ทารกคลอดก่อนกำหนด 35 สัปดาห์
ทารกน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ 2,110 กรัม
On ETT with ventilator
ระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่และภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากมารดามีไม่เพียงพอ
การสร้าง IgM ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีปริมาณIgMน้อย เนื่องจากทารกต้องสังเคราะห์ขึ้นเอง
B-lymphocyte ไม่เปลี่ยนเป็น plasma cell และ T-lymphocyte
ไม่สามารถสร้าง Type specific antibody
ไม่มี Antibody เฉพาะตัว
การทำลายเชื้อโรคมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ เชื้อโรคและแบคทีเรียกระจายเข้าสู่ร่างกายและกระแสเลือดง่ายขึ้น
ไม่ได้รับ IgG จากมารดาผ่าน Placenta น้อย ในขณะตั้งครรภ์ รวมถึงได้รับ IgA จากนมมารดา น้อย
เม็ดเลือดขาว ( WBC ) มีจำนวนน้อย
ทำให้การกำจัดเชื้อโรค (Phagocytosis) ยังไม่สมบูรณ์
ผิวหนังเปราะบาง
Epidermis และ Dermis ยึดติดกันหลวมๆ จึงถูกทำลายได้ง่าย
แพทย์มีแผนการรักษาให้ Curosurf 2 vial
ระบบไหลเวียนเลือดไม่สมบูรณ์
ผนังหลอดเลือดเปราะแตกง่าย
มีภาวะพร่องปัจจัยในการแข็งตัวของเลือด
เม็ดเลือดแดงมีอายุขัยสั้น
มีการแตกของเม็ดเลือดแดงเป็นจำนวนมาก
แตกตัวเป็น Heme และ Globin
Heme ถูกสลายเป็น Billirubin โดย Heme kinase
Billirubin ถูกเปลี่ยนเป็น unconjugated ซึ่งไม่ละลายในน้ำ แต่ละลายในไขมัน
unconjugated จับกับ albumin
เมื่อ Billirubin ผ่านเข้าสู่เซลล์ตับ จะถูกแยกตัวจาก albumin แล้วจับกับ ligandin
การควบคุมอุณหภูมิร่างกายไม่ดี
การควบคุมอุณหภูมิกายที่สมองส่วน Hypothalamus ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์
Cell ประสาท cold sensitive neurone และ hot sensitive neurone
เซลล์ไขมันของร่างกายแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ cell สีขาว และ cell สีน้ำตาล ที่เป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งมีขนาดเล็กและ cell มีจำนวนน้อย
ชั้นไขมันใต้ผิวหนังน้อยโดยเฉพาะ Cell สีน้ำตาล (Brown Fat)
ทำให้สูญเสียความร้อนมากกว่า
สร้างความร้อนผ่านทางผิวหนังได้ง่าย
เสี่ยงต่อภาวะ Hypothemia-Hyperthemia เนื่องจากระบบควบคุมอุณหภูมิร่างกายยังทำงานไม่สมบูรณ์
มารดามีการแตกรั่วของถุงน้ำคร่ำก่อนจะมีการเจ็บครรภ์ (Preterm Premature Rupture of Membranes : PROM )
ปอดของทารกขณะอยู่ในครรภ์จะมีสารน้ำ (Fetal lung fluid)
ทารกคลอดขณะที่ทรวงอกผ่านช่องคลอดของมารดา
มีแรงกดจากมดลูกผนังช่องคลอด และแรงดันในช่องท้อง
ทรวงอกทารกถูกบีบ (vaginal squeeze)
เกิดแรงดันในทรวงอกทารก
สารน้ำไหลจากส่วนบนของทางเดินหายใจออกมาทางปากและจมูก
Blood gas : Respiratory acidosis
04/10/63 : PH 7.36 PCO2 55.1 mmHg PO2 61 mmHg HCO3 30 mmol/L
05/10/63 : PH 7.31 PCO2 65.2 mmHg PO2 61 mmHg HCO3 31.5 mmol/L
06/10/63 : PH 7.29 PCO2 64.9 mmHg PO2 47 mmHg HCO3 30.5 mmol/L
07/10/63 : PH 7.30 PCO2 62.6 mmHg PO2 54 mmHg HCO3 29.6 mmol/L
