Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินมารดาหลังคลอด (Postpartum care) Term preg with labor pain,…
การประเมินมารดาหลังคลอด
(Postpartum care)
Term preg with labor pain
ประเมินสุขอนามัยของมารดาและทารกในระยะหลังคลอดตามหลัก 13B
Background :
หญิงไทยอายุ G5P1A3 อายุ 39 ปี ระดับการศึกษาประถมศึกษาปีที่ 1 อาชีพ ค้าขาย รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,000 บาท ไม่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาศัยอยู่บ้านเช่าชั้น 3 อาการสำคัญ - เจ็บครรภ์ 2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
การตรวจร่างกายแรกรับ BT = 36.8 องศาเซลเซียส, ชีพจร = 96 ครั้ง/นาที, อัตราการหายใจ = 18 ครั้ง/นาที, O2sat = 99%
ความดันโลหิต = 120/81 mmHg, น้ำหนัก 62.1 กิโลกรัม
วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล 4 ตุลาคม พ.ศ.2542
ประวัติการตั้งครรภ์
- G1 คลอดเมื่อ พ.ศ.2542 Term Normal Labor น้ำหนัก 2,600 กรัม
G2 และ G3 spontaneous abortion
G4 criminal abortion + D&C
G5 LMP วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ANC clinic ทั้งหมด 8 ครั้ง
1st ANC GA 14 weeks by U/S
น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 52 กิโลกรัม น้ำหนักก่อนคลอด 61.2 กิโลกรัม
ประวัติการเจ็บป่วย
ในปัจจุบัน - 2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการเจ็บครรภ์ ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีเจ็บแน่นลิ้นปี่ ไม่มีตาพร่ามัว
ในอดีต - มีโรคประจำตัว (Migraine) ไม่แพ้ยา ไม่ใช้สารเสพติด ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
ประวัติในครอบครัวมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง
จากการซักประวัติมารดาบอกว่าการมีบุตรในครั้งนี้ไม่กระทบต่อปัญหาทาางด้านเศรษฐกิจของตนเอง เมื่อกลับบ้านไปจะหาผู้ช่วยเหลือดูแลบุตร
Belief
มารดาจะกลับไปอบสมุนไพรที่บ้านหลังจากที่นัดพบแพทย์อีกครั้งและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่มีรับประทานอาหารเสริมหรือยาเพิ่มเติมนอกจากที่แพทย์สั่ง
Breast and lactation
หัวนมปกติ ไม่บุ๋ม ไม่บอด น้ำนมไหลดี ไม่มีอาการคัดตึงเต้านม มารดาสามารถให้นมทารกได้ตามปกติ
LATCH score = 9 คะแนน (มารดาให้นมทารกได้)
Belly and fundus
มารดาไม่มีอาการปวดเมื่อคลึงมดลูก Day 2 วัดระดับยอดมดลูกได้ 4 นิ้ว Day 3 วัดระดับยอดมดลูกได้ 3 นิ้ว
Bleeding and lochia
ยังพบว่ามารดาขับน้ำคาวปลาแบบ lochia rubra ออกมาโดยใน Day 2 จะมีปริมาณมากกว่า Day 3 ไม่มีกลิ่นเหม็น
Baby
ทารกเพศหญิง หนัก 3,000 กรัม Apgar score 9 10 10
Blues
มารดาไม่มีอาการวิตกกังวลเมื่อเห็นทารก ไม่มีภาวะเครียด
สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำฝันด้วยตนเองได้
Bonding and attachment
มารดามีความสัมพันธ์กับทารกดี
มารดาพูดคุยกับทารก ระหว่างการให้นมก็ประสานสายตากับทารก
ทางด้านครอบครัวมีสามีมาเยี่ยมทุกวันและมีเพื่อนร่วมงานมาเยี่ยมเป็นบางวัน
Body temperature and Blood pressure
ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอดมารดาไม่มีภาวะ Reactionary fever และอัตราการเต้นชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ
Bottoms
ประเมินแผลฝีเย็บตามหลัก
REEDA
R - แผลฝีเย็บไม่มีสีแดง
E - ไม่มีอาการบวม
E - ไม่มีลักษณะช้ำเลือด
D - ไม่มีสารคัดหลั่งออกมาจากแผลฝีเย็บ
A - แผลฝีเย็บติดเสมอกันดี
พยาธิสภาพ
ด้านร่างกาย
เต้านมและน้ำนม
เต้านม
มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์เพื่อเตรียมต่อมน้้านมให้พร้อมในการผลิตน้้านมส้าหรับทารกหลังคลอดเป็นผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจนเตอโรนโดยที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลท้าให้หัวนม (nipple) ลานนม (areolar) ขยายใหญ่และมีสีเข้มขึ้นต่อมไขมันบริเวณลานนม (tubercle of montgomery) หลอดน้้าเหลืองและหลอดโลหิตขยายใหญ่ขึ้นและท่อน้้านม (milkduct) ก็จะเจริญเต็มที่ส่วนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีผลท้าให้ถุงผลิตน้้านม (alveoli) และเซลล์ผลิตน้้านม (secreting cell หรือ acini) ที่บุภายในถุงผลิตน้้านมเจริญเต็มที่เพื่อเตรียมสร้างน้้านมต่อจากถุงผลิตน้้านมจะมีท่อน้้านมเล็กๆ (lactiferous duct) ไปรวมกันเป็นท่อน้้านมใหญ่(lactiferous sinus) ซึ่งจะเปิดออกที่หัวนมมีประมาณ15 – 20 ท่อส่วนของท่อน้้านมนี้จะขยาย
โตเป็นกระเปราะ (ampulla) เพื่อเป็นที่เก็บน้้านมไว้ชั่วคราวซึ่งจะอยู่ตรงกับบริเวณลานนม
น้ำนม
จะมีลักษณะ ดังนี้
1. หัวน้้านม (colostrum)
จะเริ่มผลิตใน 2 – 3 วันแรกหลังคลอดมีสีเหลืองข้นซึ่งเกิดจากสารเบตาแคโรทีนที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นวิตามินเอได้หัวน้้านมจะมีโปรตีนวิตามินที่ละลายในไขมันเกลือแร่ซึ่งรวมถึงสังกะสี โซเดียมโพแทสเซียมและคลอไรด์มากกว่านมแม่ในระยะหลังแต่จะมีน้้าตาลแลคโทสไขมันและวิตามินที่ละลายในน้้าน้อยกว่าส่วนของโปรตีนที่มีอยู่ค่อนข้างมากในหัวน้้านมส่วนใหญ่เป็นสารที่มีภูมิคุ้มกันโรคคืออิมมูโนกลอบบูลินเอ (immunoglobulin A หรือ lgA) มีหน้าที่คุ้มกันเชื้อโรคที่มีอยู่รอบๆตัวมารดา
2. น้้านมระยะปรับเปลี่ยน (transitional milk)
เป็นน้้านมที่ออกมาในช่วงระหว่างหัวน้้านมจนเป็นน้้านมแม่ซึ่ง
ระยะปรับเปลี่ยนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 – 10 หลังคลอดไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังคลอดปริมาณของอิมมูโนกลอบบู
ลินโปรตีนและวิตามินที่ละลายในไขมันจะลดต่ำลง ส่วนปริมาณของน้้าตาลแลคโทสไขมันวิตามินที่ละลายในน้้า
และพลังงานรวมจะเพิ่มขึ้น
3. น้้านมแม่ (true milk หรือ mature milk)
จะเริ่มประมาณ 2 สัปดาห์หลังคลอดไปแล้วมีส่วนประกอบของ
น้้ามากถึงร้อยละ 87 โดยร่างกายจะน้าไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญต่างๆซึ่งหลังจากผ่านการย่อยแล้วของเสีย
ที่มาจากนมแม่จะต้องขับถ่ายทางไต (renalsolute load) และของเสียต้องขับถ่ายทางไตจะมีปริมาณต่้ากว่า
ของเสียที่มาจากนมวัวเกือบ 3 เท่า ดังนั้นเด็กที่ดูดนมแม่อย่างเดียวได้พอเพียงไม่จ้าเป็นต้องกินน้้าเพิ่มอีกแม้จะ
อยู่ในที่มีอากาศร้อน
น้ำคาวปลา
คือสิ่งที่ขับออกมาจากแผลภายในโพรงมดลูกตรงบริเวณที่รกเคยเกาะอยู่มีลักษณะเป็นน้้าเลือดปน น้้าเหลืองคล้ายน้้าคาวปลาลักษณะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของแผลที่มีการซ่อมแซมเพื่อเกิดเป็นเยื่อบุโพรง มดลูกตามปกติมีฤทธิ์เป็นด่างประกอบด้วยเลือดเยื่อบุมดลูกน้้าคร่้าและสิ่งต่างๆที่ค้างอยู่ในโพรงมดลูกมีกลิ่นเฉพาะไม่เหม็นเน่าจ้านวนแตกต่างกันไปประมาณ 240 – 480 cc. และจะค่อยๆจางลงจนหมดไปภายใน 7 –21 วันหลังคลอดน้้าคาวปลาแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
Lochia serosa
มีประมาณวันที่ 4 – 9 ลักษณะน้้าคาวปลาสีจะจางลงเป็นสีชมพูสีน้้าตาลหรือค่อนข้างเหลืองมีมูกปนท้าให้ลักษณะที่ออกมาเป็นเลือดจางๆยืดได้เนื่องจากบริเวณแผลมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นมีเม็ดเลือดขาวมีน้้าเหลือง (Exudate) ที่ออกมาจากแผลซึ่งก้าลังจะหายประกอบด้วยเลือดน้้าเหลืองจากแผลเม็ดเลือดขาวเศษเยื่อบุโพรงมดลูกที่สลายตัวแล้วมูกจากปากมดลูก
Lochia alba
มีประมาณวันที่ 10 หลังคลอดน้้าคาวปลาจะค่อยๆน้อยลงเป็นสีเหลืองจางๆหรือสีขาว
ประกอบด้วยเม็ดเลือดขาวเยื่อบุโพรงมดลูกที่สลายตัวแล้วมูกจากปากมดลูกหรือน้้าเมือกและจุลินทรีย์เล็กๆ
Lochia rubra
น้้าคาวปลาที่ออกมาในระยะ 2 – 3 วันแรกหลังคลอดเนื่องจากในระยะนี้แผลภายในโพรงมดลูกยังใหม่อยู่การซ่อมแซมยังเกิดขึ้นน้อยสิ่งที่ขับออกมามีลักษณะสีแดงคล้้าและข้นประกอบด้วยเลือดเป็นส่วนใหญ่น้้าคร่้าเศษเยื่อหุ้มเด็กเยื่อบุมดลูกไขและขนของเด็กขี้เทาลักษณะเลือดไม่เป็นก้อน
ด้านจิตใจ
มารดาจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจและอารมณ์เพื่อปรับตัวเข้าสู่บทบาทของการเป็นแม่ การปรับบทบาทใหม่ของสมาชิกในครอบครัวสตรีหลังคลอดเป็นบุคคลที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดซึ่งถ้าการปรับตัวเป็นไปได้ด้วยดีย่อมนำความสุขมาสู่ครอบครัวแต่ถ้าการปรับตัวของสตรีหลังคลอดไม่สำเร็จก็จะนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า (Postopartum blues) โดยภาวะซึมเศร้าระยะหลังคลอดอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกคลอดทันทีแต่พบมากที่สุดในช่วง 2 – 3 วันแรกมารดาหลังคลอดที่มีอาการทางจิตใจและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปส่วนใหญ่มักมีอารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดและร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุซึมเศร้าและวิตกกังวลสูงขึ้นหลงลืมง่ายนอนไม่หลับอาการเหล่านี้จะเป็นไม่นานนักและสามารถหายได้เองในเวลาต่อมาเป็นส่วนใหญ่แต่ถ้าอาการไม่ทุเลาลงก็อาจนำไปสู่การเกิดโรคจิตหลังคลอด (Postpartum psychosis)
2. Taking – hold phase
ระยะเข้าสวมบทบาทการเป็นมารดาระยะนี้จะอยู่ในช่วง 3 – 10 วันหลังคลอด มารดาหลังคลอดที่ได้รับการตอบสนองในช่วง Taking - in phaseอย่างครบถ้วนก็จะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ระยะนี้ โดยเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมพึ่งพาเริ่มเข้าสู่พฤติกรรมพึ่งพาเป็นอิสระสามารถช่วยเหลือตนเองได้มากยิ่งขึ้น เริ่มสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลทารกสนใจบุคคลอื่นๆในครอบครัวเพิ่มขึ้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่พยาบาลจะให้ค้าแนะน้าเรื่องการปฏิบัติตัวหลังคลอดและการดูแลทารกรวมทั้งสามีและบุคคลต่างๆ คอยให้กำลังใจเป็นแรงเสริมในทางบวกที่จะช่วยให้สตรีหลังคลอดสามารถปรับตัวในการเป็นมารดาได้ดียิ่งขึ้น
3. Letting-go phase
ระยะที่แสดงบทบาทได้ดีเป็นช่วงต่อเนื่องจาก Taking-hold phase ระยะนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 หลังคลอดเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่สตรีหลังคลอดและทารกลับมาอยู่ที่บ้านผู้ติดตามดูแลให้ค้าแนะนำต่อเนื่องจากระยะที่อยู่โรงพยาบาลต้องชี้แนะแนวทางให้มารดาหลังคลอดและสามีได้ร่วมกันวางแผนการด้าเนินชีวิตการปรับตัวเข้าสู่บทบาทใหม่และการมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนต่างก็ต้องมีพฤติกรรมพึ่งพาอาศัยกัน (Interdependent behavior) ในระยะนี้มารดาหลังคลอดเริ่มมีความต้องการที่จะพบหรือพูดคุยกับบุคคลภายนอก
1. Taking – in phase
ระยะเริ่มเข้าสู่บทบาทการเป็นมารดาเป็นระยะ 1 – 3 วันแรก หลังคลอดร่างกายมีความอ่อนล้าไม่สุขสบายจากการปวดมดลูกเจ็บปวดแผลฝีเย็บและคัดตึงเต้านมบางรายอาจปวดร้าวกล้ามเนื้อบริเวณตะโพกและฝีเย็บจนกระทั่งเดินไม่ได้ในช่วงวันแรกช่วยเหลือตนเองได้น้อยในช่วงนี้จึงสนใจแต่ตนเองมีความต้องการพึ่งพาผู้อื่น (Dependency needs) การพยาบาลที่ให้มุ่งเน้นที่จะประคับประคองทางด้านจิตใจและร่างกายของมารดาหลังคลอดเป็นหลักแต่มารดาหลังคลอดก็ยังสนใจในตัวทารกดังนั้นพยาบาลจึงควรเริ่ม
อธิบายถึงธรรมชาติของทารกให้มารดาได้รับทราบด้วย
การพยาบาล
1.มารดามีโอกาสติดเชื้อที่บริเวณแผลฝีเย็บ (Day 2)
ข้อมูลสนับสนุน
มารดามีแผลฝีเย็บหลังคลอด
วัตถุประสงค์
ไม่มีการติดเชื้อที่บริเวณแผลฝีเย็บ
มารดาสามารถดูแลตนเองระยะหลังคลอดเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อได้อย่างถูกต้อง
มารดาปฏิบัติตนเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
ติดตามประเมินบริเวณแผลฝีเย็บ
สังเกตดูอาการบวม แดง จำนวนและชนิดของสารคัดหลั่งจากแผลฝีเย็บตามหลัก REEDA และประเมินความเจ็บปวด
ดูแลทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง
แนะนำให้เปลี่ยนผ้าอนามัยเมื่อชุ่มแผ่นหรือทุก 3-4 ชั่วดโมง
กระตุ้นให้ลุกเดินบ่อยๆเพื่อช่วยให้เลือดไปเลี้ยงแผลได้ดีขึ้น
การประเมินผล
มารดาไม่มีการติดเชื้อที่บริเวณแผลฝีเย็บ
มารดาเข้าใจเรื่องการปฏิบัติตนไม่ให้แพร่กระจายเชื้อ
2.แนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน (Discharge planning) (Day 2 & Day 3
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาพร่องความรู้ในบางเรื่องของการเตรียมตัวกลับบ้าน
วัตถุประสงค์
เพื่อให้มารดาปฏิบัติตนเมื่อกลับบ้านได้อย่างเหมาะสม
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำเรื่องการดูแลตนเอง
มารดาที่คลอดแบบ normal labor อาจพบปมไหมบริเวณแผลฝีเย็บ ไม่ควรแกะหรือดึงเนื่องจากเป็นไหมละลายจะละลายได้เอง
ประเมินดูการคัดตึงของเต้านม หากมีอาการคัดตึงให้ประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นหรือนวดเต้านมเพื่อกระตุ้นให้น้ำนมไหลออกมา
ให้มารดานวดคลึงมดลูกเพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดี ไม่ควรนำกระเป๋าน้ำร้อนหรือทำการอยู่ไฟในช่วง 6 สัปดาห์
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ด้วยสบู่และน้ำสะอาด ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรแช่ตัวในอ่างอาบน้ำหรือแม่น้ำ
แนะนำให้เปลี่ยนผ้าอนามัยเมื่อชุ่มแผ่นหรือทุก 3-4 ชั่วโมง
ให้มารดานอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากปากมดลูกยังไม่ปิดดีอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
ให้คำแนะนำในการคุมกำเนิดให้กับมารดา เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิดแบบกิน แบบฉีด และแบบฝัง ให้มารดาได้ตัดสินใจและเลือกวิธีคุมกำเนิดด้วยตนเอง
แนะนำเรื่องการรับประทานอาหาร
ควรรับประทานอาหารที่มีคุณค่าเพื่อส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงและผลิตน้ำนมได้เพียงพอ เช่น อาหารพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่ว ไข่ นมสด หัวปลี ขิง กุยช่าย รับประมานผักผลไม้ที่มีกากใย เช่นมะละกอ ลูกพรุน สับปะรด สัม เพื่อป้องกันไม่ให้ท้องผูก ละดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 6-8 แก้ว
ควรงดรับประทานอาหารรสจัดของหมักดอง น้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เนื่องจากสามารถผ่านทางน้ำนมได้
แนะนำเรื่องการเคลื่อนไหวร่างกาย
มารดาไม่ควรยกของหนัก ไม่ควรขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
มารดาสามารถออกกำลังกายได้เบาๆด้วยท่าบริหารร่างกายที่ง่ายและปลอดภัย มารดาสามารถปฏิบัติได้เลยถ้าไม่รู้สึกอ่อนเพลียจนเกินไป
เฝ้าติดตามอาการที่ผิดปกติ
มีเลือดสดๆออกมาทางช่องคลอด
เต้านมมีอาการบวม แดง ร้อน และเจ็บ คลำแล้วพบก้อนที่เต้านม หรือสังเกตว่าเต้านมมีอาการอักเสบ
มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ตาพร่ามัว
หลังคลอดไป 2 สัปดาห์แล้วยังสามารถคลำพบมดลูกหรือก้อนทางหน้าท้อง หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นผิดปกติ หรือมีสีแดงเข้มอีกหลังจากที่มีสีจางลงแล้ว
แผลฝีเย็บมีอาการอักเสบ บวมแดง หรือมีหนองไหลออกมา
รู้สึกแสบขัดเมื่อถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะไม่สุด ถ่ายปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะขุ่น
การประเมินผล
มารดาทราบและสามารถปฏิบัติตนในการดูแลตนเองหลังคลอดได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
นศพต.นงพงา คำห่อ ชั้นปีที่ 3 เลขที่ 30