Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจ ศีรษะ ตา หู จมูก ปาก คอ - Coggle Diagram
การตรวจ ศีรษะ ตา หู จมูก ปาก คอ
ศีรษะ(Head)
ศีรษะ
ดูลักษณะเส้นผม short/long hair Distribution,texture,Local hair loss alopecia(ผมร่วง) Dandruff(รังแค) Nits(เหา)
เส้นผม
ใช้การดูและคลำศีรษะ ถ้าคลำพบห้อนต้องทดสอบว่ากดเจ็บหรือไม่ รูปร่าง ความนุ่มแข็งและฟังเสียง Bruit หรือไม่
การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ การอ่อนแรงของเส้นประสาทสมองคู่ที่7(Facial nerve)
กัดฟัน ย่นหน้า เลิกคิ้ว ยิงฟัน ปากจู๋ เป่าลมให้แก้มโป่ง
ใบหน้า
ลักษณะของใบหน้ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น Down's syndrome,Thalassemic face,Moon face Mask face มีผื่นแดงที่หน้า Butterfly rash
หู(Ear)
เยื่อแก้วหู ear drum
(tympanic membrane)
สีอะไร รอยแผลมีไหม มีการดึงรั้ทะลุหรือถ้าไม่ส่องไฟจะเห็น tight reflex อยู่ที่ส่วนล่างของแก้วหู
ตรวจการได้ยินเส้นประสาทสมองคู่ที่8 (auditorynerve)
1.การฟังเสียงนาฬิกาวางหน้าหูห่าง 2-3 cm
2.กระซิบหน้าหูอยู่ห่าง1-2ฟุต
3.rinne test
4.weber test
รูหู EAC (external auditory canal)
ปกติรูหูยาวประมาณ 1 นิ้ว
ผู้ใหญ่ : จับใบหูดึงขึ้นข้างบนเฉียงด้านหลัง
เด็ก : ให้จับใบหูดึงลงข้างล่างเฉียงด้านหลัง เพื่อให้ช่องหูตรงตรวจว่ามีขี้หูไหม(ear wax or cerumen)
ใบหู(pinna or auricle)
ดูและคลำตำแหน่ง รูปร่าง และสิ่งผิดปกติ
(ก้อนไขมัน ถุงน้ำ ฝี) ตรวจดูกระดูก mastoid อาจมีอาการบวมแดงเจ็บปรากฏด้วย
ตา
เยื่อบุตา
(conjunctiva)
ตรวจส่วนที่คลุมเปลือกตาด้านใน (palpebral part)อาจมีก้อนสีผิดปกติและส่วนที่คลุมตาขาว(bulbar part)ว่าซีดหรือแดง Injection
กระจกตา
(cornea)
ปกติเรียบใสมีขอบสีขาวรอบๆ พบในผู้สูงอายุ(Arcus senilis)
ตาขาว(sclera)
เหลืองหรือไม่ (Icteric sclera)
ช่องหน้าม่านตา
(anterior chamber)
สังเกตดูความลึกมีเลือด (hyphema)หนอง (hypopyon)น้ำ aqueous humor ขุ่นหรือไม่
ม่านตา (iris)
บ่งบอกเชื้อชาติจะมีสีดำ น้ำตาล ฟ้า เขียว แต่สีเท่ากันทั้ง2ข้าง
ต่อมน้ำตา
(Lacrimal gland)
ดูการอักเสบของท่อน้ำตา(อาการบวมหัวตาและดั้งจมูกถ้ากดอาจได้หนอง)
เลนส์(Lens)
ใสสะท้อนกับแสงไฟฉาย
ขนตา
(eye lash)
กระจายของขนตา มีขน
ตาม้วนเข้าข้างในหรือไม่
ตาโปน (Exophthalmos)
ให้ผู้ป่วยมองขึ้นและลงถ้ามีLid tag จะเห็นส่วนของตาขาว(sclera)เหนือม่านตา (Iris) ในขณะที่ผู้ป่วยมองลงซึ่งโดยปกติจะไม่เห็นเนื่องจากหนังตาบนจะคลุม 1-3 มม
ตรวจการมองเห็น
(visual acuity: VA)
ค่าปกติ6/6
รูม่านตา (pupil)
ดูสี ขนาด ตำแหน่ง รูปร่าง ปฏิกิริยาต่อแสง(direct light reflex) และ consensual light reflex
เปลือกตา
(eye lid)
หนังตาตกหรือไม่
(Ptosis) เปลือกตามีก้อน
ตรวจการเคลื่อนไหวของลูกตาExtraocular movement: EOM ดูการเคลื่อนไหวของลูกตา 6 ทิศทาง
คิ้ว (eye brow
การกระจายของคิ้วการ
หลุดร่วง หยาบ แห้ง
ตรวจ accommodation ผู้ถูกตรวจจ้องมองที่ปลายนิ้วห่างประมาณ2ฟุต จากนั้นเลื่อนปลายนิ้วเข้าดั้งจมูก ตาดำจะเคลื่อนเข้าหากัน รูม่านตาหดเล็กลงถ้าไม่เห็นเส้นประสาทคู่ที่ 3,4,6ผิดปกติ
ตรวจ visual eye field ผู้ตรวจกับผู้ตรวจนั่งห่างกัน2ฟุต ให้ผู้ตรวจมองที่ปลายจมูกของผู้ตรวจ ผู้ตรวจยื่นมือสุดแขน จากนั้นกระดิกนิ้วมาจนกระทั่งผู้ถูกตรวจเห็น ถ้าไม่เห็น
