Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
รากฐานแห่งพระราชอำนาจ - Coggle Diagram
รากฐานแห่งพระราชอำนาจ
การสนับสนุนและความจงรักภักดีของกลุ่มบุคคล
กลุ่มชนชั้นสูง
พระราชวงศ์
พระญาติที่ใกล้ชิดของกษัตริย์
เป็นกำลังสำคัญในการค้ำจุนและช่วงชิงบัลลังก์
กษัตริย์ต้องหาวิธีควบคุม พร้อมกับการผูกพันไว้เป็นฐานอำนาจ
สถาปนาพระอิสริยยศ
ยกเลิกระบบกินเมือง
ในสมัยสุโขทัยและอยุธยาตอนต้น แต่งตั้งเจ้านายที่ไว้วางพระทัยเป็นของเมืองสำคัญ
ขุนนาง
คือกลุ่มบุคคลที่รับราชการเป็นกลไกในการบริหารแทนกษัตริย์
การปกครองแยกเป็นกรมกองต่างๆ แบ่งสังกัดออกเป็นฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน
การตั้งขุนนางก็ต้องคัดสรรจากผู้ที่สืบตระกูล มีความจงรักภักดี เพื่อเป็นฐานค้ำจุนบัลลังก์
วิธีควบคุมไม่ให้กลุ่มชนชั้นสูงคิดร้ายต่อพระองค์
มาตรการด้านไมตรี คือ การผูกสัมพันธ์ผ่านทางสตรีจากตระกูลขุนนางและประเทศราชที่เข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระสนม
มาตรการด้านอำนาจ คือ การตรากฎหมายไว้ลงโทษผู้กระทำผิด โดยเฉพาะฐานกบฏ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
กลุ่มสมณพราหมณ์
พราหมณ์
ประกอบพิธีกรรมเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้สถาบันกษัตริย์ เช่น การทำนายโชคชะตา ราศี ฤกษ์ยาม
ตำแหน่งที่สำคัญในสมัยอยุธยา คือ พระโหราธิบดีและพระมหาราชครู
พระภิกษุสงฆ์
เป็นผู้สืบทอดศาสนา เผยแผ่หลักธรรม เพื่อสร้างสันติเป็นผลดีต่อฝ่ายปกครอง
กษัตริย์จึงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ ด้วยการก่อสร้างทางบกบำรุงวัดวาอาราม และจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์
พระเถระชั้นสูง มีบทบาทในการพิจารณาคัดเลือกในการขึ้นดำรงตำแหน่งกษัตริย์ ในรัชกาลที่ 3 ถึง 5 ด้วย
กลุ่มผู้ถูกปกครอง
ไพร่
ไพร่ชายมีหน้าที่รับราชการตามกลุ่มสังกัดของตน ไพร่หญิงอาจถูกเกณฑ์แรงงานผู้ช่วยงานเจ้านายต้นสังกัด
กษัตริย์ให้การปกป้องคุ้มครองและควบคุมเพื่อผลประโยชน์ในการเป็นฐานอำนาจ
ทาส
มีทาสนับว่าเป็นผลเสียต่อตัวทาสเองและบ้านเมือง
รัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินการยกเลิกระบบไพร่และทาส เนื่องจากเป็นการปิดกั้นโอกาสประชากรส่วนใหญ่ในการเป็นฐานกำลังสำคัญของประเทศ
พ่อค้า
พ่อค้าได้รับการอุปถัมภ์และสิทธิพิเศษ
สามารถตั้งห้างร้านโรงเรือน และศาสนสถานตามความเชื่อถือได้
ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานเป็นไพร่
พ่อค้าบางส่วนเข้ารับราชการจึงสามารถควบคุมผลประโยชน์รายได้ของรัฐ
พ่อค้าจีน มีบทบาททางการเมือง อาศัยระบบอุปถัมภ์และการถวายธิดาแก่เจ้านาย และพัฒนาเป็นกลุ่มธุรกิจนาย ในระยะต่อมา
อิทธิพลและการสนับสนุนจากลัทธิศาสนา
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
กษัตริย์ผ่านการประกอบพิธีกรรม(สมมติยาภิเษก) เพื่อยอมรับจากมหาเทพ โดยมีคณะพราหมณ์เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด
พราหมณ์เหล่านี้มีตำแหน่งราชการปรากฏในทำเนียบศักดินาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ตั้งศาสนสถานโบสถ์พราหมณ์และเสาชิงช้าไว้กลางพระนครด้วย
แนวคิดด้านการปกครอง ถือว่ากษัตริย์คือ เทพเจ้า(สมมติเทพ)
พระพุทธศาสนา
กษัตริย์ใช้เมตตาธรรมสร้างบารมีให้ประชาชนเกิดความจงรักภักดี
ในสมัยสุโขทัย กษัตริย์รับอิทธิพลทางพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์ ช่วยเสริมเสถียรภาพทางการเมือง คือ การเป็นผู้มีบุญญาธิการและคุณธรรม
มีบทบาทสำคัญในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและถูกปกครอง
กษัตริย์เป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก
กำหนดขอบเขตแห่งพระราชจริยวัตรของกษัตริย์
หลักธรรมสำคัญ
ทศพิธราชธรรม
ราชจรรยานุวัตร
จักรวรรดิวัตร