Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจร่างกายระบบหายใจ หัวใจ และการไหลเวียนเลือด, นางสาวดวงฤทัย ชนะวงศ์ …
การตรวจร่างกายระบบหายใจ หัวใจ และการไหลเวียนเลือด
การตรวจทรวงอกและปอด (thorax / Chest & Lung)
การดู (Inspection)
ขนาดและรูปร่างทรวงอก ปกติเส้นผ่าศูนย์กลางจากด้านหน้าไปด้านหลังจะแคบกว่าด้านข้าง จะมีรูปร่างกลมแบน Anteroposterior diameter (AP): Lateral diameter มีค่าประมาณ 1:2 หรือ 5:7 ในทารก รูปร่างทรวงอกที่ผิดปกติและมักพบบ่อยๆ ได้แก่
Barrel shape อกถังเบียร์ พบในผู้ป่วย COPD
Pigeon chest อกไก่
Funnel chest อกบุ๋ม
Kyphosis (Humpback) หลังโก่ง
Scoliosis หลังคด งอ
ลักษณะผิวหนังทรวงอก มีผื่น แผลหรือไม่ มี Spider nevi หรือ Spider angioma หรือไม่
ลักษณะหัวนม เต้านม
การเคลื่อนไหวของทรวงอก สังเกตอาการหายใจ ความลึก จังหวะ ใช้กล้ามเนื้อหน้าอกช่วยหายใจ หรือมี Sternal retraction หรือไม่
ลักษณะการหายใจ
ตราการหายใจในเด็กแรกเกิด - ขวบปีแรก
อาจเร็วถึง 30-50 ครั้งต่อนาทีและจะค่อยๆ ช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น ในผู้ใหญ่มีค่าปกติประมาณ 14-20 ครั้งต่อนาที
การคลำ (Palpation)
การคลำบริเวณทรวงอกเพื่อตรวจดูการขยายของทรวงอก
การคลำตำแหน่งของหลอดลมทำได้ 2 วิธีดังนี้
ผู้ป่วยนั่งหรือนอนก้มคอมาข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อให้กล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid หย่อน
ผู้ตรวจใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางกดไปบน suprasternal notch โดยให้นิ้วอยู่แต่ละข้างของหลอดลม เปรียบเทียบความรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างหลอดลมกับ Sternocleidomastoid ทั้ง 2 ข้างเท่ากันหรือไม่
ผู้ป่วยนั่งหน้าตรงผู้ตรวจใช้นิ้วคลำหาจุดกึ่งกลางของ Suprasternal notch และเคลื่อนนิ้วเข้าหา Trachea สังเกตว่าสัมผัสได้ที่จุดกึ่งกลางหรือไม่
การขยายตัวของปอด (Lung expansion)
สามารถตรวจได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังดังนี้ วางฝ่ามือทั้ง 2 ข้างทาบทรวงอกด้านหลังให้นิ้วหัวแม่มือวางขนานกับกระดูกซี่โครงคู่ที่ 10 ฝ่ามือโอบด้านข้างของทรวงอกปลายนิ้วหัวแม่มือ 2 ข้างอยู่ใกล้กันบริเวณแนวกระดูกสันหลังโดยมีระยะห่างเท่ากัน
ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึก ๆ สังเกตความแตกต่างของการเคลื่อนที่ของนิ้วหัวแม่มือ 2 ทั้ง 2 ข้าง
ตรวจด้านหน้าดูการเคลื่อนไหวของ upper และ middle lobe วิธีตรวจคล้ายกับที่ตรวจด้านหลังโดยวางมือบริเวณชายโครงตามแนวกระดูกซี่โครงที่ 6 โดยนิ้วหัวแม่มืออยู่ที่ Xiphoid process ฝ่ามือโอบด้านข้างของทรวงอกบอกให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึก ๆ