(เส้นประสาทคู่ที่ 2ผิดปกติ)
จมูก(Nose)
ดูลักษณะภายนอกมีการขยายของปีกจมูก(Ala nasi) ดูสันจมูก ดูลักษณะภายในโดยเปิดจมูกด้วยนิ้วหัวแม่มือ ใช้ไฟฉายส่องดู Vestibule,nasal septum,turbinate ว่าบวม แดง ซีด ีริดสีดวงจมูก มีน้ำมูก
คอ(Neck)
บริเวณลำคอมีอวัยวะสำคัญ ได้แก่ ต่อมไทรอยด์ หลอดลม หลอดเลือดใหญ่ Carotid artery และ Jugular vein ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ และไหปลาร้า กล้ามเนื้อบริเวณลำคอ
การตรวจหลอดลม(Trachea)
การตรวจใช้การคลำ โดยให้ผู้ป่วยก้มคอเล็กน้อย เพื่อให้กล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid หย่อนตัว จากนั้นใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางมือที่ถนัด แลยกส่วนของ suprasternal notch จะรู้สึกนุ่มอยู่ตรกลาง
การตรวจต่อมน้ำเหลือง(Lymph nodes : LN)
ถ้าคลำพบต่อมน้ำเหลืองขนาดมากกว่า1เซนติเมตร แสดงว่า Lymphadenopathy
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้
การตรวจ ใช้การดูและคลำ สังเกตสีผิว ก้อน ควรตรวจทุกครั้งที่ตรวจเต้านม ประกอบด้วย5กลุ่มย่อย ดังนี้
1.Central axillary group
2.Lateral axillary group
3.Pectoral group
4.Supraclavicular group
5.Subscapular group
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณแขนขาและขาหนีบ
อยู่ตามแนว Inguinal ligament และ femoral vessels ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนี้คลำได้ไม่ยาก และอาจคลำพบได้ในคนปกติ
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ
การตรวจ ใช้หลักการดูและคลำ ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่ง เอียงศีรษะเล็กน้อยมาด้านที่กำลังตรวจ ผู้ตรวจอยู่ด้านหน้าหรือหลัง ใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะบริเวณท้ายทอย คลำกดเบาๆที่ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลาง คลำวนเป็นวงกลมเล็กๆเบาๆ
การดูกล้ามเนื้อ
การคลำกล้ามเนื้อSternocleidomastoid
ผู้ป่วยหันศีรษะไปด้านตรงข้าม ผู้ตรวจวางมือบริเวณคางและแก้ม จากนั้นให้ผู้ป่วยหันศีรษธกลับผู้ตรวจใช้มือดัน
การดูกล้ามเนื้อ TrapeZius
ให้ผู้ป่วยแหงนหน้าให้ศีรษะไปด้านหลังจนสุดยืดคอให้เต็มที่
การดูกล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid
ให้ผู้ป่วยก้มหน้า คางคิดอก เอียงศีรษะไปด้านซ้ายและขวา หมุนศีรษะไปด้านซ้ายและขวา
การคลำกล้ามเนื้อTrapeZius
ให้ผู้ตรวจวางมือบนไหล่ทั้ง2ข้าง จากนั้นให้ผู้ป่วยยกไหล่ต้านแรงผู้ตรวจ
การตรวจต่อมไทรอยด์
ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ประมาณ 15-20 กรัม อยู่ระหว่างกล้ามเนื้อSternocleidomastoid
การตรวจ โดยการดู สังเกตยริเวณตำแหน่งของต่อมไทรอยด์ว่ามีขนาดรูปร่างอย่างไร ให้ผู้ป่วยกลืนน้ำลาย เพื่อสังเกตเห็นต่อมหรือไม่ Nodule ของต่อมเห็นง่าย
การตรวจ โดยการคลำ ผู้ตรวจอยู่ด้านหน้าหรือหลังก็ได้ ให้หลักการคือ สอดมือเข้าใต้Sternocleidomastoid และคลำขณะที่ผู้ป่วยกลืนน้ำลาย
การตรวจ โดยการฟัง ให้ Stethoscope ฟังว่ามีเสียงฟู่หรือไม่
ปาก(Mouth)
ดูริมฝีปากว่าซีด แดง เขียวหรือไม่ เหงือก เยื่อบุกระพุ้งแก้มมีแผลหรือไม่ ผนังคอแดงหรือมีหนองหรือไม่ ต่อมทอนซิลโตแดงหรือไม่