Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจประเมินสุขภาพทารกในครรภ์, S__55590937, 9999999999 - Coggle Diagram
การตรวจประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
Biochemistry
Amniocentesis
การเจาะน้ำคร่ำ :
ข้อบ่งชี้
1.ทำในหญิงตั้งครรภ์ที่อายุ 35 ปีขึ้น
2.
ทำเมื่อ
อายุครรภ์ 16-18wks
ทำเพื่อ
คัดครองโรคดาวน์ซินโดรม
การพยาบาล
ก่อนการเจาะน้ำคร่ำ
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์เข้าใจถึงวิธีการและขั้นตอนในการตรวจ และเปิดโอกาสให้ชักถาม เพื่อให้เกิดความเข้าใจและให้ความร่วมมือ
ให้หญิงตั้งครรภ์ลงลายมือชื่อในใบยินยอมเข้ารับการตรวจไว้เป็นหลักฐาน
ให้หญิงตั้งครรภ์ถ่ายปัสสาวะทิ้งก่อนทำการตรวจ
จัดท่า ให้หญิงตั้งครรภ์นอนหงายราบบนเตียงตรวจ มือทั้งสองข้างวางแนบลำตัว เปิดผ้าบริเวณหน้าท้องจากใต้ลิ้นปี่จนถึงหัวเหน่าหลังการตรวจเจาะน้ำคร่ำ
หลังการตรวจเจาะน้ำคร่ำ
ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์ได้นอนพักบนเตียงตรวจประมาณ 30 นาที หรือดูแลให้นอนพักในห้อง
2.สังเกตอาการประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกช้อนที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น หน้ามืด เป็นลม หรือปวดท้องเป็นพัก ๆ มดลูกหดรัดตัว เป็นตัน
หญิงตั้งครรภ์ควรนอนพักต่อที่บ้านนภายหลังทำ 24 ชั่วโมง พักผ่อนให้มาก
4.ลดกิจกรรมและการเดินทาง หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าท้อง
5.งดทำงานหนัก 2 สัปดาห์และงดร่วมเพศ 2 สัปดาห์
แนะนำให้สังเกตลูกดิ้น และการสังเกตอาการผิดปกติ ได้แก่ ลูกดิ้นน้อยลง มีอาการปวดหน่วงท้องน้อยและหรือร่วมกับการหดเกร็งของมดลูก(abdominal pain and uterine contraction ) มีเลือดออก ทางช่องคลอดหรือมีน้ำเดิน และมีไข้ภายหลังเจาะน้ำคร่ำ48ชั่วโมง ซึ่งบ่งบอกถึงการติดเชื้อ ให้หญิงตั้งครรภ์รีบมาพบแพทย์เพื่อดูแลรักษาต่อไป
ภายหลังเจาะนํ้าครํ่าหรือก่อนกลับบ้านแพทย์จะตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงอีกครั้งเพื่อประเมินทารกในครรภ์
วิธีการเจาะน้ำคร่ำโดยแพทย์
1.แพทย์จะทำการตรวจอัลตร้าซาวด์เพื่อยืนยันอายุครรภ์ ดูท่าของทารกตำแหน่งที่รกเกาะ และเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเจาะที่ปลอดภัยสำหรับแม่และทารก
2.ทาน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณหน้าท้อง
3.ใช้เข็มแทงผ่านผนังหน้าท้องและผนังมดลูกจนถึงแอ่งน้ำคร่ำ
4.ดูดน้ำคร่ำออกมาประมาณ 4 ช้อนชา (20 ซีซี)
5.ส่งน้ำคร่ำที่ได้ไปเลี้ยงเซลล์ในห้องปฏิบัติ เพื่อศึกษาดูจำนวน รูปร่างโครโมโซรมในน้ำคร่ำ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อความแม่นยำ
6.แปลผล Result Chromosomal analysis 46 XY or 46 XX (ปกติ)
Clinical
การประเมินการเคลื่อนไหวของทารก
ลูกดิ้นครั้งแรก (quickening) เมื่ออายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์ในครรภ์แรก และ 16-18 สัปดาห์ในครรภ์หลัง
เพื่อประเมินอายุครรภ์ และใช้เพื่อประเมินความใส่ใจของสตรีมีครรภ์ต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
การตรวจนับจำนวนทารกในครรภ์ดิ้น
(fetal movement count : FMC)
เริ่มนับเมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์
วิธีการนับครบ 10 (count to ten) หรือการคาร์ดิฟ (cardift count to ten) เป็นวิธีการนับจำนวนครั้งของการดิ้นอย่างต่อเนื่องจนครบ 10 ครั้งภายใน 2 ชั่วโมง
คำแนะนำ ถ้าภายใน 12 ชั่วโมง ลูกดิ้นไม่ครบ 10 ครั้งควรมาตรวจครรภ์ในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าพบว่าลูกไม่ดิ้นเลยใน 12 ชั่วโมง ให้มาที่ห้องคลอดทันที
วิธีการของซาดอฟสกี้ (Sadovsky)
เป็นวิธีการนับการดิ้นของทารกในครรภ์วันละ 3 ครั้ง
ครั้งละ 1ชั้วโมง หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น
วิธีการนับ ผลรวมจำนวนครั้งของการดิ้น 3 เวลาครั้งละ 1 ชั่วโมง หลังอาหารมีค่า มากกว่าหรือท่ากับ 10 ครั้ง
ถ้าน้อยกว่า 10 ครั้ง ถือว่าผิดปกติ
เพื่อประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
Biophysical
Ultrasound
ทางช่องคลอด
อายุครรภ์น้อยกว่า 10 สัปดาห์
สอดหัวตรวจขนาดเล็กเข้าไปทางช่องคลอด
วัดความยาวปากมดลูก
ตรวจระยะห่างของขอบรกจากปากมดลูก
ทางหน้าท้อง
อายุครรภ์มากกว่า 10 สัปดาห์
วิธีการตรวจ
ทาเจลบริเวณหน้าท้อง เพื่อเป็นสื่อนำภาพ
2.ใช้หัวตรวจเคลื่อนอัลตาโซนิคส่องเพื่อทำการตรวจบริเวณหน้าท้องของสตรีตั้งครรภ์
ไตรมาสที่ 2
อายุครรภ์ 14-26 สัปดาห์
ความพิการแต่กำเนิด
ภาวะผิดปกติจากโรคทางพันธุกรรม
อาทิเช่น Down's syndrome
อวัยวะจากการมีถุงน้ำคร่ำซีกขาด
ดูโครงสร้างร่างกายทารกในครรภ์เพื่อให้ทราบถึงการพัฒนาและการเจริญเติบโต
ศีรษะ
เนื้อสมอง
กระโหลกศีรษะ
ใบหน้า
ปากแหว่ง (Cleft lip)
แขน-ขา-มือ-เท้า
จำนวนแขนขา นิ้วมือนิ้วเท้า
ทรวงอก
ปอด,หัวใจ
ผิวหนัง,หน้าท้อง
อวัยวะหลักในช่องท้อง
ตับ ไต ลำไส้ กระเพราะปัสาวะ
ไตรมาสที่ 1
ประเมินอายุครรภ์
จำนวนทารกในครรภ์
การมีชีวิตของทารก
ตำแหน่งการฝั่งตัว
ความพิการบางอย่าง
ไม่มีกระโหลกศีรษะ
ลักษณะของถุงการตั้งครรภ์
ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy)
ท้องลม (Phantom pregnancy)
โครงสร้างของสตรีตั้งครรภ์
ความผิดปกติของมดลูก,รังไข่,ท่อนำไข่
ไตรมาสที่ 3
โครงสร้างของสตรีตั้งครรภ์
ความผิดปกติของมดลูก,รังไข่,ท่อนำไข่,ช่องทางคลอด และความยาวปากมดลูก
ท่าของทารก
ทำนายการคลอด
ปริมาณน้ำคร่ำ
ตำแหน่งรกและรก
การเจริญเติบโตของทารก
น้ำหนัก
พัฒนาการของทารกในครรภ์
ภาวะทารกเติบโตช้า
การเจริญเติบโตของกระดูก
แคระแกรน
กระดูกบางผิดปกติ
มือหรือเท้าอยู่ในท่าผิดปกติ
1 more item...
EFM (Electrical fetal monitor)
CST ( Contraction Stress Test)
ข้อจำกัดในการทำCST
Preterm labor หรือมีความเสี่ยงสูงในการเกิด preterm labor.
Preterm premature rupture of membrane
มีประวัติผ่าตัดมดลูกหรือ classic cesarean delivery.
Placenta previa
Multiple gestation
Polyhydramnios
เพื่อดูการตอบสนองของระบบประสาททารกในครรภ์ที่จะแสดงออกมาทางรูปแบบการเต้นของหัวใจ
การตรวจด้วย CST จะทำในรายที่เป็น nonreactive NST
วิธีการตรวจ
1.จัดท่า semi-Fowler หรือ ท่านอนตะแคงซ้าย
2.วัดความดันโลหิต
4.บันทึกรูปแบบการเต้นของหัวใจ ระหว่างที่มีการหดรัดตัวของมดลูก ซึ่งควรมี 3 ครั้งใน 10 นาที นานครั้งละ 40-60 วินาที ถ้าไม่มีให้ชักนำด้วยวิธีดังต่อไปนี้
กระตุ้นด้วย oxytocin โดยให้ทางหลอดเลือดดำ เริ่มที่ 0.5 mU/เพิ่มได้ทีละ 2 เท่า ทุก 15-20 นาที จนกระทั่งมี การหดรัดตัวของมดลูก 3 ครั้งใน 10 นาที แต่ละครั้งนาน 40-60 วินาที
การทำ nipple stimulation โดยใช้มือคลึงที่หัวนมทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่อง หรือ คลึงไปมาที่หัวนมข้างเดียวนาน 2 นาที แล้วหยุด 5 นาที ถ้าการหดรัดตัวยังไม่ถึงเกณฑ์ให้กระตุ้นแบบเดิมต่อ
3.ติดเครื่อง electronic fetal monitoring โดยติดหัวตรวจ tocodynamometer เพื่อบันทึกการหดรัดตัวของมดลูก ไว้ที่ตำแหน่งยอดมดลูก และหัวตรวจ FHR ไว้ที่ตำแหน่งหลังของทารกที่ได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจชัดที่สุด
late deceleration ของ FHR ทุกครั้งที่มีการหดรัดตัวของมดลูก ถึงแม้จะยังไม่ถึง 20 นาที หรือไม่ถึงเกณฑ์การหดรัดตัวที่น่าพอใจก็ให้หยุดทดสอบได้
การแปลผล
Negative
ไม่มี deceleration ในขณะทำการทดสอบ โดยมีการหดรัดตัวของมดลูกอย่างน้อย 3 ครั้งใน 10 นาที นานครั้งละอย่างน้อย 40-60 วินาที
FHR แสดง negative CST
Positive
Late deceleration
การมี Fetal heart rate ลดลงหลังมี contraction บวกลบ 30 วินาที
Early deceleration
การมี Fetal heart rate ลดลง ขณะมี contraction หรือ Acme ตรงกับ Nadir
Variable deceleration
การมี Fetal heart rate ลดลงต่ำกว่า Baseline 15 bpm นานกว่า 15 วินาที
Prolong deceleration
การมี Fetal heart rate น้อยกว่า 110 bpm นาน 2-10 นาที
Equivocal
เส้นกราฟมีคุณภาพไม่ดีหรือมี UCไม่เพียงพอ
Hyperstimulation
Suspicious
Unsatisfied
การติดตามผลหลังการทำCST
ผลNegative
ทารกอยู่ในสภาพปกติแนะนำให้นับลูกดิ้นและตรวจซ้ำใน1สัปดาห์
ผลPositive
ทารกอยู่ในสภาพภาวะพร่องออกซิเจน ช่วยเหลือโดย Intrauterine resuscitation และหยุด Oxytocin ทันที หลังจากนั้น 15-30 นาทีให้ทำCST ซ้ำ
ผลPositive อีกครั้งควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์
-สามารถตรวจวินิจฉัยได้ว่าทารกในครรภ์รายใดมีภาวะ (fetal strees) หรือ มีภาวะ (fetal distress)
-สามารถที่จะยืนยันได้ว่าทารกในครรภ์มีสุขภาพดีในช่วงระยะเวลาหนึ่งหากผลตรวจตรวจปกติ (Reassuring test)
-สามารถลดอัตราทุพพลภาพอัตราการตายปริกำเนิดและความพิการของทารกแรกเกิดซึ่งเป็นผลจากภาวะขาดออกซิเจนในระหว่างคอดลดลงได้รวมทั้งช่วยลดการทำหัตถการ
-สามารถอธิบายพยาธิสภาพได้ทั้งหมด
NST (Non Stress Test)
ความหมาย การตรวจดูอัตราการเต็นของหัวใจทารกเมื่อมีการเคลื่อนไหว
ข้อบ่งชี้
ทารกดิ้นน้อยลง
ตั้งครรภ์เกินกำหนด
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
มีภาวะแทรกซ้อนร่วมกับการตั้งครรภ์
โลหิตจาง
ความดันโลหิตสูง
เบาหวาน
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ครรภ์แฝด
การตรวจ
เริ่มตรวจเมื่อ GA>32wk ติดนาน 20 นาที
ควรอยู่ในท่า Semi-Fowes(30 องศา)
การแปลผล
Reactive
FHS
มากกว่ากับ32
คงอยูนาน 10 วินาที
อย่างน้อย 2 ครั้งใน 20 นาที
มี FHS acceleration > 10 ครั้ง/นาที
น้อยกว่าหรือเท่ากับ32
อย่างน้อย 2 ครั้ง ภายใน 20 นาที
คงอยู่นาน15 วินาที
มี FHS acceleration > 15 ครั้ง/นาที
Non-Reactive
ทารกหลับไม่มีการเคลื่อนไหว
กระตุ้นด้วย Fetal Acoustic
ทารกอายุครรภ์น้อย
ระบบประสาทส่วนกลางยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์
รายงานแพทย์เพื่อประเมินด้วยการตรวจคลื่นกระตุ้นความถี่สูง
Suspicious อาจผิดปกติ
FHS < 2 ครั้ง/นาที
อัตราเพิ่มขึ้น <15 ครั้ง/นาที
คงอยู่สั้นกว่า 15 วินาที เมื่อทารกดิ้น
รายงานแพทย์เพื่อU/S
Uninterpretable อ่านผลไม่ได้
ทำการทดสอบซ้ำภายใน 24 ชั่วโมง
รายงานแพทย์เพื่อU/S
ศัพท์ที่ควรรู้
Baseline FHR
ค่าเฉลี่ยอัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ ปกติ 110-160 bpm
Decelrration
FHR มากกว่าหรือเท่ากับ 15 bpm นานมากกว่าหรือเท่ากับ 15 วินาที แต่ไม่เกิน 2 นาที
Acceleration
อายุครรภ์น้อยกว่า 32 สัปดาห์
FHR สูงกว่า baseline > 10 bpm > 10 วินาที
อายุครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์
FHR สูงกว่า baseline > 15 bpm > 15 วินาที
Variability
อัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไม่สม่ำเสมอ
Absent
ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของ amplitude
Minimal
มีการเปลี่ยนแปลง 0-5 beat/min
tachycardia
FHR > 160 bpm ในระยะเวลา 10 นาที
Bradycardia
FHR < 110 bpm ในระยะเวลา 10 นาที
ชวนสงสัย?
อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง
Prove by Ultrasound
Follow up by count to ten or cardift count to ten and kick to ten
อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง
Prove by Ultrasound and must to NST
Follow up by count to ten or cardift count to ten and kick to ten