สังเกตการเคลื่อนที่ออกจากจุดกึ่งกลางของนิ้วหัวแม่มือและการขยายของฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง
การคลำเสียงสะท้อน
(Tactile Fremitus or Vocal Fremitus)
วิธีตรวจ: ใช้ฝ่ามือหรือสันมือวางบนผนังอกด้านหลังในตำแหน่งที่ตรงกันทั้ง 2 ข้างจากบนลงล่างหรือล่างขึ้นบนก็ได้แล้วให้ผู้ป่วยนับ 1-2-3 จะสัมผัสถึงความรู้สึกสั่นสะเทือนที่เกิดจากเสียงเปรียบเทียบกันทั้ง 2 ข้าง
ถ้าคลำเสียงสะท้อนได้เบากว่าอีกข้างหนึ่งแสดงว่าปอดข้างนั้นแฟบหรือมีสิ่งอุดกั้นในหลอดลมข้างนั้นเช่นน้ำหนองหรือลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดข้างนั้น
การคลำตำแหน่งที่กดเจ็บ เช่น Costochondral junction และตำแหน่งต่างๆ
การเคาะ (percussion)
การเคาะที่ถูกต้องในคนที่ถนัดขวา: ให้นิ้วมือซ้ายเหยียดตรงวางแนบบริเวณที่จะตรวจใช้นิ้วกลางมือขวาเคาะลงบนนิวกลางมือซ้ายบริเวณ Dista interphalangea joint ในแนวดิ่งโดยใช้การเคลื่อนไหวของข้อมือขวา
เคาะเปรียบเทียบกันข้างซ้ายและขวาไล่จากบนลงล่างขณะเคาะให้กดนิ้วนั้นให้แนบกับผิวหนังและยกนิ้วอื่นขึ้น
การเคาะจะสามารถบอกความผิดปกติที่ลึกไม่เกิน 5-7 ซม.
เคาะปอด
โดยเริ่มจากกระดูกไหปลาร้าแต่ละข้าง ไล่ลงมาทีละช่องของกระดูกซี่โครงทั้ง 2 ข้าง
ปกติจะได้ยินเสียงก้อง (Resonance)
ควรเคาะ 1-2 ครั้งในแต่ละตำแหน่ง เปรียบเทียบสองข้าง
เสียงที่ทึบผิดปกติอาจเกิดจาก
มีก้อนเนื้อของเหลว หรือ มีการแข็งของเนื้อปอด
ในกรณีที่เสียงโปร่งอาจเกิดจาก
มีลมในช่องอก(Pneumothorax) และภาวะถุงลมโป่งพอง (Pulmonary emphysema)
ลำดับการเคาะ
เคาะบริเวณยอดปอด โดยให้ผู้ป่วยนั่ง ผู้ตรวจหันหน้าเข้าหาผู้ป่วยเคาะลงบน Supraclavicular fossa ทั้งข้างซ้ายและขวา
เคาะปอดด้านหลังเริ่มเคาะจากด้านบนลงมาด้านล่างที่ละช่องซี่โครง
ปกติเสียง Resonance จะเริ่มสิ้นสุดราวระดับ Left rib 9th และ Right rib 8th
การแปลผล
Flatness
พบใน Hydrothorax, Pleural effusion ลักษณะเหมือนเสียงที่เกิดจากเคาะบริเวณต้นขา
Dullness
พบใน Pneumonia, Pul. TB, Atelectasis ลักษณะเหมือนเสียงที่เกิดจากการเคาะตับหรือเสียงทึบ
Tympany
พบใน Pneumothorax เป็นเสียงโปร่งเหมือนเสียงที่เกิดจากการเคาะหน้าท้องที่มีแก๊สมาก
Resonance
เป็นเสียงที่เกิดจากการเคาะปอดที่ปกติหรือเสียงก้อง
Hyper-resonance
เสียงก้องมาก พบในภาวะ Emphysema
เคาะตับ
เคาะดูบริเวณทึบของตับ จะเริ่มมีเสียงทึบ (Dullness) ที่ ICS 4 th และทึบชัดเจนที่ ICS 6 th ในแนว Mid - clavicular line
การฟัง
การฟังปอดหรือเสียงหายใจ มีประโยชน์ในการประเมินถึง ลมที่ผ่านหลอดลมและส่วนต่างๆของทางเดินหายใจ สิ่งอุดตันต่างๆ สภาพปอดทั่วๆ ไปและช่องเยื่อหุ้มปอด
การฟัง โดยใช้ stethoscope ควรฟังให้ตลอดช่วงการหายใจเข้าและออก และเปรียบเทียบทั้งสองข้าง
หลักการตรวจ: ให้ผู้ป่วยอ้าปากเล็กน้อย หายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วฟังที่ผนังทรวงอกด้วยด้าน diaphragm ของ stethoscope แต่ละตำแหน่งควรฟังอย่างน้อย 1 รอบของการหายใจเข้า – ออกโดยเปรียบเทียบกับอีกด้านหนึ่งในตำแหน่งเดียวกัน ไล่เป็นลำดับ
เสียงที่ฟัง
การฟังเสียงหายใจปกติ (Normal breath Sound) ประกอบด้วย
Tracheal / Bronchial breath sound บริเวณคอตำแหน่งของ Trachea และ bronchus (หายใจเข้าสั้น – ออกยาว)
Bronchovesicular breath sound บริเวณรอบ manubrium 1st, 2nd Intercostal space ด้านหน้าและ interscapula area ด้านหลัง
(หายใจเข้า – ออกเท่า ๆ กัน)
Vesicular breath Sound บริเวณชายปอดทั้ง 2 ข้าง (หายใจเข้ายาว – ออกสั้น)
การฟังเสียงพูด
ให้ผู้ป่วยนับ 1-2-3 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเสียงกรณีที่มีสิ่งมากั้นระหว่างเนื้อปอดกับผนังทรวงอก เช่น Pleural effusion, pneumothorax, pleural mass, atelectasis เสียงพูดจะเบาลง
การฟังเสียงผิดปกติ (Adventitious sound) แบ่งเป็น
Crepitation or crackle เป็นเสียงที่ไม่ต่อเนื่อง เกิดจากลมหายใจผ่าน secretion ที่ Terminal bronchiole และ alveoli ได้ยินชัดช่วงหายใจเข้ามี 3 ระดับคือ Fine, medium, Coarse
ความผิดปกติอื่นที่ตรวจพบ ได้แก่ เสียงหายใจเบากว่าปกติเรียกว่า Decrease breath Sound หรือ Deminished breath Sound พบในภาวะที่มีลมหรือของเหลวในช่องเยื่อหุ้มปอดเสียง Pleural friction rub เกิดจากการเสียดสีของเยื่อหุ้มปอดที่อักเสบ พบใน Pleuritis
Stridor เป็นเสียงที่เกิดจากการตีบแคบของหลอดลมขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นเสียงหวีดที่ได้ยินชัดในช่วงหายใจเข้า มักจะได้ยินโดยไม่ต้องใช้ stethoscope
Rhonchi เป็นเสียงที่มีลักษณะใหญ่และทุ่ม แสดงถึงหลอดลมขนาดใหญ่ในทรวงอกที่ตีบแคบ
Wheezing เป็นเสียงที่มีลักษณะแหลมกว่า rhonchi ซึ่งความแหลมของเสียงขึ้นกับความเร็วของลมที่วิ่งผ่าน
เป็นการตรวจเพื่อประเมินการทำหน้าที่ของอวัยวะและส่วนประกอบของทรวงอก ได้แก่
อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจ ได้แก่ หลอดลม ปอด
หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
ผิวหนัง เต้านม กล้ามเนื้อ กระดูกหน้าอก และกระดูกซี่โครง
ตำแหน่งที่สำคัญบริเวณทรวงอก ได้แก่
Anterior axillary line
เป็นตำแหน่งที่ตรงกับกระดูกซี่โครงที่ 7 ด้านหลังเมื่อ
ผู้ป่วยนั่งตัวตรงปล่อยแขนข้างลำตัวตามสบาย
Spinous process of T1
ให้ผู้ป่วยก้มคอเต็มที่จะคลำได้ปุ่มนูนของกระดูก spine ที่โปนที่สุด 2 ปุ่มคือปุ่มบนคือ Spinous process ของ 7 และปุ่มล่างคือ spinous process ของ 1 ใช้สำหรับนับกระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลัง
เส้นสมมติ ( Imagination Line)
เป็นเส้นที่ใช้เปรียบเทียบบอกตำแหน่งของสิ่งที่ตรวจพบบนทรวงอก ได้แก่
Midclavicular line (MCL)
Anterior axillary line
Midsternal line
Angle of Louis หรือ Sternal angle หรือ Manubriosternal junction
เป็นส่วนต่อระหว่าง Manubrium sterni กับ sternum ซึ่งเป็นมุมที่คลำได้ชัดเจนมากและอยู่ตรงกับกระดูกซี่โครงที่ 2 ทางด้านหน้าเป็นประโยชน์ในการนับกระดูกซี่โครง (Rib) และช่องว่างระหว่างกระดูกซี่โครง (Intercostal space: ICS)
การตรวจหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต (Cardiovascular)
ในการตรวจหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตมีความสัมพันธ์กับการตรวจร่างกายส่วนอื่น ๆ ที่สำคัญดังนี้
การตรวจชีพจรในตำแหน่งต่างๆการเต้นของเส้นเลือดดำว่ามีการโป่งพองหรือไม่
การวัดความดันโลหิต
การตรวจทั่วไป ได้แก่ การหายใจสีผิวและอาการบวมตามส่วนต่างๆ
การตรวจหัวใจ
ตำแหน่งของลิ้นหัวใจ
P.V.A. (Pulmonic valvular area) Lt. ICS 2nd ชิดกับ sternum
T.V.A. (Tricuspid valvular area) Lt. ICS 5th ชิดกับ sternum
A.V.A (Aortic valvular area) Rt. ICS 2nd ชิดกับ sternum
M.V.A. (Mitral valvular area หรือ Apex) Lt. ICS 5th ตัดกับ MCL.
การดู
ดู Apical impulse หรือ Apical beat คือตำแหน่งที่มีการเต้นของหัวใจแรงที่สุดเรียกว่า Point of maximum impulse: PMI บางรายอาจมองไม่เห็นเนื่องจากผนังทรวงอกหนา ต้องใช้วิธีคลำ
Abnormal pulsation อื่น ๆ ในบริเวณ Precordial area และบริเวณคอทั้ง 2 ข้างเช่น Impulse จาก Aneurysm
ดูลักษณะผนังทรวงอกว่าเหมือนกันทั้ง 2 ข้างหรือมีการโป่งนูน (Bulging) ของผนังทรวงอกหรือไม่
ถ้ามี bulging ด้านซ้ายของกระดูก sternum แสดงว่ามี Right ventricular hypertrophy
การคลำ
คลำ apex beat ซึ่งปกติในผู้ใหญ่จะคลำได้อยู่บริเวณช่องซี่โครงช่องที่ 5 ในแนวของ mid clavicular line หากคลำได้บริเวณอื่นแสดงให้เห็นความผิดปกติของหัวใจ เช่น หัวใจโตหรือหัวใจกลับข้าง (dextrocardia)
หรือเรียกอีกอย่างว่า คลำตำแหน่งของ PML.: ใช้ปลายนิ้วมือทั้ง 4 นิ้วตำแหน่งที่คลำพบว่าหัวใจเต้นแรงที่สุดจะมีแรงกระแทกถูกนิ้วมือเพียงจุดเดียวหรือเป็นบริเวณเล็ก ๆ ไม่เกิน 2-3 ซม.
