Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ตรวจร่างกายระบบหายใจ หัวใจและการไหลเวียนเลือด, นางสาวนิลาวัลย์ ดีเสมอ…
ตรวจร่างกายระบบหายใจ หัวใจและการไหลเวียนเลือด
การตรวจหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต Cardiovascular
ตำแหน่งของลิ้นหัวใจ
P.V.A
(Pulmonic valvular area) Lt. ICS 2nd ชิดกับ Sternum
T.V.A
(Tricuspid valvular area) Lt. ICS 5th ชิดกับ Sternum
A.V.A
(Aortic valvular area) Rt. ICS 2nd ชิดกับ Sternum
M.V.A
(Mitral valvular areaหรือ Apex ) Lt. ICS 5th ตัดกับ MCL
การดู
ดูApical impulse หรือ Apical beat คือตำแหน่งที่ีการเต้นของหัวใจแรงที่สุด
เรียกว่า Point of maximun impulse:PMI
Abnormal pulsation อื่นๆ ในบริเวณ Precordial area และ บริเวณคอทั้ง 2 ข้าง Impulseจาก Aneurysm
ดูลักษณะผนังทรวงอกว่าเหมือนกันทั้ง 2ข้าง หรือมีการโป่งนูน (ฺBulging)ของผนังทรวงอกหรือไม่
ถ้ามี Bulging ด้านซ้ายของกระดูก Sternum แสดงว่า Right Ventricular hypertrophy
การคลำ
2.เพื่อตรวจอาการแสดงของหัวโต เรยกว่า Ventricular heave
แรงขึ้นเพราะ Left ventricular hypertrophy ,contractility
เปลี่ยนไปทางซ้ายเนื่องจาก : Rt.Pneumothorax , Lt. Atelectasis,Cardiac dilatation
เปลี่ยนไปทางขวาเนื่องจาก : Lt.Pneumothorax , Rt. Atelectasis
การคลำ Thrill
คือ ปรากฏการณ์ของ Murmurs ที่ดังมาก จนเกิดการสั้นสะเทือนของ Chest wall จะรู้สึกเหมือนมีคลื่นมากระทบ ถูกที่ฝ่ามือ
ต้องคลำให้ทั่วทั่ง Precordial area ได้แก่ บริเวณลิ้นหัวใจทั้ง 4 โดยวางฝ่ามือบริเวณที่จะตรวจ
Systolic thrills
diastolic thrills
1.ตำแหน่งของ PMI
ใช้ปลายนิ้วมือทั้ง 4 นิ้ว ตำแหน่งที่คลำพบว่าหัวใจเต้นแรงที่สุด จะมีแรงกระแทกถูกนิ้วมือเพียงจุดเดี่ยวหรือเป็นบริเวณเล็กๆไม่เกิน 2-3 ซม.
คนปกติจะอยู่ที่ช่องซี่โครงที่ 5 ตรงกับ MCL ซึ่งเป็นตำแหน่งของ Apex
การฟัง
เสียงหัวใจปกติ Nomal heart sound
S1 เกิดในช่วงหัวบีบตัว ฟังชัดที่สุดบริเวณ Apex
S2 เกิดในช่วงหัวใจคลายตัว ฟังชัดบริเวณ pulmonic & aortic valve
ขณะฟังเสียงหัวใจต้องสังเกตสิ่งต่อไปนี้
ความสม่ำเสมอ จังหวะการเต้น
ความถี่ของเสียง : ช้าหรือเร็ว อัตราการเต้น นับเต็มนาที
ลักษณะเสียง : เบา แรง พอดี
ใช้ Stethoscope
ด้าน Bell - ฟังเสียงต่ำ (low pitch) โดยไม่ควรกดแน่น
ด้าน Diaphragm -ฟังเสียงสูง (high pitch) โดยกดให้แน่น
ควรฟังบริเวณ Precordial area ทั้งหมดโดยฟังตำแหน่งลิ้นหัวใจทั้ง 4 แห่ง
เสียงฟู่
Systolic murmur
เกิดระหว่างเสียง S1 และเสียง S2 โดยเกิดพร้อมกับการเต้นของชีพจรที่คอ
diastolic murmur
