Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคไข้เลือดออก ( Dengue Hemorrhagic Fever), นางสาวทิวารัตนื เขียวพรม…
โรคไข้เลือดออก
( Dengue Hemorrhagic Fever)
ความหมาย
โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี อาการของโรคไข้เลือดออกมีตั้งแต่ไม่มีอาการผิดปกติไปจนถึงเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ชนิด 1, 2, 3 และ 4 (DEN-1, DEN-2, DEN-3, DEN-4) โดยมียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) ตัวเมียเป็นพาหะนำโรค กล่าวคือ ยุงลายตัวเมียจะกัดและดูดเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออกก่อน (เชื้อไวรัสเดงกีในเลือดของผู้ป่วยจะเข้าไปฟักตัวและเพิ่มจำนวนในตัวยุงและเชื้อนี้สามารถมีชีวิตอยู่ในตัวยุงได้ตลอดอายุของยุง คือ ประมาณ 1-2 เดือน) แล้วจึงไปกัดคนที่อยู่ใกล้เคียงในรัศมีไม่เกิน 400 เมตร ซึ่งจะเป็นการแพร่เชื้อไปให้คนอื่น ๆ ต่อไป
ยุงชนิดนี้เป็นยุงที่ออกหากิน (กัดคน) ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน (เดิมยุงลายนิยมออกหากินในเฉพาะเวลากลางวัน แต่ในระยะหลังพบว่ายุงลายมีการออกหากินในเวลากลางคืนด้วย) และชอบเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำนิ่งในบริเวณบ้าน เช่น ตุ่มน้ำ โอ่งน้ำ แจกัน จานรองตู้กับข้าว กระป๋อง ฝากะลา ยางรถยนต์เก่า ๆ หลุมที่มีน้ำขัง
อาการและอาการแสดง
มีอาการเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบจุคเลือดออกที่ผิวหนัง
มีตับโต กดเจ็บ
ไข้สูงลอย 2-7 วัน
มีภาวะการไหลเวียนล้มเหลว/ภาวะช็อก
หลังจากได้รับเชื้อจากยุงประมาณ 5-8 วัน (ระยะฟักตัว) ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการของโรค ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกัน ตั้งแต่มีอาการคล้ายไข้เดงกีไปจนถึงมีอาการรุนแรงมากจนถึงช็อก และเสียชีวิต
หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน
ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก หลังจากมีไข้มาแล้วหลายวันผู้ป่วยอาจเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวหรือภาวะช็อก และเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า กลุ่มอาการไข้เลือดออกช็อก (dengue shock syndrome) โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้
การวินิจฉัยโรค
ตรวจภูมิคุ้มกันต่อไข้เลือดออก (IgM) , ตรวจ NS1 Ag ต่อเชื้อโดยตรง ตรวจ PCR เพื่อหาเชื้อไวรัสเดงกี
ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) เพื่อหาความผิดปกติของส่วนประกอบทั้งหมดของเลือด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และความเข้มข้นของเลือด
การป้องกัน
ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและใกล้เคียง ด้วยการปิดฝาภาชนะที่มีน้ำขังไม่ให้ยุงเข้าไปวางไข่ได้ เปลี่ยนน้ำในภาชนะที่ปิดไม่ได้ เช่น แจกัน ทุกสัปดาห์ ปล่อยปลากินลูกน้ำในอ่างบัว ปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณบ้านให้สะอาดปราศจากเศษวัสดุที่อาจมีน้ำขังได้ เช่น ขวดเก่า กระป๋องเก่า
ในรายที่อายุมากกว่า 9 ปี และน้อยกว่า 45 ปี ร่วมกับมีประวัติ เคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว อาจพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกจากสายพันธุ์อื่น
ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด ใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ เช่น DEET รวมถึงป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้ามาหลบซ่อนในบ้าน ทั้งนี้ ยุงลายมักกัดในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน
การรักษา
สำหรับการดูแลอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ รับประทานอาหารอ่อน งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีคล้ายเลือดเพื่อไม่ให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อน อาจรับประทานยาลดไข้ เช่น ยาพาราเซทตามอลได้แต่ในปริมาณที่แพทย์สั่งเท่านั้น ห้ามรับประทานยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAID เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้น
หากพบว่าผู้ป่วยอาเจียนมาก ปวดท้องมาก ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ตัวเย็นผิดปกติ ไม่ปัสสาวะนานกว่า 6 ชั่วโมง ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาจึงเป็นไปตามอาการเพื่อประคับประคองให้ร่างกายของผู้ป่วยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งในรายที่อาการไม่รุนแรง โรคไข้เลือดออกอาจหายได้เองภายใน 2-7 วัน
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะตับวาย สามารถพบได้ในผูป่วยที่มีอาการรุนแรงซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งในการทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ภาวะไตวาย คือ ภาวะที่ไตสูญเสียหน้าที่ไปชั่วคราวเนื่องจากมีโรคบางอย่างเกิดขึ้น เช่น ภาวะช็อก เมื่อหาสาเหตุและแก้ปัญหาได้ ส่วนใหญ่จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
ภาวะเลือดออกรุนแรง ส่วนใหญ่จะพบได้ในระบบทางเดินอาหารโดยบางรายอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือบางรายอาจมีแผลขนาดใหญ่
ภาวะปอดอักเสบ พบได้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสแดงดีโดยเฉพาะ ผู้ป่วยเด็กเล็ก ผู้ป่วยอาจมีไข้และหอบเป็นอาการนำ เช่นเดียวกับที่พบใน ภาวะปอดอักเสบที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสทั่วไป
พยาธิสรีรวิทยา
พยาธิสภาพของไข้เดงกีแท้ (Classical dengue fever) เป็นการติดเชื้อครั้งแรก เมื่อคนถูกกัดโดยยุงที่มีเชื้อไวรัสเดงกี เชื้อไวรัสจะเข้าทางหลอดเลือดฝอยไปเพิ่มจำนวนที่ผนังหลอดเลือด และ Reticuloendothelial เซลล์ของต่อมน้ำเหลือง ตับแะม้าม ไวรัสจากอวัยวะดังกล่าวจะกลับมาอยู่ในกระแสเลือด ทำให้มีภาวะ Viremia ซึ่งจะแสดงอาการมีไข้ปานกลางหรือไข้สูง หนาวสั่น หน้าแดง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ
ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วๆไป จำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำ แต่จำนวนเกล็ดเลือดและคอมพลีเมนต์ (Complement) ปกติ หลังจากนั้นไวรัสในกระแสเลือดจะไปยังอวัยวะเป้หมาย คือ ผิวหนังซึ่งจะเห็นมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ในระยะนี้ไข้ลดลงและผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น
พยาธิสภาพของไข้เลือดออกเดงกี (Dengue hemorrhagic fever: DHE) การเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสรีรวิทยาที่สำคัญและเป็นลักษณะจำเพราะของโรคไข้เลือดออกเดงกี คือ ภาวะช็อกร่วมกับพยาชธิสภาพที่เป็น Hall mark ของโรคที่สำคัญคือ มี Leakage of plasma และมี Abnormal hemostasis ซึ่งทำให้มี Bleeding โดยยังไม่ทราบกลไกการเกิด โรคที่แน่ชั
คำแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย
ห้ามให้ยาลดไข้ชนิด แอสไพริน และไอบูโปรแฟน เพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้น
ดื่มน้ำผลไม้ หรือเกลือแร่บ่อยๆ
เช็ดตัวลดไข้ด้วยนํ้าอุ่นหรือนํ้าธรรมดา
นางสาวทิวารัตนื เขียวพรม ชั้นปี่ที่ 2 รุ่นที่ 36 เลขที่37