Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 ทักษะการสื่อสารด้วยการเขียน (Communicative Skill with Writing),…
บทที่ 5
ทักษะการสื่อสารด้วยการเขียน
(Communicative Skill with Writing)
ความหมายของการเขียน
การเขียน
คือ ทักษะการใช้ภาษาชนิดหนึ่ง เป็นการถ่ายทอดความรู้ความคิด จินตนาการ ประสบการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งอารมณ์และความรู้สึกกับข่าวสาร เป็นการสื่อสารหรือสื่อความหมายโดยมีตัวหนังสือตลอดจนเครื่องหมายต่าง ๆ เป็นสัญลักษณ์แทนถ้อยคำในภาษาพูด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ตามความ มุ่งหมายของผู้เขียนการเขียนจึงเป็นทักษะที่มีหลักฐานถาวรปรากฏอยู่นาน และการเขียนจะเกิดผลดีหรือ ผลเสียนั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื้อหาและกลวิธีการเขียนของผู้เขียน
ความสำคัญของการเขียน
งานเขียนมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ
1.1ช่วยให้มีหนังสือประเภทต่าง ๆ ออกมาขายและอยู่ในห้องสมุดตามสถาบันต่างๆกันอย่างมากมายอีกทั้งหนังสือบางเล่มยังสามารถใช้เป็นแหล่งที่มาในการอ้างอิงในการทำผลงานทางวิชาการ
1.2ช่วยให้ประเทศชาติเจริญ ประเทศใดมีหนังสือมากคนในประเทศนั้นมักเป็นคนที่มีความรู้มีการศึกษาแต่ตรงกันข้าม ประเทศที่ไม่พัฒนาและล้าหลัง มักมีหนังสือเป็นจำนวนน้อยมาก
งานเขียนมีประโยชน์ต่อตนเอง
2.1 ช่วยเป็นเครื่องมือในการทดสอบความสามารถ
ความคิดของตนเอง
2.2 ช่วยเป็นอนุสาวรีย์หรือเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจของผู้เขียน
2.3 ช่วยในการเป็นรายได้หาเลี้ยงชีพ โดยการขายหนังสือ
ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในการที่จะร่ำรวยได้จากงานเขียน
2.4 ช่วยในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพการงาน
ไม่ว่าเราจะทำงานอาชีพอะไร
2.5 ช่วยให้เป็นคนมีชื่อเสียงและทำให้คนอยากรู้จัก
2.6 ช่วยในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
หลายท่านใช้เวลาหรือเสียเวลาไปกับสิ่งต่าง ๆ
ลักษณะของงานเขียนที่ดี
ความชัดเจน
ความถูกต้อง
ความกะทัดรัด
ความมีนำ้หนัก
ความเรียบง่าย
การวิเคราะห์ผู้อ่าน
ผู้อ่านมีความรู้เรื่องที่ผู้เขียนจะเขียนนั้นแล้วหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
ผู้อ่านควรทราบข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับหัวข้อนั้น
ผู้อ่านคาดหวังอะไรจากเรื่องที่เขียน
ผู้อ่านมีทัศนคติต่อเรื่องที่เขียนอย่างไร
ทาไมผู้อ่านจึงสนใจและทำไมจึงไม่สนใจเรื่องที่เขียน
ข้อมูลประเภทใดที่ผู้อ่านยอมรับและเชื่อถือ
เขียนอย่างไรให้เหมาะกับผู้อ่าน
ทักษะการเขียนด้วยผังความคิด (Mind Map)
MIND MAP หรือ แผนที่ความคิด คือ เทคนิคการคิด และวิธีการ
จดบันทึกความคิดของเรา เปรียบเสมือนการจำลองความคิดจากสมองลงสู่กระดาษ โดยออกมาในลักษณะคล้ายแผนที่ แผนภาพที่แตกแขนงออกเหมือนกิ่งไม้และเชื่อมโยงกัน เหมือนเซลล์ประสาทในสมอง โดยจะใช้ภาพเส้น สีสัญลักษณ์และคำสำคัญมาใช้วาดจากตรงกลางแล้วกระจายความคิดออกไปแทนการเขียนบันทึกด้วยตัวอักษรเรียงเป็นบรรทัดยาว ๆ
ลักษณะของผู้เขียน