08/10/63 : PH 7.33 PCO2 61.5 mmHg PO2 76 mmHg HCO3 31.5 mmol/L
Dopamine 13 mg + 10%D/N/2 25cc (1:4) 1cc/hr (6/10/63)
Dopamine 13 mg + 10%D/N/2 25cc (1:4) 2cc/hr (7/10/63)
ขณะที่ลำตัวทารกคลอดออกมาแล้วทรวงอกทารกที่ถูกกดก็จะขยายกลับสู่ปกติ
เกิด conjugated กับ glucuronic acid ใน endoplasmic reticulum โดยเอนไซม์ glucuronyl transferase
ได้เป็น Billirubin และ glucuronide และ Billirubin monoglucuronide
เรียกว่า conjugated billirubin ละลายน้ำไม่ได้
เซลล์ตับจะจับ conjugated billirubin ในร่างกายจำนวนมาก
04/10/63 ค่า MB 11.0 mg/dL
05/10/63 ค่า MB 11.5 mg/dL 06/10/63 ค่า MB 9.3 mg/dL
07/10/63 ค่า MB 10.4 mg/dL
08/10/63 ค่า MB 13.6 mg/dL
09/10/63 ค่า MB 13.2 mg/dL
มีภาวะตัวเหลือง
มีภาวะ Hyperbilirubinemia
CXR : ground glass appearance
(มีลักษณะแบบกระจกฝ้า)
มีแรงยึดหยุ่นดึงเอาอากาศเข้ามาแทนที่สารน้ำ
สารน้ำในปอดของทารกไม่ได้ถูกขับออกจากปอดทั้งหมด
ทารกต้องใช้เวลาในการดูดซึมออกจากปอดนานขึ้น
ฟังเสียงหัวใจพบเสียง Murmur
แพทย์มีแผนการรักษาให้ indomethacin 0.4 mg stat หลังจากนั้นให้ 0.5 mg oral ทุกๆ 24 ชั่วโมง * 2 dose (09/10/63)
เชื้อโรคเข้าสู่ปอด เกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว
มีเลือดมาคั่งบริเวณที่อักเสบ
หลอดเลือดขยายตัว
เม็ดเลือดแดง ไฟบรินและเม็ดเลือดขาว (Neutrophil และ Lymphocyte)
ออกมากำจัดแบคทีเรีย
หลอดเลือดฝอยท่อผนังถุงลมปอดขยายตัวมากขึ้น
จำนวนเม็ดเลือดขาวเข้ามาแทนที่เม็ดเลือดแดงในถุงลมมากขึ้นเพื่อจับกินเชื้อโรค
เกิดปฏิกิริยาการอักเสบจากการทำลายเชื้อโรค
ปอดอักเสบ ( Pneumonia )
เกิดหนองหรือของเหลวขังภายในถุงลมปอด
เกิดการหายใจลำบากเนื่องจากสารน้ำคั่งค้างในปอด
RDS (Respiratory Distress Syndrome)
เนื้อเยื่อปอดเกิดภาวะขาดออกซิเจน
เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย จากการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย เช่น ETT
กระตุ้นให้ goblet cells ในเยื่อบุหลอดลม ผลิตเสมหะเพิ่มขึ้น
เกิดการคั่งค้างของเสมหะ
เกิดการติดเชื้อ ระคายเคืองทางเดินหายใจ
Sepsis
ทำให้เกิดการปล่อยสาร Exogenous pyrogen ซึ่งเป็นการก่อไข้
ได้แก่ Lipopolysaccharide ในแบคทีเรีย
กระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวเร่งสร้าง Endogenous pyrogen
กระตุ้นเอมไซด์ Cyclooxygenases
เปลี่ยน arachidonic acid เกิดเป็น prostaglandin E2ขึ้น
กระตุ้น Adenyl cyclades ให้สร้าง cyclic AMP เพิ่มขึ้น
การระบายอากาศในปอดไม่เพียงพอ
ทำให้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลงเนื่องจากถุงลมขยายไม่เต็มที่
ปอดได้รับออกซิเจนน้อยเกินกว่าจะผลิต Bradykinin
ปอดแฟบ ( Atelectasis )
ปอดไม่สามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกทางการหายใจได้เพียงพอ
เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายจำนวนมาก
ทำให้ก๊าซออกซิเจนน้อยลง