เกิดระหว่างเสียง S2 และ S1 โดยเกิดหลังการเต้นของชีพจรที่คอ
ความดังของ murmur และตำแหน่งที่ได้ยินเสียงชัดที่สุด แต่ไม่ด้บอกความรุนแรง แบ่งเป็น 6 ระดับ
Grade 2 :
เสียงเบา แต่ฟังได้ยินทันทีที่แตะหูฟังบนผนังทรวงอก
Grade 3 :
เสียงดังปานกลาง แต่ยังคลำไม่ได้ Thrill
Grade 1 :
เสียงเบามาก ฟังยาก ต้องตั้งใจฟัง อาจพลาดได้
Grade 4 :
เสียงดังมากขึ้น และเริ่มคลำ Thrill ได้
Grade 5 :
เสียงดังมาก แตะหูฟงไม่สนิทก็ได้ยินและคลำได้ Thrill และ heaving
Grade 6 :
เสียงดังมากที่สุด อาจฟังได้ โดยไม่ต้องใช้ Stethoscope
การตรวจทรวกอกและปอด Thorax/chest & Lung
การคลำ
1.ตำแหน่งของหลอดลมทำได้ 2 วิธี
1.1ผู้ป่วยนั่งหรือนอนก้มคอมาข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อให้กล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid หย่อน
1.2.ผู้ป่วยนั่งหน้าตรง ผู้ตรวจใช้นิ้วคลำหาจุดกึ่งกลางของ Suprasternal notch และเคลื่อนนิ้วเข้าหา Trachea สังเกตว่าสัมผัสไดที่จุดกึ่งกลางหรือไม่
การขยายตัวของปอด (Lung expansion)
สามารถตรวจได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดังนี้
วางฝ่ามือทั้ง 2 ข้างทาบทรวงอกด้านหลัง ให้นิ้วแม่มือวางขนานกับกระดูกซี่โครงคู่ที่ 10 ฝ่ามือโอบด้านข้างของทรวกอก ปลายนิ้วหัวแม่มือ 2 ข้าง อยู่ใกล้กนบริเวณแนวกระดูกสันหลัง โดยมีระยะห่างเท่ากัน
3.การคลำเสียงสะท้อน (Tactile fremitus or Vocal fremitus)
วิธีตรวจ : ใช้ฝ่ามือหรือสันมือวางบนผนังอกด้านหลังในตำแหน่งที่ตรงกันทั้ง 2 ข้าง จากบนลงล่างหรือล่างขึ้นบนก็ได้ แล้วให้ผู้ป่วยนับ 1-2-3 จะสัมผัสถึงความรู้สึกสั่นสะเทือนที่เกิดจากเสียงเปรียบเทียบทัง 2 ข้าง
4.การคลำตำแหน่งที่กดเจ็บ เช่น Costochondral junction
และตำแหน่งอื่นๆ
การเคาะ
โดยเริ่มจากกระดูกไหปลาร้าแต่ละข้าง ไล่ลงมาทีละช่องของกระดฝุกซี่โครงทั้ง 2 ข้าง ปกติเสียงก้อง (Resonance)
ลำดับการเคาะ
เคาะบริเวณยอดปอด โดยให้ผู้ป่วยนั่ง ผู้ตรวจหันหน้าเข้าหาผู้ป่วยเคาะลงบน Supraclavicular fossa ทั้งข้างซ้ายและขวา
เคาะปอดด้านหลัง เริ่มเคาะจากด้านบน ลงมาด้านล่างทีละช่องซี่โครง
โดยเริ่มจากกระดูกไหปลาร้าแต่ละข้าง ไล่ลงมาทีละช่องของกระดูกซี่โครงทั้ง 2 ข้าง ปกติจะได้ยินเสียงก้อง (Resonance)
ปกติเสียง Resonance จะเริ่มสิ้นสุดราวระดับ Left rib 9th และ Right rib 8th
การเคาะที่ถูกต้องในคนที่ถนัดขวา
ให้นิ้วมือซ้ายเหยียดตรงวางแนบบริเวณที่จะตรวจ ใช้นิิ้วกลางมือขวาเคาะลงบนนิ้วกลางมือซ้ายบริเวณ Distal interphalangeal joint ในแนวดิ่ง โดยใช้การเคลื่อนไหวของมือขวา
การเคาะจะสามารถบอกความผิดปกติที่ลึกไม่เกิน 5-7 ซม.
