Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 7 หลักกฎหมายประกันสังคม - Coggle Diagram
หน่วยที่ 7
หลักกฎหมายประกันสังคม
วัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติ
กฎประกันสังคมที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533วัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติประกันสังคมฉบับนี้ก็เพื่อ
1 จัดตั้งกองทุนประกันสังคมขึ้นโดยให้นายจ้างพร้อมด้วยลูกจ้างคือผู้ประกันตนและรัฐบาลรวม 3 ฝ่ายร่วมกันออกเงินสมทบเงินกองทุนประกันสังคม
2 เพื่อเป็นหลักประกันแก่บุคคลผู้เป็นลูกจ้างผู้ประกันตนเมื่อประสบเคราะห์ภัยมีปัญหาด้านการเงินจะได้รับการช่วยเหลือในลักษณะเฉลี่ยความเสี่ยงของประโยชน์ในสังคมด้วยการนำเงินกองทุนเรียกว่าประโยชน์ทดแทนช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย
3 ใช้กองทุนเป็นหลักประกันให้แก่ลูกจ้างคือผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทน
4 ที่ลูกจ้างหรือผู้ประกันตนจะได้รับประโยชน์ทดแทนจากกองทุนก็ต่อเมื่อลูกจ้างหรือผู้ประกันตนประสบอันตรายเจ็บป่วย
ขอบเขตการใช้พระราชบัญญัติประกันสังคม
พระราชบัญญัติประกันสังคม 2533 ฉบับนี้ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบันเป็นฉบับที่ 4 พ.ศ 2558 ให้ทันสมัยและเหมาะกับสภาพสังคมด้วยมาขอบเขตการใช้บังคับแก่ผู้ประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไปโดยทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องขึ้นทะเบียนกับพนักงานประกันสังคม
สํานักงานประกันสังคม
สํานักงานประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม 2533 กำหนดให้มีสำนักงานประกันสังคมขึ้นในกระทรวงในงานและให้มีหน้าที่ดังนี้
1 ปฏิบัติงานธุรการของคณะกรรมการและคณะกรรมการอื่นในคณะอนุกรมการตามพระราชบัญญัติ
2 เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม
3 จัดทำทะเบียนนายจ้างและผู้ประกันตนซึ่งต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุน
4 ปฏิบัติการตามที่พระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน
ประจำกิจการอื่นอย่างอื่นตามที่รัฐมนตรีคณะกรรมการคณะกรรมการอื่นหรือคณะอนุกรมการมอบหมาย
กองทุนประกันสังคม
กองทุนประกันสังคมตั้งอยู่ในสำนักงานประกันสังคมกระทรวงแรงงานเพื่อเป็นทุนไว้ใช้จ่ายให้กับผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัตินี้และเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของสำนักงานประกันสังคม
ผู้ประกันตน
คือลูกจ้างที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อก่อให้เกิดสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัตินี้ผู้ประกันตนประเภทนี้เป็นประเภทอยู่ในระบบซึ่งกฎหมายบังคับว่าต้องเป็นผู้ประกันตนจนกระทั่งมีอายุไม่เกิน 60 ปีถ้าอายุ 60 ปีบริบูรณ์แล้วกฎหมายไม่บังคับจะเป็นผู้ประกันตนหรือไม่ก็ได้ผู้ประกันตนประเภทนี้อยู่ในบังคับของกฎหมายตามมาตรา 33 และยังมีผู้ประกันตนอีก 2 ประเภทเจ้าตัวประสงค์จะเป็นผู้ประกันตนได้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 แยกอธิบายได้ดังนี้
ผู้ประกันตนตามมาตรา 33
เธอเป็นประเภทอยู่ในระบบที่ลูกจ้างต้องเป็นผู้ประกันตนเสมอซึ่งผู้รับผิดชอบจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนจะประสบประกอบด้วย 3 ฝ่ายได้แก่รัฐบาลนายจ้างและลูกจ้างที่น่าสังเกตคือฝ่ายนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังม
ผู้ประกันตนตามมาตรา 39
ผู้ประกันตนประเภทนี้เคยเป็นลูกจ้างหรือเป็นผู้ประกันตนมาก่อนแล้วต่อมาได้สิ้นสภาพจากการเป็นลูกจ้างจะด้วยการลาออกจากการเป็นลูกจ้างหรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม
การขึ้นทะเบียนประกันตน
การขึ้นทะเบียนประกันตนให้กับลูกจ้างเป็นหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างต้องปฏิบัติร่วมกันสรุปได้ดังนี้
หน้าที่ของนายจ้าง
นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างตั้งแต่กี่คนขึ้นไปต้องแจ้งแบบแสดงรายการแสดงรายชื่อผู้ประกันตนอัตราค่าจ้างและข้อความอื่นตามแบบที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดซึ่งเรียกว่าขึ้นทะเบียนประกันตนการขึ้นทะเบียนประกันตนจะต้องกระทำภายใน 30 วันนับแต่วันที่ลูกจ้างเริ่มเป็นผู้ประกันตนหลังจากนั้นสำนักงานประกันสังคมจะออกหนังสือสําคัญแสดงการจดทะเบียนประกันสังคมให้แก่นายจ้างและออกบัตรประกันสังคมให้แก่ลูกจ้างเป็นหลักฐานไว้
หน้าที่ของผู้ประกันตนหรือลูกจ้าง
ต้องจ่ายเงินสมทบโดยนายจ้างเป็นผู้หักจากค่าจ้างรายเดือนนำส่งให้สำนักงานประกันสังคมทุกครั้งที่มีการจ่ายค่าจ้างหรือค่าจ้างรายเดือน
เงินสมทบ
คือเงินที่ผู้ประกันตนต้องส่งเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นประจำทุกเดือนตามอัตราร้อยละจากฐานเงินเดือนของผู้ประกันตนซึ่งกำหนดจากฐานเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงเป็นฐานในการคำนวณแต่ต้องไม่เกินอัตราเงินสมทบที่กำหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติประกันสังคมฉบับนี้
ประโยชน์ทดแทน
หมายถึงประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับประโยชน์ทดแทนเป็นเงินจากกองทุนประกันสังคมประโยชน์ทดแทนมี 7 กรณีตามที่กล่าวมาแล้วอาจแยกได้เป็น 3 กลุ่มคือ
กรมที่ 1 มีประโยชน์ทดแทน4กรณี
1 ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน
2 ประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพอันนี้ใช่เรื่องเนื่องจากการทำงาน
3 ประโยชน์ทดแทนกรณีตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน
4 ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร
กรม 2 มีประโยชน์ทดแทน 2 กรณี
1 ประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร
2 ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ
กลุ่ม 3 มีประโยชน์ทดแทน1กรณี
เป็นประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน
เงินทดแทน
ในการทำงานลูกจ้างอาจต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดอันตรายหรือก่อให้เกิดการเจ็บป่วยได้ตลอดเวลาเนื่องมาจากเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงานหรือลักษณะการทำงานที่ไม่ถูกต้องของตัวลูกจ้างเองเป็นเรื่องปกติที่จะประสบอันตรายหรือเกิดการเจ็บป่วยขึ้น