ภายหลังการคลอดไม่มีการกระตุ้นของ PaO2 ที่สูงขึ้นผ่าน Prostaglandin
ไม่มีการปิดของ Ductus arteriosus
Patent Ductus arteriosus ( โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน )
ทำให้เซลล์กล้ามเนื้อชั้นใน Media ของ ductus arteriosus ไม่มีการหดตัว
Suction ได้ fluid clear 8 cc
เลือดแดงที่ออกจากหัวใจไปเลี้ยงส่วนต่างๆปนกับเลือดดำที่ออกจากหัวใจไปปอด
ไหลกลับเข้าหัวใจห้องบนและห้องล่างซ้ายเพิ่มขึ้น
หัวใจด้านซ้ายทั้ง 2 ข้างจึงทำหน้าที่เพิ่มและขยายออก
หัวใจไม่สามารถปรับตัวได้
เลือดจะคั่งอยู่ที่ปอด
ความดันหัวใจห้องล่างขวามีความดันมากกว่าด้านซ้าย
หากเป็นนานหัวใจห้องล่างขวาจะหนาขึ้น
EKG : Supraventicular Trachycardia
EKG : Right venticular hypertrophy
EKG : ST depression
CXR : Cardiomagaly
เกิดการติดเชื้อที่หลอดลมฝอย
ทำให้เกิดเลือดเป็นกรด
เมื่อเลือดเป็นกรดมากขึ้น การบีบตัวของหัวใจน้อยลง
ทารกหายใจเร็ว มี Retraction
กระตุ้นให้มีการผลิต Fucomucin มากขึ้น
มีการผลิต sialomucin น้อยลง
ทำให้เสมหะเหนียวข้นมากขึ้น
ทำให้เสมหะหนาตัวเพิ่มขึ้น
ทำให้การทำงานของขนกวัด(cilia) ในการพัดโบกขับสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกายแย่ลง
แบคทีเรียปล่อย toxin เข้ามาในกระแสเลือด
กระตุ้น monocyte, neutrophil และ endothelial cell ให้หลั่ง mediators
ร่างกายเกิดการอักเสบ เนื้อเยื่อถูกทำลาย
เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด
มีการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาว
มีการหลั่งสาร proinflammatory cytokines จำนวนมากออกมา
ร่างกายหลั่งฮีสตามีนและไคนิน
ความตึงตัวของหลอดเลือดเพิ่มขึ้น
มีการคั่งค้างของหลอดเลือดดำมากขึ้น
เลือดดำไหลย้อนกลับไปที่หัวใจลดลง (venus return)
เลือดที่ออกจากหัวใจลดลง (cardiac output)
ความดันโลหิตต่ำลง
เนื้อเยื่อและเอนไซม์ได้รับสารอาหาร ออกซิเจนและเลือดไปเลี้ยงลดลง
การทำงานของอวัยวะต่างๆทำหน้าที่ลดลง การทำหน้าที่ของร่างกายจะเสียไป
มีการหดตัวของหลอดเลือดผิวหนัง
เพิ่มระดับของ catecolamine
ลดการขับเหงื่อ
เพื่อปรับชดเชยพยายามไม่ให้มีการเสียความร้อนออกนอกร่างกาย
อุณหภูมิสูง มีไข้
septic shock
ระบบย่อยอาหาร
การย่อยเชิงเคมี
โดยการใช้เอนไซม์
ระบบย่อยอาหารยังพัฒนาไม่เต็มที่
ระดับHydrochloric acid และน้ำย่อยมีปริมาณน้อย
ประสิทธิภาพและความสามารถในการย่อยอาหารลดลง
ศูนย์ควบคุมการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อการดูดกลืนที่ medulla oblongata ทำงานน้อยลง
ระดับความตึงตัวของกล้ามเนื้อรอบปากที่ใช้ในการดูดกลืนน้อย
การควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณรอบปากทำได้ไม่ดี
ประสิทธิภาพการดูดกลืนลดลง
ดูดกลืนนมได้น้อยและกลืนได้ไม่ดี
ปริมาณน้ำนมและสารอาหารที่ได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
villi มีหน้าที่ช่วยในการดูดซึมสารอาหารในลำไส้ยังเจริญไม่เต็มที่
ประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารลดลง