการผ้า
5.การปฏิบัติเกี่ยวกับภาชนะอาหารของผู้ป่วยข้อปฏิบัติสพหรับบุคลากรฝ่ายโภชนาการ
  • ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสถุงผ้าเปื้อน
  • ขณะปฏิบัติงานสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย ได้แก่ หน้ากาก N 95, disposable gloves, เสื้อกาวน์แขนยาว ปิดทับด้วยผ้ากันเปื้อนพลาสติกอย่างหนา รองเท้าบูท
  • หลังถอดถุงมือให้ล้างมือด้วย Bamrasal hand rub แต่หากสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยต้อง
    ล้างด้วยน้ําสบู่ก่อน เช็ดมือให้แห้งแล้วจึงล้างด้วย Bamrasal hand rub อีกครั้งหนึ่ง
  • สวมเครื่องป้องกัน ขณะปรุงหรือมีกิจกรรมเกี่ยวกับอาหารที่มีโอกาสกระเด็นของสารคัดหลั่ง ได้แก่ surgical mask, disposable gloves, ผ้ากันเปื้อนพลาสติก, หมวกคลุมศีรษะ
  • ถอดอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย ได้แก่ disposable gloves, ผ้ากันเปื้อนพลาสติก, หมวกคลุม ศีรษะ, mask ตามลําดับ
  • ล้างมือทุกครั้งเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจหลังการประกอบอาหาร และภาชนะใส่อาหารของผู้ป่วยชนิด ใช้ครั้งเดียวทิ้งส่งให้หอผู้ป่วย
 6. การกําจัดขยะและสิ่งปฏิกูล
  • ขยะในห้องผู้ป่วยทั้งหมดให้ถอื เป็นขยะติดเชื้อ ให้กําจัดตามแนวทางการกําจัดขยะติดเชื้อ
7. การป้องกันการบาดเจ็บจากของมีคม
  • การสวมเข็มที่ใช้แล้วเข้าปลอก โดยใช้มือข้างหนึ่งจับเข็มแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งจับปลอกเข็มสวมเข้าหากัน
  • การส่งเครื่องมือที่แหลมคมจากมือของผู้ส่งสู่มือผู้รับโดยตรง
  • การเย็บแผลโดยผ่านใต้หว่างนิ้วมือที่กดแผล
  • ไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกายหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกายที่ไม่เหมาะสม เช่นไม่สวมแว่นป้องกันตาขณะ ทําคลอด ทําให้เลือดและน้ําคร่ำกระเด็นเข้าตาการใส่เสื้อกาวน์ผ้าแขนสั้นขณะล้วงรกทั้งที่มีบาดแผลถลอกที่บริเวณแขนส่วนล่าง เป็นต้น
  • แสงสว่างในขณะปฏิบัติงานไม่เพียงพอ ทําให้มองเห็นไม่ชัดเจนขณะปฏิบัติงาน
  • สภาพร่างกายผู้ปฏิบัติงานอ่อนเพลียเมื่อยล้าจากการปฏิบัติงานหรือสายตาผิดปกติ
  • ผู้ปฏิบัติงานมีความเครียดหรือวิตกกังวลทําให้ขาดสมาธิในขณะปฏิบัติงาน
  • การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันร่างกายไม่เพียงพอ หรือไม่มีคุณภาพเหมาะสมกับงานที่ทํา
  • การเก็บเข็ม มีดหลังทําหัตถการทางการแพทย์ที่ผิดเทคนคิ หรือขาดความระมัดระวัง
8.การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
  • บุคลากรประจําหน่วยส่งต่อ
    ติดต่อโรงพยาบาลปลายทางที่จะส่งต่อผู้ป่วยไปรบการรักษาต่อพร้อมทั้งให้ข้อมูล
    รายละเอียดของผู้ป่วยด้วย
  • บุคลากรประจํารถพยาบาล
    บุคลากรที่เดนิ ทางไปกับผู้ป่วยจัดให้มีจํานวนน้อยที่สุดตามความเหมาะสม
  • ผู้ป่วยและญาติ
    ให้ผู้ป่วยสวม surgical mask
  • รถพยาบาลและอุปกรณ์
    ในห้องโดยสารของผู้ป่วยควรมีระบบระบายอากาศเพื่อถ่ายเทอากาศที่มีการ
    ปนเปื้อนเชื้อออกสู่ ภายนอกรถ ด้วยตัวดูดอากาศเหนือหลังคารถ
9.การเฝ้าระวังในบุคลากร
  • หน่วยงานระบาดวิทยา มีหน้าที่ติดตามสถิติการลาป่วยของบุคลากรทุกคนในโรงพยาบาล หาก พบอัตราการลาป่วยสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะการป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อน (≥ 2 ราย) ของบุคลากร หรือพบบุคลากรมีปอดอักเสบให้แจ้งพยาบาลควบคุมโรคติดเชื้อทันที เพื่อทํา การสอบสวนและดําเนินการต่อไป
  • สําหรับบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยมีการบันทึกเวลาและกิจกรรมที่ทํากับผู้ป่วย และมีการเฝ้าระวัง อาการป่วยหลังสัมผัสผู้ป่วยแล้วจนครบ 14 วัน หรือหลังสัมผัสครั้งสุดท้าย
10.คําแนะนําสําหรับผู้ป่วยในระหว่างอยู่ในโรงพยาบาลและเมื่อจําหน่ายไปแล้ว
  • คําแนะนําสําหรับผู้ป่วยขณะอยู่ในโรงพยาบาล
    แนะนําให้ปฏิบัติเรื่องการทําความสะอาดมือ (Hand Hygiene) อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระยะการติดต่อของโรค และแนะนําให้หลีกเลี่ยงการทําให้สิ่งแวดล้อมโดยรอบปนเปื้อนสารคัดหลั่ง

   อ้างอิง

น.ส.อริสา อมรพงษ์ไพศาล 2B เลขที่ 82 (62123301167)