การแปลผล
Dullness
พบใน Pneumonia,Pul.TB,Atelectasis ลักษณะเหมือนเสียงที่เกิดจาการเคาะตับ หรือเสียงทึบ
Tympany
พบใน Pneumothorax เป็นเสียงโปร่ง เหมือนเสียงที่เกิดจากการเคาะหน้าท้องที่มีแก็สมาก
Flatness
พบใน Hydrothorax,Pleural effusion ลักษณะเมือนเสียงที่เกิดจากเคาะบริเวณต้นขา
Resonance
เป็นเสียงที่เกิดจากการเคาะปอดที่ปกติ หรือเสียงก้อง
Hyper-resonance
เสียงก้องมาก พบในภาวะ Emphysema
วิธีตรวจโดยการดู
2.ขนาดและรูปร่างทรวงอก ปกติเส้นผ่าศูนย์กลางจากด้านหน้า ไปด้านหลังจะแคบกว่าด้านข้าง ประมาณ 5:7
Pigeon chest อกไก่
Funnel chest อกบุ๋ม
ถ้าผิดปกติ
Barrel shape พบใน COPD
AP:Transverse (Lateral) dimeter = 1:1
3.ลักษณะเต้านม หัวนม
1.ลักษณะผิวหนังทรวงอก มีผื่น แผล มี spider nevi หรือ spider angioma หรือไม่
การเคลื่อนไหวของทรวงอก สังเกตอัตราการหายใจ ความลึกจังหวะ ใช้กล้ามเนื้อหน้าอกช่วยหยใจหรือไม่
การฟัง
เสียงที่ฟังประกอบด้วย
การฟังเสียงหายใจปกติ (Normal breath sound)
*Tracheal / Bronchial breath sound บริเวณคอ ตำแหน่งของ Tracheal และ Bronchial (หายใจเข้าสั้น-ออกยาว)
*Bronchovesicular breath sound บริเวณรอบ manubrium 1st,2nd Intercostal space ด้านหน้า และinterscapula area ด้าน (หายใจเข้า-ออกเท่าๆกัน)
*Vesicular breath sound บริเวณชายปอดทั้ง 2 ข้าง (หายใจเข้ายาว-ออกสั้น)
การฟังเสียงพูด
ให้ผู้ป่วยนับ 1-2-3 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเสียงกรณีที่มีสิ่งมากั้นระหว่างเนื้อปอดกับผนังทรวงอก
หลักการตรวจ
ให้ผู้ป่วยอ้าปากเล็กน้อย หายใจเข้าออกลึกๆ แล้วฟังที่ผนังทรวงอกด้วยด้าน diaphragm ของ stethoscope
การฟังเสียงผิดปกติ (Adventitious sound ) แบ่งเป็น
Rhonchi
เป็นเสียงที่มีลักษณะใหญ่และทุ้ม แสดงถึงหลอดลมขนาดใหญ่ในทรวงอกที่ตีบแคบ
wheezing
เป็นเสียงที่มีลักษณะแหลมกว่า rhonchi ซึ่งความแหลมของเสียงขึ้นกับความเร็วของลมที่วิ่งผ่าน
Rhochi and Wheezing
เป็นเสียงที่เกิดจากการสั่นของหลอดลม ในขณะที่มีลมวิ่งผ่านหลอดลมที่ตีบแคบ พบใน Asthma,COPD,CHF
stridor
เป็นเสียงที่เกิดจากการตีบแคบของหลอดลมขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นเสียงหวืดที่ได้ยินชัดในช่วงหายใจเข้า
ตำแหน่งที่สำคัญบริเวณทรวงอก ได้แก่
Spinous procee of T1
ให้ผู้ป่วยก้มคอเต็มที่จะคลำได้ปุ่มนูนขอกระดูก Spine ที่โปนที่สุด 2 ปุ่ม
ปุ่มบน คือ Spinous process ของ C1
ปุ่มล่าง คือ spinous process ของ T1
Inferior angle of scapula
เป็นตำแหน่งที่ตรงกับกระดูกซี่โครงที่7 ด้านหลัง เมื่อผู้ป่วยนั่งตัวตัวตรง ปล่อยแขนข้างลำตัวตามสบาย
Angle of Louis หรือ Sternal angle หรือ Manubriosternal junction
เป็นส่วนต่อระหว่าง Manubrium sterni กับ sternum ซึ่งเป็นมุมที่คลำได้ชัดเจนมากและอยู่ตรงกับกระดูกซี่โครงที่2 ทางด้านหน้า เป็นประโยชน์ในการนับกระดูกซี่โครง (Rib) และช่องว่างระหว่างกระดูกซี่โครง(Intercostal space:ICS)
เส้นสมมติ(Imagination line)
เป็นเส้นที่ใช้เปรียบเทียบบอกตำแหน่งของสิ่งที่ตรวจพบบนทรวงอก
เป็นการตรวจเพื่อประเมินการทำหน้าที่ของอวัยวะและส่วนประกอบของทรวงอก
อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจ
หลอดลม
ปอด
หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
ผิวหนัง เต้านม กล้ามเนื้อ กระดูกหน้าอก และกระดูกซี่โครง
ในการตรวจหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตมีความสัมพันธ์กับการตรวจร่างกายส่วนอื่นๆที่สำคัญดังนี้
4.การตรวจหัวใจ
3.การวัดความดันโลหิต
2.การตรวจชีพจรในตำแหน่งต่างๆ การเต้นของเส้นเลือดดำ ว่ามีการโป่งพองหรือไม่
1.การตรวจทั่วไป ได้แก่ การหายใจ สีผิว และอาการบวมตามส่วนต่างๆ
นางสาวนิลาวัลย์ ดีเสมอ เลขที่ 38 รหัส62123301068 ห้อง 2A