Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่12การปรับตัวของร่างกายในภาวะที่มีพยาธิสภาพระบบหายใจ - Coggle Diagram

- - - - Central sleep apnea
        
        สมองไม่ส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดการหายใจ
      - Obstructive sleep apnea
        
        เกิดจากการอุดตันของทางเดินหายใจตอนบน เช่น จมูก ช่องปาก เเละลำคอ
- - - - เกิดจากการติดเชื้อไวรัสMycroplasma
      - ควันบุหรี่ ไอเสียรถยนต์ฝุ่นละออง การเเพ้ยา
      - พยาธิสรีรวิทยา
        
        จะมีการอักเสบของฺBronchusทำให้บวมเเละเเข็ง การมีเสมหะเป็นจำนวนมาก
    - - หลอดลมอักเสบ
        
        การอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม ทำให้ต่อมเมือกโตขึ้นเเละหลั่งเมือกออกมามากกว่าปกติ
    - - เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อMycobacteium ที่พบบ่อยที่สุด M. Tuberculosis
      - เเพร่กระจายมาจากการไอ จาม หรือเสมหะของผู้ป่วยวัณโรค
      - การเเพร่กระจายของวัณโรคปอด
        
        เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนผ่านอากาศ โดยผู้ป่วยวัณโรคปอดไอ จาม ทำให้เกิดละอองฝอย มาตกลงที่ดินเเละเเห้งไปซึ่งผู้สูดหายใจเอาละอองฝอยที่มมีเชื้อวัณโรคเข้าไปมักจะไม่ก่อให้เกิดโรค
        
        อาการ
        
        ไอเรื้อรัง
        
        เจ็บหน้าอก เสมหะปน น้ำหนักลด ไข้หนาวสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
    - - การอักเสบอย่างเฉียบพลันของเนื้อปอด
        
        เนื้อเยื่อโดยรอบ
        
        ถุงลม
      - พยาธิวิทยาอาการเเละอาการเเสดง
        
        มักเกิดฉับพลันด้วยอาการไข้ ตัวร้อน
        
        ไอเเห้งๆ
        
        หายใจหอบ
        
        ปวดร้าวไปที่หัวไหล่
      - พบมากในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ
        
        ผู้สูงอายุ
        
        เด็ก
        
        ผู้ป่วยที่ใช้ท่อหายใจ
- - - - Obstuctive atelectasis
      - Nonbstuctive atelectasis
        
        Adhesive atelectasis
        
        Replacement
    - - ตรวจร่างกายเวลาหายใจเข้า ทรวงอกบริเวณที่เป็นขยายตัวน้อยลง
      - เคาะ ทึบ เสียงหายใจค่อยลง
      - หอบ เขียว
  - - - ไอ
      - หอบ
      - หายใจเร็ว
      - เเน่นหน้าอก
      - พบการเคลื่อนไหวของปอดลดลง
  - - - หายใจลำบากในเวลากลางคืน
      - หัวใจเต้นผิดปกติ
  - - - ภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอดซึ่งเกิดเองในผู้ป่วยที่ไม่มีพยาธิสภาพที่ปอดมาก่อน
      - primary spontaneous pneumothorax
        
        ภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด ซึ่งเกิดขึ้นเองในผู้ป่วยที่ไม่มีพยาธิสภาพมาก่อน
      - Secondary spontaneous pneumothorax
        
        เกิดในผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพในปอดอยู่ที่เดิม
    - - ขยับทรวงอกลดลงในข้างที่มีลมรั่ว
      - ได้ยินเสียงการหายใจเบาลงเเละเคาะทรวงอกได้ยินเสียงโปร่งมากกว่าปกติ
- - - - Smoking
      - Air pollution
      - Occupation infection
    - - มีการทำลายSufactant ทำให้มีการสะสมไว้ที่ปอดมากจนAP diameter กว้างมากขึ้น
        
        มีปัญหาในการหายใจออกนานกว่าปกติ ปอดส่วนบนขยายมากขึ้น
    - - มีอาการหอบเหนื่อย
      - มีเสมหะเรื้อรัง
      - เสียงหายใจเบากว่าปกติ
  - - - หอบ ไม่ค่อยมีไอ
      - เสมหะ เสียงหายใจเบา เสียงปอดโปร่งมากกว่าปกติ
      - X-rayพบกระบังลมอยู่ต่ำ
      - ขนาดหัวใจเล็กลง
  - - - การอักเสบของหลอดลมเรื้อรัง
      - การซ่อมสร้างหลอดลม
      - การอักเสบของหลอดลมเเบบเฉียบพลัน
    - - กล้ามเนื้อของหลอดลมหนาขึ้น กล้ามเนื้อหนาขึ้น
      - Mucous glandsเพิ่มขึ้น ต่อมสร้างมูกในชั้นเยื่อบุหลอดลมมีปริมาณเพิ่มขึ้นหลัง Mucous
    - - ไอตอนเช้า ไอกลางดึก เเน่นหน้าอก คัดจมูก
      - หายใจมีเสียงWheeze
  - - - ทำหน้าที่หุ้มเซลล์ เพื่อtransporterให้cholorideผ่านออกนอกเซลล์
    - - คัดจมูก ไซนัสอักเสบ
      - หอบหืด
      - ไอเรื้อรัง เสหะเหนียวข้นมาก
- - - - มีความดันเฉลี่ยมากกว่า25mmHgขณะพักเเละมากกว่า30mmHgขณะออกกำลังกาย โรคตับ โรคหัวใจ เป็นต้น
- - - - ครั่นเนื้อครั่นตัว
      - อ่อนเพลีย
      - ปวดศรีษะเล็กน้อย
      - ไข้สูง
  - - - มีไข้สูง
      - ปวดศรีษะ
      - อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
  - - - เชื้อไวรัส
        
        Rhinovirus
      - เชื้อรา
        
        Aspergillus Rhizopus Candida
      - เชื้อเเบคทีเรีย
        
        S. pnurmonia H.influenza
    - - ไข้
      - คัดจมูก
      - ปวดศรีษะ
  - - - เกิดจากไข้หวัด
      - การตะโกนหรือใช้เสียงมากๆ
    - - พบในผู้ที่สูบบุหรี่มาก
      - หายใจเอาก๊าซระคายเคืองเข้า ทำให้สายเสียงบวมมาก
- - - - ชนิดB
      - ชนิดC
      - ชนิดA
  - - - อ่อนเพลีย
      - ปวดศรีษะ
      - มีน้ำมูก
      - เจ็บคอ