ผู้เขียนจำเป็นต้องเป็นผู้มีความคิดริเริ่ม ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
ผู้เขียนจำเป็นต้องเป็นผู้มีความรู้หรือประสบการณ
ผู้เขียนควรมีความสามารถในการเลือกเนื้อหาและการใช้ภาษาที่มีอรรถรสปลุกเร้าความรู้สึกผู้อ่านให้สนใจอ่านและเห็นคุณค่า ได้อย่างประณีตสละสลวยและมีประสิทธิภาพ
ผู้เขียนควรหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่จะทำให้ผู้อ่านหรือตนเอง
เดือดร้อน และทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะ
ผู้เขียนจะต้องมีบุคลิกลักษณะท่าทางในการนั่ง การวางมือ การจับดินสอ ปากกา
ก็มีความสำคัญ
ผู้เขียนต้องมีลายมือหรือมีความสามารถเขียนตัวอักษรให้ถูกต้องตามลักษณะ
อักษรไทย มีความเป็น ระเบียบ สะอาดและชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านสนใจอยากอ่าน
ผู้เขียนต้องมีจรรยาบรรณ
ภาษาเขียนและภาษาพูด
ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียนพออธิบายได้ดังน
ภาษาเขียนไม่ใช้ถ้อยคำหลายคำที่เราใช้ในภาษาพูดเท่านั้น
เช่น เยอะแยะ โอ้โฮ จมไปเลยแย่ เป็นต้น
ภาษาเขียนไม่มีสำนวนเปรียบเทียบหรือำสแลงที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในภาษา
เช่น ชักดาบ พลิก ล็อค โดดร่ม เป็นต้น
ภาษาเขียนมีการเรียบเรียงถ้อยคำที่สละสลวยชัดเจนไม่ซ้ำคำหรือซ้ำความโดยไม่จำเป็น ในภาษาพูดอาจจะใช้ซ้ำคำหรือซ้ำความเช่น การพูดกลับไปกลับมาเป็นการย้ำคำหรือเน้นข้อความนั้นๆ
ภาษาเขียนใช้คำภาษามาตรฐาน หรือภาษาแบบแผน
ซึ่งนิยมใช้เฉพาะในวงราชการหรือในข้อเขียนที่เป็นวิชาการทั้งหลายมากกว่าภาษาพูด
ภาษาพูดมักจะออกเสียงไม่ตรงกับภาษาเขียน คือ เขียนอย่างหนึ่งเวลาออกเสียง
จะเพี้ยนเสียงไปเล็กน้อย ส่วนมากจะเป็นเสียงสระ
ขั้นตอนการเขียน Mind Map 6 วิธ
เริ่มวาดที่จุดกึ่งกลางของกระดาษก่อน แล้วพร้อมที่แตกหน่อ
ความคิดออกไปยังทุกทิศทางเรียงตามลำดับที่เราต้องการได้เลย
ใช้รูปภาพหรือวาดรูปประกอบ
ใช้ปากกาหลากหลายสีมาเติมแต่ง สีสันจะทำให้สมองของเราได้ตื่นตัว
ทำให้ดูมีชีวิตชีวาน่าอ่านมากยิ่งขึ้น
วาดกิ่งออกมาจากภาพตรงกลาง แล้วแตกกิ่งก้านสาขาออกมาตาม
ที่สมองเราจะคิดได้ต้องให้เส้นเชื่อมต่อกัน
วาดเส้นกิ่งให้โค้งดีกว่าวาดแบบเส้นตรง
ใช้เพียงแค่คำสำคัญ (Keyword) เท่านั้น สำหรับเส้นกิ่งแต่ละเส้นควรใช้คำที่สั้นๆ
หรือที่เป็นคีย์เวิร์ดเข้าใจง่าย
คำภาษาไทยที่มักเขียนผิด
ปัจจุบัน คนไทยโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่มักเขียนภาษาไทยผิด ๆ ถูก ๆ แม้แต่บางคำที่
ไม่น่าจะเขียนผิด แต่เพราะความเคยชิน ทำให้เขียนผิด ซึ่งบางทีเราอาจจะไม่ได้ตั้งใจเขียนผิด แต่เป็นเพราะเห็นตามร้านค้า ป้าย ประกาศตามสถานที่ต่าง ๆ เขียนเช่นนี้จนคุ้นตา ทำให้เราเข้าใจว่าคำดังกล่าวเขียนถูกต้องจนนำไปสู่การจดจำที่ผิด ๆ โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษซึ่งคนไทยนิยมออกเสียงตรีที่มักนำมาเขียนกันแบบผิด ๆ ให้เห็นอยู่บ่อย ๆ
ภาษาไทยที่ใช้บ่อยและมักจะเขียนผิดกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งสามารถเข้าไปตรวจสอบ
ได้ที่เว็บไซต์ของ ราชบัณฑิตยสถานได้
นางสาว วนิสรา กองเกียรติเจริญ
63031040161 Section.19