Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 บทบาทความรับผิดชอบของพยาบาลในการดูแลผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใ…
บทที่ 10 บทบาทความรับผิดชอบของพยาบาลในการดูแลผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ
ระบบหายใจ
มีหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊สในสิ่งมีชีวิต โดยนำออกซิเจน (O2) เข้าสู่ร่างกายเพื่อนำไปสร้างพลังงาน แล้วก็จะขับของเสียออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
ทางเดินหายใจ
อวัยวะของระบบทางเดินหายใจประกอบด้วย รูจมูก (Nostrill) โพรงจมูก (Nasal cavity) คอหอย (Pharynx) หลอดลม (trachea) ขั้วปอด (Bronchus) และปอด (alveolu)
กลไกการหายใจเข้า – ออก
เมื่อเราหายใจเข้า กระบังลมจะหดตัวและเลื่อนตัวลง กระดูกซี่โครงยกตัวขึ้นและจะกลับกันเมื่อหายใจออก เมื่อหายใจออกกระบังลมจะยกขึ้น และกระดูกซี่โครงเลื่อนต่ำลง
การประเมินสภาพผู้ป่วยที่มีปัญหาการหายใจ
ปัญหาที่พบบ่อยๆในระบบทางเดินหายใจคือ
ภาวการณ์หายใจล้มเหลว (Respiratory Failure)
ภาวะที่ระบบหายใจไม่สามารถทําหน้าที่ระบายอากาศและแลกเปลี่ยนก๊าซได้เพียงพอ
มีระดับออกซิเจนในเลือดแดง (PaO2) ต่ำกว่าปกติหรือคาร์บอนไดซ์ในเลือด (PaCo2) สูงกว่าปกติและร่างกายมีความเป็นกรดมากขึ้น
สาเหตุของภาวการณ์หายใจล้มเหลว
หลอดลมตีบตัน
หอบหืด หลอดลมอักเสบรุนแรง
มีน้ำหรือลมในช่องเยื่อหุ้มปอด
กล้ามเนื้อการหายใจเสียหน้าที่
อาการภาวการณ์หายใจล้มเหลว
หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ เขียว (Cyanosis) หากมี CO2 คั่งในเลือดมากผู้ป่วยจะมีอาการซึม หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกตามตัว อาจหมดสติ
การรักษา
รักษาตามสาเหตุ เช่น บรรเทาการตีนตันของหลอดลมโดยให้ยาขยายหลอดลมเจาะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดออกหากมีน้ำมาก รักษาปอดอักเสบโดยให้ยาปฏิชีวนะที่ไวต่อเชื้อ ให้ออกซิเจน
การดูดเสมหะ
อุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปในหลอดลม เช่น Endotracheal, Tracheostomy tube เป็นต้น เพื่อนำเสมหะออกจากทางเดินหายใจ เนื่องจากผู้ป่วยไอขับเสมหะออกเองไม่ได้ หรือการเก็บเสมหะเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การประเมินเพื่อการดูดเสมหะ
พบปัจจัยเสี่ยงต่อเสมหะอุดกั้นภายในทางเดินหายใจ ผู้ป่วยขับเสมหะออกเองไม่ได้
การได้ยินเสียงเสมหะภายในหลอดลมของผู้ป่วยอัตราชีพจรและการหายใจเพิ่มขึ้น การฟังปอดได้เสียงผิดปกติ (Adventitions sound) เช่น Crepitation, Rhonchi เป็นต้น
การป้องกันภาวะพร่องออกซิเจนในการดูดเสมหะทาง Endotracheal tube
ภายหลังดูดเสมหะแต่ละครั้งให้ออกซิเจน 100% นาน 2-3 นาที
การให้ออกซิเจน
Nasal Cannula หรือสายออกซิเจนแบบผ่านจมูก
ใช้สำหรับอัตราการไหลของออกซิเจน 6-10 ลิตร/นาที ความเข้มข้นของออกซิเจนที่ได้ 24-44 % สายเล็กๆ ที่นำออกซิเจนควรอยู่ลึกในจมูกประมาณ 1 ซม.
Oxygen Mask หรือหน้ากากออกซิเจน
ใช้สำหรับอัตราการไหลของออกซิเจนใช้อัตรา 5-10 ลิตร/นาที ความเข้มข้นของออกซิเจนที่ได้ 60-100% การใช้ต้องครอบให้แนบสนิทกับหน้า
Oxygen Re breathing Mask with Bag หรือ หน้ากากออกซิเจนมีถุง
ใช้สำหรับอัตราการไหลของออกซิเจน 1-10 ลิตร/นาที การใช้ต้องครอบให้แนบสนิทกับหน้า สังเกตว่าถุงมีการยุบพอง ตามจังหวะการหายใจของคนไข้
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการให้ออกซิเจน
การบำบัดด้วยออกซิเจน ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากพาราควอตซ์ (paraquat poisoning) เพราะการให้ O2 จะทําให้ O2 ไปทําปฏิกิริยากับพาราควอตซ์ ทําให้เกิดพิษกับปอดได้
การพยาบาลผู้ป่วยขณะได้รับออกซิเจน
หมั่นสังเกตและประเมินภาวะของผู้ป่วย
หมั่นตรวจดูอุปกรณ์ที่ให้ออกซิเจน
ดูแลทางเดินหายใจโดยท่าทางเดินหายใจ(Clear air way) ให้โล่งตลอดเวลา
ดูแลความสะอาดของจมูกและปากบ่อยๆ หรือ ทุก2-3 ชั่วโมง
ดูแลด้านจิตใจ เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติ