Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case study
B-11 มภร10/2
02D6BEFD-9FAA-43E6-8241-300292C5FE48, 802D9F7F…
Case study
B-11 มภร10/2
ข้อมูลส่วนตัว
-
- ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสุขภาพของผู้รับบริการ
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน : 1 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล วัด O2 Sat 80% เจ้าหน้าที่ศูนย์สังเกตว่าผู้ป่วยหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย มีอาการหอบเหนื่อยมากขึ้น ไม่มีอาการไอ รับ Feed ได้ปกติ ไม่อาเจียน ไม่มีถ่ายเหลว urineใสพบตะกอนเล็กน้อย
-
-
General Apperance
: ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 52 ปี รูปร่างท้วม ผิวขาว รู้สึกตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ on Tracheostomy tube with o2 collar mask 3 LPM แผล tracheotomy ไม่มีdischarge ซึมแผลแห้งดี on NG Tube สูตรอาหาร B.D. 1.5:1 300*4 feed feed น้ำ 50 cc On percutaneous drainage บริเวณ Left lower lobe ต่อสายลง Drainge bag ผู้ป่วยมี exudate สีเหลืองขุ่น ปริมาณ 20 cc คาสาย ผู้ป่วย On Foley’s catheter ต่อ urine bag ปัสสาวะสีเหลืองขุ่น ปริมาณ 500 cc ผู้ป่วย on injection plug ที่ขาซ้าย
-
-
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1 เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากการแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอดลดลงจากมีของเสียคั่งในเยื่อหุ้มปอด
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมิน Hypoxia เช่น ผิวหนังซีด สับสน มึนงง ไอ หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ เป็นต้นและผู้ป่วยไม่มีภาวะ cyanosis เช่น มือเท้าเขียว ริมฝีปากซีด เป็นต้น
2.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ช่วยให้การหายใจมีประสิทธิภาพและผู้ป่วยได้รับออกซิเจนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
โดยจัดท่านอนศีรษะสูง เพื่อช่วยให้ปอดขยายตัวดีขึ้น ดูแลให้ได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา(Keep O2 45%)
4.ประเมินสัญญาณชีพทุก 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะประเมินการหายใจ อัตราการหายใจ ลักษณะการหายใจ การขยายของทรวงอกทั้งสองข้าง ค่า O2 saturation มากกว่าหรือเท่ากับ 94%
-
5.ประเมินของเหลวที่ออกจากทางท่อระบายทรวงอก โดยสังเกตสี ปริมาณ และลักษณะ ดูแลการทำงานของท่อระบายทรวงอกเป็น closed system โดยไม่ให้สายหัก พับงอ เพื่อการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายระบายทรวงอก
6.ดูและบริเวณแผล On ICD โดยการทำแผลทุกวันตามแผนการรักษา โดยใช้เทคนิค Sterile technique ประเมินลักษณะ bleeding และขนาดของแผล ตำแหน่งของสาย
7..ส่งเสริมการขยายตัวของปอด โดยช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยหายใจอย่างถูกวิธีโดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถหายใจเข้าออก อย่างเต็มที่ ป้องกันภาวะปอดแฟบ
-
-
-
-
เกณฑ์การประเมินผล
1.รู้สึกตัวดี ไม่มีภาวะ Hypoxia เช่น ผิวหนังซีด สับสน มึนงง ไอ หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ เป็นต้น และผู้ป่วยไม่มีภาวะ cyanosis เช่น มือเท้าเขียว ริมฝีปากเขียว เป็นต้น
2.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะอัตราการหายใจ 12-22 ครั้ง/นาที
ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที และ O2 SAT > 94%(Keep O2 94%)
3.การทำงานของท่อระบายทรวงอก มีการระบายอย่างมีประสิทธิภาพคือ
สายไม่อุดตัน ไม่หักงอ ไม่เลื่อนหลุด อยู่ต่ำกว่าระดับทรวงอก และอยู่ในระบบปิด
-
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 2 เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการใส่ท่อระบาย( การอักเสบหรือการติดเชื้อในช่องเยื่อหุ้มปอด)
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
- สังเกตการ fluctuatedของระดับน้ำในหลอดแก้ว ถ้าหายใจเข้าระดับน้ำจะเคลื่อนขึ้น หายใจออกระดับน้ำจะเคลื่อนลง
- เปลี่ยนขวดเมื่อเมื่อมี content ออกเพิ่ม และปลายหลอดแก้วอยู่ใต้น้ำเกิน 5ซม.
-
- การทำงานของระบบต้องเป็น closed system: seal ข้อต่อต่างๆให้แน่น
- ประเมินสัญญาณชีพทุก 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะประเมินการหายใจ อัตราการหายใจ ลักษณะการหายใจ การขยายของทรวงอกทั้งสองข้าง ค่า O2 saturation มากกว่าหรือเท่ากับ 94%
- ประเมินของเหลวที่ออกจากทางท่อระบายทรวงอก โดยสังเกตสี ปริมาณ และลักษณะ ดูแลการทำงานของท่อระบายทรวงอกเป็น closed system โดยไม่ให้สายหัก พับงอ เพื่อการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายระบายทรวงอก
-
-
-
พยาธิสภาพ
Pleural effusion
อาการPleural effusion : หอบ หายใจถี่ หายใจลำบากเมื่อนอนราบหรือหายใจเข้าลึกๆ เนื่องจากของเหลวในช่องเยื่อหุ้มปอดไปกดทับ ทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ไอแห้ง มีหข้ สะอึก เจ็บหน้าอก
: ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด คือภาวะที่มีของเหลวปริมาณมากเกินปกติในพื้นที่ระหว่างเยื่อหุ้มปอดและเยื่อหุ้มช่องอก โดยปริมาณน้ำที่มากขึ้นจะไปกดทับปอด ส่งผลให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ผู้ป่วยภาวะนี้มีอาการโดยทั่วไปคือ ไอ เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือรู้สึกเจ็บขณะหายใจ
-
Pneumonia
อาการ Pneumonia : หนาวสั่น ตัวร้อน หน้าแดง หายใจหอบ ไอมีเสมหะ เป็นหนอง คลื่นไส้ เจ็บหน้าอก มีเสมหะในปอด ผิวหนังอาจมีเขียวคล้ำ ปวดเมื่อยตามตัว ข้อ ปวดหัว ปวดท้อง
: หนาวสั่น ตัวร้อน หน้าแดง หายใจหอบ ไอมีเสมหะ เป็นหนอง คลื่นไส้ เจ็บหน้าอก มีเสมหะในปอด ผิวหนังอาจมีเขียวคล้ำ ปวดเมื่อยตามตัว ข้อ ปวดหัว ปวดท้องเชื้อที่อยู่ในเยื่อเมือกหรือเสมหะ ในทางเดินหายใจส่วนต้นจะแพร่เข้าสู่ถุงลม ในถุงลมจะมีกลไกป้องกันตามปกติ เช่น การโบกปัดของซิเลีย การไอ เพื่อขจัดแมกโคาฟา ทำลายเชื้อโรคที่อยู่ในถุงลม ซิเลีย โบกปัดออกโดยการไอ เมื่อขับเชื้อออกทางเสมหะหรือกลืนลงกระเพาะอาหาร ถ้าร่างกายไม่มีกลไกดังกล่าว ปอดจะอักเสบ น้ำหรือเมือกจะเพิ่มขึ้น บริเวณถุงลมไหลเช้าสู่หลอดลมฝอย ทำให้เนื้อที่การแลกเปลี่ยน o2,co2 น้องลง และขจัดเชื้อโรคไปยังต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือด เพื่อขจัดออกนอกร่างกาย จะมีเม็ดเลือดขาว/แดง รวมตัวกันบริเวณที่มีการอักเสบมากขึ้น ทำให้บริเวณถุงลมแคบลงและแข็ง น้ำหรือเมือกที่ติดเชื้อจะแพร่ไปยังปอดส่วนอื่น ทำให้ผู้ป่วยมีไข้ ไอ อาจมีเสมหะด้วย
tracheostomy tube
คือท่อที่ใส่เข้าไปในหลอดลมคอ ภายหลังการเจาะคอ (tracheostomy) โดยใส่ผ่านผิวหนังและกล้ามเนื้อคอ เพื่อให้อากาศสามารถผ่านเข้าสู่หลอดลมและปอดโดยไม่ต้องผ่านช่องจมูกและลำคอส่วนบน และยังเป็นทางให้ผู้ป่วยไอเอาเสมหะออกจากหลอดลม หรือดูดเสมหะออกจากหลอดลมได้
อาการ ภาวะพร่องออกซิเจนนับว่า เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากมักจะเกิดอาการขึ้นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่รู้สึกตัว (Insidious onset) จนหมดสติไปในที่สุด โดยทั่วไปแล้ว มีอาการ และอาการแสดง มึนงง วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ร้อนๆ หนาวๆ วูบวาบตามตัว มือเท้าชา ตาพร่ามัว ลานสายตาแคบลง เคลิ้มฝันเป็นสุข (euphoria) ไม่รู้สึกวิตกกังวลใดๆ เป็นต้น อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับแต่ละคน และแต่ละวัน อาจจะแตกต่างกันไป ซึ่งตัวเองอาจสังเกต และจดจำไว้ เป็นสัญญาณเตือนให้ทราบว่า กำลังเกิดภาวะพร่องออกซิเจนขึ้นแล้ว
-
ข้อแตกต่าง ICD และ PCD
ICD
-การทำงานของระบบต้องเป็น closed system: seal ข้อต่อต่างๆให้แน่น
-ปลายขวดแก้ว UWS ต้องจุ่ใโต๊ะ2-3 ชม. ภ้าพบว่าไม่มีการจุ่ม
คือการใส่สายเข้าไปยังช่องเยื่อหุ้มปอด
การพยาบาล
1.สังเกตการ fluctuatedของระดับน้ำในหลอดแก้ว ถ้าหายใจเข้าระดับน้ำจะเคลื่อนขึ้น หายใจออกระดับน้ำจะเคลื่อนลง
2.เปลี่ยนขวดเมื่อเมื่อมี content ออกเพิ่ม และปลายหลอดแก้วอยู่ใต้น้ำเกิน 5ซม.
3.ระวังขวดล้ม/เอียง วางขวดต่ำกว่าทรวงอกผู้ป่วยเสมอ
PCD
ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ภาวะที่มีของเหลวปริมาณมากเกินปกติในพื้นที่ระหว่างเยื่อหุ้มปอดและเยื่อหุ้มช่องปอด
การพยาบาล
ประเมินของเหลวที่ออกจากทางท่อระบายทรวงอก โดยสังเกตสี ปริมาณ และลักษณะ ดูแลการทำงานของท่อระบายทรวงอกเป็น closed system โดยไม่ให้สายหัก พับงอ เพื่อการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายระบายทรวงอก
VATs
VATS เป็นคำย่อ ของ Video-Assisted Thoracic Surgery หมายถึงการผ่าตัดทางศัลยศาสตร์ทรวงอกโดยใช้กล้องวิดีทัศน์ (thoracoscope) ช่วยผ่าตัด ซึ่งเป็นหนึ่ง ในวิธีของการผ่าตัด ในช่องอกในปัจจบัน ในอดีตการผ่าตัดช่องอกจะทำโดยการเปิดช่องซี่โครงเป็นแผลใหญ่ (open thoracotomy) เข้าไปทำการผ่าตัดหลังผ่าตัด ผู้ป่วยจะปวดแผลมากและฟื้นตัวช้า เทคนิคของการผ่าตัด แบบ VATS เป็นการผ่าตัดที่ทำ ในห้องผ่าตัดวิสัญญีแพทย์จะใส่ double lumen endotracheal tube เพื่อหยุดการทำงานของปอดข้างที่จะผ่าตัด รักษา ทำให้ปอดแฟบและมีที่ว่างใน pleural cavity ให้ทำผ่าตัด ได้ จากนนั้นจะจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนตะแคงเอาด้านที่ผ่าตัดขึ้นบน ศัลยแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็ก (1 – 3 ซม.) ที่ช่องซี่โครงตั้งแต่ 1 – 4 แผล จำนวนแผลและตำแหน่งของแผลจะขึ้นกับชนิด และความยากง่ายของหัตถการที่ทำ โดยแผลแรกสำหรับใส่กล้องวีดีทัศน์ (camera port) ส่งภาพไปที่จอ monitor และแผลต่อไปสำหรับใส่เครื่องมือเข้าไปผ่าตัด (working ports)
ภาวะแทรกซ้อนของ VATS for spontaneous pneumothorax มักเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ไม่รุนแรงเช่น การมีลมรั่วจาก ICD เป็นเวลานาน (prolonged air leak) ซึ่งมักเป็นลมรั่วจาก bullectomy stapler line โดยเฉพาะในรายที่เป็น emphysematous lung parenchyma การเจ็บแผลผ่าตัดเรื้อรัง (chronic pain) ที่เป็นผลจากการบาดเจ็บของเส้นประสาท intercostal (intercostal neuralgia) ที่ถูกกดจาก troca หรือ port ที่ใช้ถ่างแผล การติดเชื้อและเลือดออก
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- งดน้ำและอาหารทุกชนิดหลังเที่ยงคืน เพื่อป้องกันปัญหาการสำลักเศษอาหารระหว่างการให้ยาระงับความรู้สึก
- ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด เช่น อาบน้า สระผม เพื่อลดการติดเชื้อ
- ถอดสิ่งของมีค่าเครื่องประดับทุกชนิด เช่นแหวน กิ๊บ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู แว่นตา คอนแทคเลนส์ เพราะจะทำให้เป็นสื่อการนำไฟฟ้า ทำให้อันตรายขณะผ่าตัด รวมทั้งอาจสูญหาย ได้
- ถอดฟันปลอม เนื่องจากการผ่าตัดบางครั้งต้องดมยาสลบ หรือต้องใส่อุปกรณ์ในช่องปาก ท้าให้ฟันปลอมไปในหลอดลม เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจได้
- งดทาเล็บและตัดเล็บให้สั้น เนื่องจากขณะทำการผ่าตัดจะมีการวัดปริมาณ ออกซิเจนในร่างกายติดไว้ที่ปลายนิ้ว เพื่อประเมินภาวะซีดขณะผ่าตัด จะทำให้รบกวนสัญญาณการจับค่าปริมาณออกซิเจนได้
- สวนอุจจาระ หรือทานยาระบายก่อนผ่าตัด เนื่องจากขณะผ่าตัดหลังได้รับยาสลบ ลำไส้ใหญ่คลายตัวท้าให้เกิดการปนเปื้อนขณะผ่าตัดได้
- ใส่เสื้อผ้าของโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ โดยไม่ต้องใส่เสื้อชั้นในและกางเกงใน (เช้าวันผ่าตัด)
- พักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจให้สบาย
- ถ้ามีประวัติการเจ็บป่วยทั้งปัจจุบันและอดีตเกี่ยวกับโรคประจำตัว การใช้ยา การแพ้ยา กรุณาแจ้งพยาบาลหรือแพทย์ทราบทันที
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-