คนปกติจะอยู่ที่ช่องซี่โครงที่ 5 ตรงกับ MCL ซึ่งเป็นตำแหน่งของ Apex
การคลำเพื่อตรวจอาการแสดงของหัวใจโต เรียกว่า Ventricular heave
เปลี่ยนไปทางซ้ายเนื่องจาก : Rt. Pneumothorax,
Lt. Atelectasis, Cardiac dilatation
เปลี่ยนไปทางขวาเนื่องจาก : Lt.Pneumothorax ,
Rt. Atelectasis
แรงขึ้น เพราะ Left ventricular hypertrophy, contractility
การคลำ Thrill
คลำ thrill เป็นความสั่นสะเทือนที่สัมผัสได้ด้วยมือที่วางทาบอยู่บนทรวงอกเหนือตำแหน่งของหัวใจเกิดจากความผิดปกติในการไหลเวียนของเลือดในหัวใจ หรือในเส้นเลือดใหญ่ คนปกติจะไม่สามารถคลำ thrill ได้
Thrill คือ ปรากฏการณ์ของ Murmurs ที่ดังมากจนเกิดการสั่นสะเทือนของ Chest wall จะรู้สึกเหมือนมีคลื่นมา
กระทบ (Vibration sensation) ถูกที่ฝ่ามือ
ต้องคลำให้ทั่วทั้ง Precordial area ได้แก่ บริเวณลิ้นหัวใจทั้ง 4 โดยวางฝ่ามือบริเวณที่จะตรวจ
Systolic thrills
Diastolic thrills
Murmurs คือ การไหลเวียนของเลือดที่ผิดปกติ
การฟัง
ควรฟังบริเวณ Precordial area ทั้งหมดโดยฟังตำแหน่งลิ้นหัวใจทั้ง 4 แห่ง
การใช้ Stethoscope
ด้าน Belt-ฟังเสียงต่ำ (low pitch) โดยไม่ควรกดแน่น
ด้าน Diaphragm – ฟังเสียงสูง (high pitch) โดยกดให้แน่น
ขณะฟังเสียงหัวใจต้องสังเกตสิ่งต่อไปนี้
ความสม่ำเสมอ จังหวะการเต้น
ความถี่ของเสียง : ช้าหรือเร็ว อัตราการเต้น นับเต็มนาที
ลักษณะของเสียง : เบา แรง พอดี
การฟังเสียงหัวใจปกติ (Normal heart sound)
S1 เป็นเสียงที่เกิดจากการปิดของ mitral & tricuspid valve เกิดในช่วงหัวใจบีบตัว จะได้ยินนำหน้า radial pulseเล็กน้อย หากเราใช้มือจับชีพจรบริเวณข้อมือไปด้วย เสียงที่ได้ยินตรงกับ the apical impulse หรือ ชีพจร
ฟังชัดที่สุดบริเวณ Apex
S2 เป็นเสียงที่เกิดจากการปิดของ pulmonic & aortic valve เกิดในช่วงหัวใจคลายตัว
ฟังชัดบริเวณ pulmonic & aortic valve เป็นเสียงที่ค่อยแต่สูงกว่าเสียงแรก
การฟังเสียงฟู่ (Cardiac murmur)
เป็นเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนขณะมีการไหลของเลือดผ่านรูเปิดของลิ้นหัวใจ หรือเส้นเลือดที่มีความผิดปกติ
Systolic murmur : เกิดระหว่างเสียง S1 และเสียง S2 โดยเกิดพร้อมกับการเต้นของชีพจรที่คอ
Diastolic murmur : เกิดระหว่างเสียง S2 และเสียง S1 โดยเกิดหลังการเต้นของซีพจรที่คอ
ความดังของ murmur และตำแหน่งที่ได้ยินเสียงชัดที่สุด
Grade 6: เสียงดังมากที่สุด อาจฟังได้โดยไม่ต้องใช้ Stethoscope
Grade 5: เสียงดังมาก แตะหูฟังไม่สนิทก็ได้ยิน
และคลำได้ thrill และ heaving
Grade 3: เสียงดังปานกลาง แต่ยังคลำไม่ได้ thrill
Grade 4: เสียงดังมากขึ้น และเริ่มคลำ thrill ได้
Grade 1: เสียงเบามาก ฟังยาก ต้องตั้งใจฟัง อาจพลาดได้
Grade 2: เสียงเบา แต่ฟังได้ยินทันทีที่แตะหูฟังบนผนังทรวงอก
การเคาะ
ไม่นิยมใช้ในการตรวจหัวใจ เนื่องจากให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้น้อย
นางสาวดวงฤทัย ชนะวงศ์
ชั้นปี 2A เลขที่ 26
รหัสนักศึกษา 62123301042